ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

พายุ…: กลอน

                   
                                           

พายุ…: กลอน


      พายุ ... ลูกแล้ว ลูกเล่า            กระหน่ำ ซ้ำเข้า ด่าวดิ้น
น้ำท่วม ทุ่งนา หากิน                     ทรัพย์สิน บ้านช่อง ล่องลอย

      ปศุสัตว์ ขาดอาหาร                 น้ำผลาญ ชีวัน ร่วงผล็อย
ผู้ไม่ ถูกท่วม ร่วมพลอย                  อาหาร พลันน้อย คล้อยแคลง

      ความยาก ลำบาก หนักเห็น        ความเข็ญ ทั่วหัว ระแหง
ร้อนเร่า ข้าวยาก หมากแพง              สำแดง ไตรลักษณ์ ศักดา

      น้ำมา เพียงหน้า มรสุม              ชื้นชุ่ม คลุมครัน พรรษา
อารี ชีวี ชีวา                                มหา สาธารณ์ สันติ์ไท

      ทว่า กระแส กาลี                     ราคี กามา สาไถย
กระหน่ำ ซ้ำเติม เกริมใจ                  หญิงชาย วัยรุ่น มุ่นมน

      กามา ตัณหา ถาโถม                 ค่านิยม โสมม สถล
เสเพล เร่ร่าน พาลชน                      เสียคน เสียตัว มัวเมา

      หลงง่าย หน่ายเร็ว เหลวไหล       กุมใจ กามกิจ คิดเขลา
อนาคต หมดสิ้น ดิ้นเดา                    ไม่เอาถ่าน เถ้าธุลี

      แต่งงาม ทำเสริม เติมเด่น            ให้เห็น เช่นสวย รวยศรี
ไม่ใช่ ภรรยา-สามี                             ประเวณี พลีพร่ำ สัมพันธ์

      พรรณนา ว่าเป็น " ความรัก "         ที่แท้ แค่ " อยากกระสัน "
" หลงใหล " ใจทื่อ ดื้อรั้น                  สามานย์ สันดาน แท้เอย ฯ

๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๔

ประตูสวรรค์ : กลอนจรรโลงใจ

                         



ประตูสวรรค์ : กลอนจรรโลงใจ


      เล่าขานสืบมา.....          ว่ามี...ประตูสวรรค์
งดงามอำพัน                      เปี่ยมสุขีนิรันดร

      สวรรค์ฝันใฝ่.... ?           ไม่ใช่...เพียงการหลอกหลอน ?
หรือแค่...ละคร ?                  แต่งกลอนกล้อนกันหรือไร ?

      ฉันเพียรเสาะหา...           ตลอดเวลาอาลัย
จนพ้นผ่านวัย                       เติบใหญ่เนิ่นนานปานนี้

      ยังไม่เคยเห็น...              สวรรค์เป็นจริงสักที
คงไกลโลกีย์ ?                     เรียนวิธีเปิดประตู...

      เพียรทำความดี...            วิถีที่ว่าไปสู่
พาฉันผันชู                          ประตูสุขีนิรันดร์

      ใครเคยไปบ้าง ?              ใครต้องการสร้างทางฝัน ?
เดินทางด้วยกัน                      มุ่งสู่สวรรค์ฝันไกล

      ส่งมือเธอมา...                 ฉันจะประคองปองไว้
วางบนหัวใจ                          ให้ความอบอุ่นจุนเจือ

      เส้นทางกว้างใหญ่...          พอให้ทุกคนล้นเหลือ
ผู้ที่ไม่เบื่อ                              ศีลทานการเอื้ออาทร

      มา...เดินด้วยกัน...             สำราญสันติสโมสร
สวรรค์อมร                             อำนวยพรแด่คนดี....ฯ

๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๔

นิยาม ความรัก... : กลอนเบาๆ

                      
                                             

นิยาม ความรัก... : กลอนเบาๆ


รัก.........  รู้ด้วยธรรมชาติของหัวใจ
รักแท้.....  รู้ด้วยแค่ใฝ่ศึกษาหาความรู้ จนมีสติปัญญา
รักจริง.....  รู้ด้วยอิงสถานการณ์และวันเวลา
รักมายา.... รู้ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา พร้อมอาการบาดเจ็บ

๓๑  สิงหาคม ๒๕๕๔

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

โลกร้อน...มหันตภัย : กลอน

                                                 

โลกร้อน...มหันตภัย : กลอน

 
      โลกร้อน...มหันตภัย             ป่าไม้ ถูกทำลายผัน
สัตว์ป่า ทยอย สูญพันธุ์                ข้าวปลา อาหาร ขาดแคลน

      โลกร้อน ย้อนทุกข์ ผูกเข็ญ      ผลเห็น ลำบาก ยากแสน
น้ำทะเลเพิ่ม เหิมแทน                 ท่วมแดน แผ่นดิน สิ้นใด

      บ้านช่อง นองน้ำ ลามเนา        แล้วเรา จะอยู่ รูไหน ?
ดินทราม น้ำสิ้น กิน-ใช้                 เหมือนทะเลทราย ทุกที

      อากาศ แปรปรวน รวนเร่า        ร้อน-หนาว-ท่วม-แห้ง-แล้ง...ถี่
ผู้คน พ้นเพิ่ม ทวี                         อาหาร ไม่มี เพียงพอ

      แผ่นดินไหว - สึนามิ              ไม่เคยมี ก็มีหนอ...
โรคใหม่ เกิดร้าย หลายรอ             ไม่ใช่ ล้อเล่น ... เป็นไป

      ได้โปรด ลดสร้าง มลพิษ         เตือนจิต อีกนิด ได้ไหม ?
พลังงาน ช่วยงด ลดใช้                 หยุดทำลาย ธรรมชาติ...

      ใช้สินค้า Recycle                  อย่าเพลิน...จับจ่าย ประหยัด
ใช้ของ ทนทาน นานทัศน์              มัธยัสถ์ อย่าเปลี่ยน เวียนไว

      มีโลก อยู่ได้ ใบเดียว              ลองเหลียว แลหา ฟ้าไหน....
วันหน้า จะอยู่ อย่างไร..?               ถ้าโลกกลาย...นรก อเวจี ฯ

๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๔

อานิสงส์ แห่ง ศีล : กาพย์ยานี ๑๑



อานิสงส์ แห่ง ศีล : กาพย์ยานี ๑๑


      ศีลา อานิสงส์               เจตน์จำนง อหิงสา
มโน โกศลา                       สุจริต จิตจรัล

      อหิงสา นรากร              บุญสุนทร ขจรสันติ์
ปลอดโศก โรคภัยพันธ์         สุขสวัสดิ์ ภัทรา

      ศีลา บารมี                   เสริมสิรี(ริ) วาสนา
ยศศักดิ์   ทรัพยา                เจริญรุ่ง จรุงใจ

      ผิวพรรณ วรรณะเพริศ     งามประเสริฐ เลิศไศล
ชื่อเสียง ก้องเกรียงไกร         สุคติ ทิฆัมพร

      ปุญญา สุจริต                ประสาธน์สิทธิ์ มหิศร
กุศลา คุณากร                     ปัญญาเปรื่อง เรืองวิไล

      ริปู อุปสรรค                  ยากลำบาก จักห่างไส
โสภณ ผจญภัย                    ชำนะสิ้น ทุกขินทรีย์

      สร่างทุกข์ สุขสาทร         อลงกรณ์  บวรศรี
สมบูรณ์ คุณมี                      วิเศษส่อง ผ่องอำไพ

      อิทธิ  ปาฏิหาริย์              ถึงนิพพาน ญาณวิสัย ฯลฯ
ศีลา สมาธิ์มัย                       ปัญญาส่ง ยืนยงเอย ฯ

๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๔

เลี้ยงลูก อย่างไรดี ? : กาพย์ยานี ๑๑

                   
                                       

เลี้ยงลูก อย่างไรดี ? : กาพย์ยานี ๑๑


      เลี้ยงลูก เป็นคนดี             ทุกวันนี้ ยากแสนยาก
ปัญหา นานาหลาก                  สิ่งแวดล้อม น้อมนำ...เลว

      เลี้ยงลูก ให้รักดี                รอบตัวสิ มากมี...เหว
ยั่วยวน ชักชวนเหลว-                แหลก อาจอุก ทุกสังคม

      วัยรุ่น วุ่นเสียคน                 ผู้ใหญ่ล้น ท้นโสมม
มารศาสนา ผสม                       การศึกษา ละอ่อนแอ 

      เลี้ยงลูก หวังได้ดี                แต่โลกีย์ ราคีกระแส
รัก-กาม ด่ำดวงแด                     เพศวิปริต ผิดศีลธรรม

      เลี้ยงลูก ยากปลอดภัย          ของกิน-ใช้ พิษหลายล้ำ
เภทภัย รอบกายกล้ำ                   ทั้งรูปนาม ความคิด...คด

      สื่อสาร หมั่นล่อใจ                 ลวงหลงใหล เต็มไปหมด
โฆษณา ไม่ละลด                        เร้าตัณหา ร่ากิเลส

       อัปรีย์ ค่านิยม                      ถูกชื่นชม ชวนสมเพช
อธรรม เรืองงามเดช                     แทนสัมมา ประเพณี

      มักง่าย ไม่ซื่อตรง                  หยั่งรากทรง ธำรงศรี
เลี้ยงลูก อย่างไรดี ?                     ให้อยู่รอด ปลอดภัยเอย ฯ

๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๔

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รักพ่าย ไปไหว้พระ : กลอน

                                    
                   

รักพ่าย ไปไหว้พระ : กลอน


      เพราะฉัน มั่นรักเธอ              รักเสมอ ดวงชีวัน
เมื่อเธอ บอกเลิกกัน                    ดั่งสวรรค์ รานล่มจม

      น้ำตา หารินไหล                  แต่หัวใจ ไห้ขื่นขม
สลายแตก แหลก ระทม               ทุกข์ตรอมตรม ซมทวี

      เฝ้าคิด จิตคะนึง                   ใยเธอจึง ร้ายอย่างนี้ ?
ฉันทำ แต่ความดี                        ทั้งชีวี มีเธอคนเดียว

      ดั่งเช่น คล้ายเป็นไข้              เรี่ยวแรงไร้ น้ำลายเหนียว
อับจน ตัวคนเดียว                       หน้าซีดเซียว เปลี่ยวชีวิต

      รักพ่าย ไปไหว้พระ                กราบขมา สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ไม่ขอสบ พบชีวิต                        เพ่งพินิจ พุทธปฏิมา....

      ฉับพลัน ฉันฉุกคิด                 ทุกชีวิต อนิจจา
พบกัน เพื่อรานลา                        ไม่เลือกว่า จะรัก/ชัง

      ถูกทิ้ง ย่อมโศกเศร้า                แต่ไม่เท่า เรารักยัง
เธอตาย ในระหว่าง                        ยิ่งโศกสร้าง ย่างหัวใจ

      ฉันนี้ มีคุณค่า                         จะพึ่งพา เธอ หาไม่
งดงาม ล้ำกาย-ใจ                          ไม่ใช่ว่า เพราะมีเธอ

      สามารถ อาจแบ่งปัน                  คิดสร้างสรรค์ เพื่อโลกเสมอ
ความดี สิเลิศเลอ                            เพียงพลั้งเผลอ เผยอรัก

      กายกลับ มีเรี่ยวแรง                   ใจแข็งแกร่ง แจ้งประจักษ์
โศกหาย สลายรัก                            ไม่อกหัก ไม่หนักทรวง ฯ

๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๔

ใครรักเราจริง ยิ่งสัจจ์อัชฌา : กลอน

                       
                                     

ใครรักเราจริง ยิ่งสัจจ์อัชฌา  : กลอน


      ใครที่ใส่ใจ ในความรู้สึก                ใครที่มองลึก เข้าไปในใจ
ใครที่สังเกต เจตนาสงสัย                     ใครที่ถามไถ่ ให้รู้ความจริง

      ใครเป็นเพื่อนทุกข์ ร่วมสุขค่ำ-เช้า     ใครเฝ้าเอาใจ หาให้สรรพ์สิ่ง
ใครทุ่มเทใจ ไม่เคยประวิง                    ใครยอมหยุดนิ่ง ต่อเมื่อเราสบาย

      ใครที่พูดมาก อยากปลอบประโลม    ใครที่โง่งม เชื่อคำพล่ามหลาย
ใครทนฟังเรา เมาท์จนกระจาย               ใครจดจำได้ ไคลกาลนานมา....

      ใครมีเวลา ไม่หาข้ออ้าง                ใครเฝ้ารออย่าง ไม่คิดอิดหนา
ใครให้อภัย ไม่ใช่มารยา                      ใครไม่ค่อนด่า แม้จะเกเร

      ใครเห็นคุณค่า แม้เราจะด้อย            ใครไม่คิดคอย ร้อยล้นฉลเฉ
ใครไม่เอาเปรียบ เหยียบย่ำทรามเวร์         ใครไม่โฉเก เจ้าเล่ห์เพทุบาย

      ใครที่อยากเห็น เราเป็นคนดี            คัดค้านเต็มที่ หากริฉิบหาย
น้ำใสใจจริง ไม่นิ่งดูดาย                      เพื่อสุขสบาย ก้าวไกลพัฒนา

      หากได้ประสบ พบคนเช่นนี้             อย่าได้รอรี ยอมสยบคบหา
เขารักเราจริง ยิ่งกว่าสัจจา                     ใครไม่รู้ค่า นับว่า ...โง่บรม ฯ

๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๔

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เจ้าชู้ ศัตรูร้าย : กาพย์ยานี ๑๑

        
                                             

เจ้าชู้ ศัตรูร้าย : กาพย์ยานี ๑๑


      ลมสาด ยอดไม้ส่าย                 โยนโยกย้าย คล้ายคลื่นขวน
เมฆหนา เคลื่อนกระบวน                  กรีฑาทัพ ลับสุรีย์

      พิรุณ ละมุนโรย                        กะปริดโปรย โชยฉวี
เพียงชื้น พื้นปฐพี                            ไร้หยาดหยด รดชายคา

      คนเคย เชยชมมัก-                     มากมายรัก หนักตัณหา
หลายใจ ไร้สัจจา                             ร่านเรรวน ควรห่างไกล

      อย่าเอา คนเจ้าชู้                        มาครองคู่ สู่สาไถย
เจ้าชู้ อย่าดูชัย                                เป็นสันดาน ยากผันแปร

      ระวัง ยับยั้งจิต                           ทุจริต นิสัยแส่
เจ้าชู้ ศัตรูแล                                   ทำลายล้าง ทั้งชีวี

      อบรม ข่มกิเลส                           ปฐมเหตุ เจตน์คตี(คติ)
ศีลธรรม ค้ำฤดี                                  เกราะป้องกัน ต้านอบาย

      เจ้าชู้ อย่าดูดี                              คือราคี กาลีขยาย
คนเขลา มัวเมามาย                            ก่อบาปกรรม ทำลายตน

      ซื่อสัตย์ พิพัฒน์จิต                       สุจริต กริตย์กุศล
สัมมา นฤมล                                     ประเสริฐสุข ทุกวันคืน ฯ

๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๔

แนวทาง แห่งความคิด : กลอน

    
                                           

แนวทาง แห่งความคิด : กลอน


      ไม่ทัน กาลรุ่งสาง                ลมประดัง ฟ้าพรั่งฝน
เช้ามืด คลายมืดมน                    ฟ้าแลบร้อง ก้องกึกไกล

      อากาศ เย็นเยือกย้อน            ชวนพักผ่อน นอนหลับใหล
วันหยุด สุดสุขใจ                        ใต้ผ้าห่ม สมฤดี

      แต่ใคร อีกหลายคน               ต้องดิ้นรน บนวิถี
คิดเพียง เลี้ยงชีวี                         สู้ลำบาก ตรากฝนตรำ

      ชะตา ชีวาชน                        แตกต่างพ้น ล้นหลากล้ำ
เพราะ " คิด " พินิจกรรม                ตามปรัชญา ศรัทธาไท

      รักสุข เฉพาะหน้า                   ปรารถนา ทางสาไถย
รักดี มีวินัย                                  อุตสาหะ รักษาธรรม

      ไม่เชื่อ ในภพชาติ                   ศาสนา คติย่ำ
ไม่สลด กฎแห่งกรรม                      ย่อมทุจริต ผิดจรรยา

      เชื่อบาป-บุญ-คุณ-โทษ             ย่อมละโฉด ลดตัณหา
ศีลธรรม นำชีวา                             เพื่อประสบ ภพใหม่ดี

      แนวทาง แห่งความคิด               นำชีวิต จิตวิถี
สุขทุกข์ ผูกผลมี                             ตามโครงร่าง สร้างสรรค์เอย ฯ

๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๔

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

โปรดอย่างาม เกินจำเป็น : กลอน

 


โปรดอย่างาม เกินจำเป็น : กลอน


      อย่างาม  เกินจำเป็น                  ชายมองเห็น เช่นคนสวย
อกอ่อน รอนระรวย                           แทบสยบ ซบบาทา

      ถึงฆาต อาจขาดใจ                     หากมิได้ ใกล้จ้ะจ๋า
วันใด ไม่เห็นหน้า                             มิอยากกิน สิ้นอาลัย

      งามตา พอประมาณ                     มิฉะนั้น ฉันหลงใหล
งวยงง พะวงใจ                                 มิอาจหลับ ขับตานอน

      แค่นี้ ทนมิไหว                            หากไม่ได้ สายสมร
ร่วมคู่ อยู่เคียงคอน                             ยากจะอยู่ เป็นผู้คน

      หากงาม กล้ำเกินนี้                       มวลมาลี มีใครสน
เบื่อหน่าย ในบัดดล                            หลงแต่นวล รวนฤทัย

      ยามยิ้ม พริ้มพิลาส                        ใจจะขาด อกหวาดไหว
ทรวดทรง อนงค์ใน                              อรชร อ้อนแอ้นองค์

      ตาหวาน ปานน้ำทิพย์                     อยากจะจิบ รีบใหลหลง
สัญญา จะซื่อตรง                                 ตราบฟ้าสิ้น ดินสลาย

      ได้โปรด ลดความงาม                      ก่อนจะทำ ใครช้ำตาย
ฉันทน ทุรนทุราย                                  ยากหยุดยั้ง บังคับเอย ฯ

๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๔

โลกร้อน...ขั้วโลกละลาย : โคลงสี่สุภาพ


                                                   


โลกร้อน...ขั้วโลกละลาย : โคลงสี่สุภาพ

๑. เอนกาย ใต้ร่มไม้                ไพรสณฑ์
มองส่องช่องใบบน                  เบิ่งฟ้า
มวลหมู่นภดล                        เคลื่อนผ่าน
ปานเหล่าพหลกล้า                  แกร่งแกล้วกรีฑา ฯ

๒. สาลิการ่ำร้อง                     เกรียวกราว
ประหนึ่งหลากเรื่องราว              เล่าก้อง
(นก)เขาใหญ่ไซ้หางยาว            เคียงคู่
กระจิบกระจาบจ้อง                   ท่องหญ้าหากิน ฯ

๓. ปักษาจะล่วงรู้                      ฤาสาย ?(สายเกินไป)
น้ำแข็งขั้วโลกละลาย                 แตกก้อน
อุณหภูมิโลกแปลกปราย             กว่าก่อน
สู่ภาวะโลกร้อน                        ครั่นคร้ามมหันต์ภัย ฯ

๔. ทอดตาเหม่อมองฟ้า              ไปไกล
แต่ความคิดติดใน                      โลกหล้า
อุณหภูมิที่เปลี่ยนไป                    เปลี่ยนโลก
ปัญหาธรรมชาติกล้า                   กราดเกรี้ยวกรีฑา ฯ

๕. เสียงหนุ่มสาวหยอกเย้า            แว่วมา
กลุ่มคนร่ำสุรา                            แทรกซ้อน
เด็กคร่ำร่ำไห้หา                         ของเล่น
สรรพสิ่งสื่อสะท้อน                     โลกร้อนได้ไฉน ฯ

๖. อีกไม่กี่ปีแล้ว                        รู้กลาย ?
น้ำแข็งขั้วโลกหาย                      ยากยั้ง
ภักษาอาหารฉาย                        ห่วงเหือด
กลียุคทุกข์โศก รั้ง                      เดือดร้อนเล่นหรือ ?   ฯ

๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๔

ความรัก...อยากมีบ้าง : กาพย์ยานี ๑๑

          
                                   

ความรัก...อยากมีบ้าง : กาพย์ยานี ๑๑

      ยามเย็น เดินเล่นเยือน                  พนังเขื่อน น้ำเคลื่อนขัน
คลื่นคร่ำ ชวนคร้ามครัน                      กระแสกราก กระชากชล

      สูรย์คล้อย ใกล้ลอยลับ                 สรรค์สีสรรพ ทาบ นภดล
งดงาม อร่ามล้น                               คนมากหน้า มาชื่นชม

      มองดู เขาคู่ครอง                        ควงแขนคล้อง รองรักรมย์
มองเรา เปล่าเปลี่ยวขม                      ไม่มีคู่ อยู่เดียวใด

      ความรัก อยากมีบ้าง                    จะสมหวัง อย่างเขาไหม ?
ยามนี้ ไม่มีใคร                                 ให้ประเจิด เปิดกมล

      มากมี ที่โลดเล่น                         ล้วนฉลเช่น ไม่เห็นผล
แต่งตัว ยั่วยวนชน                              เร้ากิเลส เจตน์ราคี

      รูปงาม ทรามความคิด                   มิจฉาจิต ผิดวิถี
เมิน ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี                            เอาแต่ทำ ตามอารมณ์

      ชักชวน รวนหลงผิด                      ปฏิรูปก์มิตร ชีวิตล่ม
คบเข้า คงเศร้าซม                              อันตราย ถึงวายปราณ

      ไม่ท้อ ยังรอได้                             แม้เดียวดาย ใจสุขศานติ์
ไร้ใคร ให้รำคาญ                                 แสนสะดวก สบาย-เบา

      ยืนหยัด ศรัทธ์ความดี                     ครองสิรี มิโฉดเขลา
ไม่คบ ใครชั่วเอา                                 เป็นมลทิน สิ้นค่าคน

      เพียงหนึ่ง พึงมองหมาย                   สะอาดกาย ใจกุศล
รักเดียว ไม่เซี้ยวซน                              สุจริต พิสิฐเอย ฯ

๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๔

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กลอนจรรโลงใจ : หน้าที่




กลอนจรรโลงใจ :  หน้าที่

      " หน้าที่ " คำนี้              มีความ ศักดิ์สิทธิ์
ก่อเกิด ชีวิต                        รักษา-ประหาร

      กฎเกณฑ์ ธรรมชาติ         อำนาจ ตระการ
ครอบงำ ส่ำสาน                    วัตถุ-รูป-นาม

      เป็นความ ถูกต้อง             เกี่ยวข้อง คล้องขาม
จุลินทรีย์ นิยาม                      ถึงจักร วาล

      หากโลก หยุดหมุน ?          วุ่นวาย มหาศาล
ดอกไม้ ไม่บาน ?                      ดินเลื่อน เคลื่อนไป ?

      ฟ้าไม่ มีจันทร์ ?                  ลำธาร คร้านไหล ?
บ้านไม่ มีไฟ ?                          เงินใช้ ไม่มี ? ฯลฯ

      ธรรมชาติ กำหนด                บทบาท หน้าที่
จงทำ ให้ดี                               สมบูรณ์ สัมฤทธิ์

      พ่อ-แม่-ลูก-หลาน                อาจารย์-ลูกศิษย์
ผัว-เมีย-ญาติ-มิตร                      รัฐ-ราษฎร์-ชาติพันธุ์ ฯลฯ

      แล้วจะ สิ้นทุกข์                    สนุก สุขสันติ์
ร่มรื่น ชื่นนันท์                             นิรัน ดรเอย ฯ

๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๔

( ขำขำ ) ผัว....เทวดา : กลอนแปด

      
                                               

( ขำขำ ) ผัว....เทวดา : กลอนแปด

      พี่ไม่ได้ ตั้งใจ หมายโกหก                หากไม่เชื่อ ตกนรก ด้วยกันไหม ?
พระยายม เป็นพยาน จงมั่นใจ                 สัตว์นรก ทั้งหลาย ให้ประกัน

      ตั้งแต่เกิด เป็นคน กุศลสร้าง             ไม่เคยว่าง การบุญ สุนทานสรรค์
เลี้ยงสาวๆ เอาใจ ไม่เว้นวัน                     พร้อมจำนง ส่งถึงบ้าน หวั่นมีภัย

      รักษาศีล จินดา สาธุสัตย์                  จิตประหวัด ปรารถนา สตรีไหน ?
รีบบอกรัก จากจิต คิดจากใจ                    เรื่องมารยา สาไถย ไม่เคยมี

      ภาวนา กรรมฐาน ขยันยิ่ง                   สมาธิ สตินิ่ง อิงฤาษี
พิจารณา สังขาร " มาร "..สตรี                   นิมิตมี ทั้งวัน หมั่นผจญ

      ด้านมนุษย์ สัมพันธ์ นั้นเป็นเยี่ยม           น้ำใจเปี่ยม ตกเย็น เป็นล่องหน
ตั้งวงดื่ม ลืมบ้าน ทุกวันวน                        โปรดอย่าบ่น ขวัญจิต กิจจำเป็น

      พี่ "เจ้าชู้ " เพื่อนกัน มันแกล้งกล่าว       ที่มองสาว ไม่ใช่ ใคร่หื่นเห็น
ในใจนี้ มีแต่ แม่เนื้อเย็น                            หญิงอื่นใด ไว้เล่น ใช่เป็น..ภรรยา

      เงินเดือนได้ ให้น้อง ครอบครองหมด      หลังหักลด ปลดหนี้ มิปรารถนา
บุหรี่-บอลล์-ดอกเบี้ย-เบียร์-สุรา ฯลฯ            เหลือร้อยกว่า ให้หมด โปรดพอใจ

      เรื่องดูแล บ้านช่อง น้องทำเถิด             ลูกประเสริฐ เพราะแม่ เลี้ยง-แก้ไข
เลี้ยงดูลูก ถูกต้อง น้องรับไป                       พี่มั่นใจ เพราะน้อง (ลูก)ต้องได้ดี

      หากประสงค์ ลงโทษ โปรด...รอก่อน       พี่ขอผ่อน ผลัดไป ไม่คิดหนี
รอชาติหน้า เวลาบ่าย เป็นไรมี                      ไว้ชีวี พี่เถิด....ประเสริฐเอย ฯ

( ตัวใคร..ตัวมัน.. 5555+ )

๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๔

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บทเพลง ธรรมชาติ : กลอนแปด


                                                         

บทเพลง ธรรมชาติ : กลอนแปด


      ราตรีผ่าน กาลพ้น สนธยา                ถึงเวลา ฟ้าส่อง ต้องเปลี่ยนสี
อุษาโยค ยึดครอง รองระวี                      พรรณรังสี รังสรรค์ พันพิภาค์

      เหล่าวิหค ยกย่อง ร้องรับเช้า             ประชันซ้อง ร้องป่าว เสาวภาษา
ดุจดนตรี คลี่คลาย ไพรพนา                     ตื่นเริงร่า รับขวัญ วันใหม่มี

      พฤกษาพันธุ์ ผ่านค่ำ ชื่นฉ่ำฟื้น            ต้นต่างคืน ยื่นยอด สอดแทรกสี
น้ำค้างชุ่ม เปลือกชื้น ครื้นชีวี                     วัลย์วลี เลื้อยรัด ตวัดลาย

      ใบไม้แห้ง แรงอ่อน รอนหล่นร่วง           หมุนคว้างควง ลงห้วงน้ำ ลำธารสาย
ลอยลิ่วท่อง ล่องแก่ง แรงพัดพาย                คลื่นโยนย้าย ไพล่พลิก หลีกศิลา

      เข้าพรรษา หน้าฝน น้ำล้นหลาก             ระดมกรู ชูกราก กระชากถา
แตกกระเซ็น  เป็นฟอง ฟ่องธารา                  เสียงซู่ซ่า ร่าเริง บันเทิงรมย์

      หมู่มัจฉา อาศัย น้ำไหลเอื่อย                 แหวกว่ายเฉื่อย เนือยช้า ชีวาสม
โบกครีบบาง พลางหายใจ ไร้ระทม               ธรรมชาติ นาฏชม คมค่าเอย ฯ

๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔

ผู้หญิงชอบให้...ผู้ชายโกหก..? :กลอน( ขำขำ )

                 
                                         

ผู้หญิงชอบให้...ผู้ชายโกหก..? : กลอน( ขำขำ )


      ผู้หญิง ชอบให้                   ผู้ชายโกหก
ทำให้ ในนรก                           ดกด้วย ผู้ชาย..? ( 555+ )

      บนโลก ขาดแคลน               แร้นแค้น เหลือหลาย
ส่งผล ดลดาย                             หญิงขื่น ขึ้นคาน..? ( 555+ )

      ตั้งข้อ สงสัย                        ใยเป็น เช่นปาน..?
ใยหญิง ต้องการ                          มารยา สาระแน..?

      เพราะเอา แต่ใจ                     อย่างไร้ ข้อแม้
มากจน เห็นแก่                            ตัว..จน ล้นใจ..?

      หญิงชอบ เพ้อฝัน                   หมายมั่น สรรไสว
เลิศล้ำ อำไพ                               ไม่ตาม ความจริง..?

      ไม่ใช้ เหตุผล                         เด็กซน กลหญิง
อารมณ์ โหมวิ่ง                             ยิ่งกว่า จะรู้..?

      ไม่แน่ ไม่นอน                         แง่งอน เบาหู
จริงใจ ไม่ดู                                   หลับหู หลับตา..?

      ทะเยอ ทะยาน                         สารพัน ตัณหา
ไม่ทำ นำพา                                  เล่นแต่ แง่ใช้..?

      รักสวย รักงาม                          นำหน้า กว่าใคร
ไม่งาม ไม่ได้                                  อย่าให้ ได้ยิน..?

      อยากมั่ง มีแสน                          หวงแหน ทรัพย์สิน
จับจ่าย ใช้ - กิน                               ตามจินต์ ตามใจ..?

      อีกหลาย สาเหตุ                         ( ไม่ ) เจตนา ใส่ไคล้
กลัวปาก มากไป                                จะไม่ มีแฟน..? ( 555+ ) ฯ

( สงสัย...งานเข้าแน่ๆ...555+ )

๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔