ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

กลอน หก : ใจลอย

                



กลอน หก : ใจลอย

      ฟ้าใส หัวใจ เวิ้งว้าง             ฟ้ากว้าง ฟ้าช่าง สดใส
ฟ้าสวย ช่วยชื่น รื่นใจ                 ฟ้าใส งามง่าย สบายตา

      ยามหนาว อากาศ หนาวเย็น   ยามเย็น ยิ่งหนาว เย็นหนา
ยามเช้า หนาวทั่ว กายา               ยาม(เหว่)ว้า เหงาหนาว หัวใจ

      ลอยไป ใจลอย ละล่อง         ลอยฟ่อง ถึงฟ้า สดใส
ลอยปลิว ลอยลิ่ว พริ้วไป             ลอยใจ อย่างไม่ นำพา

      ห่างเธอ เหม่อใจ ละห้อย       ห่างกลอย ใจลอย คอยหา
ห่างไกล ใจ พรรณนา                 ห่างตา กลัวจะ ห่างใจ

      รักกรุ่น หัวใจ อุ่นอบ             รักจบ ใจสบ โศกไส
รักมี ฤดี อำไพ                          รักตาย ฤทัย ตรอมตรม

      หวังน้อย ใจพลอย สงบ         หวังพบ สงบ ภพสม
หวังไป ให้ไกล โสมม                  หวังชม สมหวัง ดั่งใจ

      ตาหลับ กลับสู่ ดูฝัน              ตาสรรค์ ฝันอัน สดใส
ตาเนื้อ เบื่อจูบ รูปไคล                 ตาใน ใฝ่ศีล ชินธรรม

      ดื่มด่ำ ลำนำ ความรัก            ดื่มนัก รสรัก ชื่นฉ่ำ
ดื่มฝัน ประจัน ประจำ                  ดื่มซ้ำ ดื่มซ้ำ ตามใจ

      มองฟ้า อาลัย ใน" ว่าง "        มองกว้าง ช่างไกล แสนไกล
มองเห็น ฟ้าเป็น ไฉน                  มองหมาย ใฝ่ " ว่าง-สว่าง "

      รักษา เพราะว่า ค่ามี              รักหนี ฤดี หมองหมาง
รักไร้ หัวใจ เลือนลาง                  รักร้าง อ้างว้าง เดียวดาย ฯ

๓๑ มกราคม ๒๕๕๔

วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554

กลอนแปด : ใช้ธรรมะผิดเรื่อง เหมือนกินยาผิดโรค

                  
                               
กลอนแปด : ใช้ธรรมะผิดเรื่อง เหมือนกินยาผิดโรค

      คนมากมาย ใช้ธรรม ตามใจตน                กลับสับสน กลธรรม นำสิกขา
ผิดหลักธรรม ผิดกรรม ทรามเวลา                   เหมือนกินยา ผิดโรค รกกายตน

      บางคนตั้ง หวังสูง มุ่งสำเร็จ                     ยึดมั่นเจตน์ เวทนา สถาน์ผล
แต่ไม่เพียร เรียนรู้ ลู่-เลศ-กล                         หลักพาตน ด้นดั้น สานเส้นชัย

      อิทธิบาท ขาดเขิน เมินมองข้าม                อกุศลทราม ย้ำคิด ติดเป้าไขว่
ฝันกลางวัน ฟั่นผล ดลผู้ใด                            สาระไร้ สัพเพ เสียเวลา

      พอผิดหวัง อ้างท้อ เพราะยึดมั่น                จึงร้าวรัน มานปวด รวดหนักหนา
ต่อไปจะ ไม่คิด พิจารณา                               ปล่อยดินฟ้า ประทาน สถานพร

      คอยเอาแต่ แส่สุข สนุกสนาน                   ทิ้งงานการ บันเทิง สโมสร
เที่ยวเพลิดเพลิน เลินเล่น เห็นแก่นอน              อายุรอน อ่อนแรง แห้งฤดี

      วัยชรา ป่วยไข้ ไร้ใครชิด                         สุดความคิด อนิจจา ไร้ราศี
ตัวคนเดียว เปลี่ยวใจ ไห้โศกี                          เพราะไม่มี ศีลธรรม กำกับเอย ฯ

๓๐ มกราคม ๒๕๕๔

วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554

โคลงสี่สุภาพ : คือ รัก ....

         


โคลงสี่สุภาพ : คือ รัก ....

๑.รัก บาน ปานดอกไม้                      ในสวน
รัก เร่ ใจเซซวน                               ป่วนปลิ้น
รัก หยอก ใจหลอกรวน                      ชวนเล่น
รัก จริง อิงแอบสิ้น                            ชั่วฟ้าดินสลาย ฯ

๒.รัก ปลูก ปมบ่มไล้                         ชีวี
รัก สม รมณีย์                                 สุขรั้ง
รัก คุด ดุจกาลี                                วิบัติ
รัก ผิด ชีวิตพลั้ง                              ดั่งด้าวแดนนรก ฯ

๓.รัก เช่น เป็นเหตุสร้าง                    ชีวิต
รัก เช่น สิ่งศักดิ์สิทธิ์                         เสกหล้า
รัก เช่น อิทธิฤทธิ์                             จิตจุ่ง
รัก เช่น มายากล้า                             เกิดได้กลายดับ ฯ

๔.รัก ใคร่ อย่ามุ่งให้                          มารยา
รัก ใฝ่ ใจศรัทธา                               มอบไท้
รัก ยง ส่งสัญญา                               เด็ดเดี่ยว
รัก ซื่อ ถือสัตย์ไซร้                            ไป่ปลิ้นเปลี่ยนแปลง ฯ


๕.รัก แท้ แลหาทั้ง                             ปฐพี
รัก เล่ห์ เสเพลมี                                มากใกล้
รัก ไพล่ ใคร่กามมี                              สมสู่
รัก ใช่ ขาดไม่ได้                                ที่แท้อนิจจา ฯ

๖.รัก ไม่จริง มากให้                            ไปหมด
รัก ไม่ซื่อ ถือคด                                 โทษไซร้
รัก ไม่ยอม ละลด                                เห็นแก่ อัตตา
รัก ไม่ดี มีไว้                                      ทุกข์ท้อทรมาน ฯ


๗.รัก ดี ค่อยเรียนรู้                              ศึกษา
รัก อ่าน หาวิชชา                                เกิดกว้าง
รัก เมื่อ มีฐานา                                  รับผิด ชอบพอ
รัก ก่อ ค่อยต่อสร้าง                             อย่าร้อนรีบรน ฯ


๘.รัก อันประกอบด้วย                         กุศล
รัก งามอร่ามยล                                 เยี่ยมฟ้า
รัก เกิดประเสริฐผล                             กลับแก่ ผู้รัก
รัก บริสุทธิ์ดุจหล้า                              กว้างใหญ่ไพศาล ฯ

๙.รัก อันประกอบด้วย                          ทุจริต
รัก ชั่วหัวใจผิด                                   พร่องพร้อย
รัก ทรามนำวิกฤติ                                กลับสู่ ตนนา
รัก เป็นเหตุเภทร้อย                             ก่อเกื้อเวรกรรม ฯ


๒๙ มกราคม ๒๕๕๔

วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554

กลอนแปด : ใจใหญ่ ทำให้ ปัญหาเล็ก



กลอนแปด : ใจใหญ่ ทำให้ ปัญหาเล็ก

      สุขแลทุกข์ ผูกพัน วันเวลา                 มีผ่านมา ผ่านไป ไม่เที่ยงแท้
เหลือเพียงความ ทรงจำ ลำนำแล             ขอเราแค่ ไม่คิด หายติดพัน

      ไม่ควรเหงา เฝ้าฝัน ถึงวันเก่า             ทั้งที่รวด ปวดร้าว เศร้าโศกศัลย์
การหวนติด คิดต่อ ทรทัณฑ์                     ควรปล่อยผัน รานหาย ในเวลา

      การปล่อยใจ ให้ลอย คอยครุ่นคิด         กับอดีต ติด-รึง ตรึงปัญหา
เหมือนคนไร้ สติ ไม่มีปัญญา                     เพื่อนำพา ตนก้าว พ้นเศร้าภัย

      แค่หยุดคิด ติดใจ ในวันเก่า                 แค่หยุดเจ่า จับจ้อง ป้องปัดไส
แค่หยุดคิด กีดกัน พ้นมันไป                      แค่หยุดคิด จิตใจ ไม่นำพา

      แล้วจะเห็น เย็นสบ สงบสุข                 แล้วความทุกข์ จะถูกล้าง ถางปัญหา
แล้วสติ จะอยู่ คู่ปัญญา                            แล้วชีวา จะร่าเริง บันเทิงใจ

      ภูเขาเตี้ย เรี่ยต่ำ ข้ามง่ายกว่า               ภูเขาสูง พุ่งฟ้า น่าหวั่นไหว
ภูเขาหิน จินต์แกร่ง แรงข้ามไป                   ภูเขาใหญ่ ใจสู้ ลุล่วงพลัน

      ปัญหาน้อย คอยหนี มีใครแก้ ?             ปัญหาแย่ แค่ไหน ? ไม่ไหวหวั่น
ปัญหาปวง ล่วงไป ด้วยใจปัน                      ปัญหากั้น ปัญญา ใช้ฝ่าฟัน

      ปัญหาอยู่ คู่ชีวิต พินิจเถิด                   ปัญหาเกิด เปิดกว้าง คิดสร้างสรรค์
ปัญหาแย่ แค่ไหน ไม่กลัวมัน                     ปัญหานั้น ย่อมเบา บรรเทาเอย ฯ

๒๘ มกราคม ๒๕๕๔

วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

กลอนหก : รักที่ ไม่มีศีลธรรม

                 

กลอนหก : รักที่ ไม่มีศีลธรรม

      รักที่ ไม่มี ศีลธรรม                   คือคำรัก สลักบาป
รักใน ใจชั่ว กลั้วบาป                      เลวหยาบ สกปรก โรค-ภัย

      รักที่ ไม่มี ศีลธรรม                   จะสวยงาม ล้ำอย่างไร ?
ลวงหลอก กลอกแกล้ง แสร้งไสย      ไว้ใจ ไม่ได้ สักวาร

      รักที่ ไม่มี ศีลธรรม                   ต่ำทราม กรรมสัตว์ เดรัจฉาน
หลายใจ หลายรัก อยากบาน            กระสัน ซ่านสม อารมณ์กาม

      รักที่ ไม่มี ศีลธรรม                   ไร้คำ มั่นคง ทรงขาม
รักง่าย หน่ายเร็ว เลวทราม                ไปตาม อารมณ์ ตรมใจ

      รักที่ ไม่มี ศีลธรรม                    งอกงำ เดี๋ยวเดียว เหี่ยวหาย
เพิ่งเห็น เป็นปรับ กลับตาย                ทำลาย ทำร้าย ฤดี

      รักที่ ไม่มี ศีลธรรม                     ชอกช้ำ ระกำ ย่ำยี
รักไป ใช้หนี้ ชีวี                               ป่นปี้ ขี่กด บดลาญ

      รักที่ ไม่มี ศีลธรรม                      มืดดำ ตำตอก หอกหาญ
มีไว้ ให้ทุกข์ ทรมาน                          กันดาร บั่นทอน จิตใจ

      รักที่ ไม่มี ศีลธรรม                       หักห้าม กำจัด ตัดไส
ดั่งศัตรู ผู้เป็นภัย                                อันตราย อย่าได้ หมายมี

      รักที่ ไม่มี ศีลธรรม                       ดำรง พงศ์สัตว์ บัดสี
หากแม้น แร้นไร้ ใครดี                         อย่ามี รักไป่ ร้ายปอง

      รักที่ ไม่มี ศีลธรรม                        เวรกรรม ตามจรด กฎสนอง
ทำชั่ว ได้ชั่ว กลัวตรอง                        อย่าลอง อย่าผิด ศีลธรรม ฯ

๒๗ มกราคม ๒๕๕๔

วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554

กลอนสี่ : โปรด กัก ขัง ฉัน

        
                           


กลอนสี่ : โปรด กัก ขัง ฉัน

      โปรดคุม ฉันไว้               ในสาย ตาสวย
ฉันหลง งงงวย                     ช่วยมอง เสมอ

      โปรดมัด ฉันไว้               ด้วยใจ จากเธอ
ทุกวัน ฉันเพ้อ                      ละเมอ เหม่อหา

      โปรดกัก - กุม - กด         ทดแทน วาจา
ว่ารัก นักหนา                       น่ารัก นิรันดร์

      โปรดขัง ฉันไว้                ในใจ ในฝัน
ทุกคืน ทุกวัน                        ฉันแสน สุขใจ

      โปรดจับ ให้แน่น              รักแล่น สดใส
จับฉัน มั่นไว้                          ทันใด....ที่รัก

      โปรดลง โทษทัณฑ์           ด้วยพัน ผูกภักดิ์
ฉันใฝ่ ใคร่ฝัก                         รักโทษ จากเธอ

      โปรดเถิด ดวงใจ                ฉันใคร่ เสนอ
ทุกสิ่ง จริงเออ                        ใช่เจ้อ เพ้อพัน

      โปรดลัก ความรัก              ฟูมฟัก ของฉัน
ซ่อนใน ชีวัน                          สำคัญ ชีวี

      โปรดทำ ฉันให้                 สิ้นไร้ เสรี
รักเธอ เพียงนี้                         ได้โปรด...ที่รัก ฯ

๒๖ มกราคม ๒๕๕๔                 

วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

กลอนสุภาษิต : กระต่าย กับ เต่า




กลอนสุภาษิต : กระต่าย กับ เต่า

      กาลครั้ง ดั่งหนึ่ง ซึ่งนานนัก                กระต่ายรัก มักแกร่ง วิ่งแข่งขัน
เอาชนะ สรรพสัตว์ ชาติไพรวัน                  หฤหรรษ์ มั่นใจ ในฝีเท้า

      มาวันหนึ่ง บึ้ง..เบื่อ เหลือกระไร           เจ้ากระต่าย ใจแง่ คิดแต่เหงา
เหลียวหาใคร ใคร่แข่ง อยากแกล้งเอา        พานพบเต่า เซาเซื่อง หาเรื่องดู

      เข้าทักเต่า เอ้า..เพื่อน ใยเคลื่อนไหว    ค่อยคลานไป เมื่อไหร่ถึง พึงอดสู
แนะ ! มองหน้า ท้าเรา เงาไม่ดู                 หากอยากรู้ มาแกร่ง วิ่งแข่งกัน

      เต่าถูกท้า กล้าหาญ รีบขานรับ            แข่งวิ่งกับ กระต่าย ใยเย้ยหยัน ?
กระต่ายวิ่ง ทิ้งห่าง อย่างฉับพลัน               เต่าค่อยคลาน ขันติ วิริยา

      กระต่ายวิ่ง ยิ่งไว ไม่เห็นฝุ่น                ใจคิดครุ่น ประมาท ปรารถนา
พักประเดี๋ยว เอี้ยวหลับ กับมรรคา               ล่วงเวลา ผ่านไป เต่าไล่พาน

      เต่าขยัน ขันแข็ง ค่อยแซงหน้า             กายเชื่องช้า ทว่าใจ ใหญ่ - อาจหาญ
อุตส่าหะ พยายาม ดำเนินการ                     ไม่เกียจคร้าน บรรลุ สู่เส้นชัย

      กระต่ายตื่น ขึ้นมา หาไม่เห็น                 กลายว่าเป็น ผู้แพ้ แย่ไฉน 
เพราะประมาท พลาดเมา เศร้าเสียใจ             ร้องห่มไห้ พ่ายแพ้ แก่เต่าเอย ฯ

๒๕ มกราคม ๒๕๕๔

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

กลอนแปด : มีชีวิต ต้องคิดเป็น



กลอนแปด : มีชีวิต ต้องคิดเป็น

      มีชีวิต ต้องคิดสู้ อย่าอยู่เฉย                การละเลย เฉยเฉื่อยชา พาเสียหาย
ใช้เวลา พาชีวิต สุจริตดาย                        มุ่งเป้าหมาย ก้าวไกลกว้าง อย่างมั่นคง

      มีชีวิต ต้องคิดใฝ่ ใคร่ความรู้                ไม่นอกลู่ สู่นอกทาง ย่างไหลหลง
ความรู้=แสง แจ้งกระจ่าง ส่องทางตรง         ไม่คดโกง หลงทุจริต ผิดศีลธรรม

      มีชีวิต ต้องคิดดี จริยสัจจ์                     ปฏิบัติ สัตย์-ซื่อ-ตรง จำนงขำ
มีสติ วิริยะ เสงี่ยมงำ                                คิดก่อนทำ สำรวมใจ กายวาจา

      มีชีวิต ต้องคิดชอบ รอบคอบไว้             อย่าร้อนใจ ไม่วู่วาม ภัยถามหา
รับผิดชอบ กรอบหน้าที่ มีศรัทธา                  พิจารณา กระทำกิจ สัมฤทธิ์การย์

      มีชีวิต ต้องคิดมาก อย่ามักง่าย               ทำตามใจ สุดท้ายทุกข์ สิ้นสุขศานติ์
ชีวิตคน กุศลสร้าง กังสดาล                         เดรัจฉาน ยังขันแข็ง แกร่งเถิดคน ฯ

๒๔ มกราคม ๒๕๕๔

วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554

กลอนจรรโลงใจ : ก่อนนอนนับดาว -ตื่นเช้านับนก





กลอนจรรโลงใจ: ก่อนนอนนับดาว -ตื่นเช้านับนก
(ละเลยฉันทลักษณ์ เพื่อรักษาเนื้อหา)

    ก่อนนอน นับดาว              ตื่นเช้า นับนก
เป็นคน บนโลก                    โชคดี นักหนา

      ราตรี มีดาว                   รุ่งเช้า สุริยา
คืนวาร จันทรา                     ส่องหล้า ปฐพี

      ในน้ำ มีปลา                  เริงร่า นที
ท้องฟ้า ปักษี                       สวยดี สีสัน

      ดอกไม้ หลายล้ำ            อำไพ สายพันธุ์
หอมรื่น ชื่นบาน                    สร้างสวรรค์ บนดิน

      ลมซัด พัดโบก               โยกไม้ ย้ายหิน
สายฝน หล่นริน                     สรรค์จิน ตนาการ

      ทะเล ชายหาด                ป่าสัตว์ อัศจรรย์
ภูเขา เถาวัลย์                       ชลธาร หรรษา

      ศิลปะ กวี                       ดนตรี กีฬา
สรรพศาสตร์ ปรัชญา               ศาสนา สาธุกรรม

      คุณงาม ความดี                ไมตรี ศีลธรรม
คู่หล้า ฟ้างาม                         ล้ำเลิศ เกิดมา

      ความสุข มองเห็น              เป็นคน ค้นหา
อย่าเสีย น้ำตา                         ควรร่า เริงเอย ฯ

๒๓ มกราคม ๒๕๕๔

กาพย์ยานี ๑๑ : ศีลธรรม พาข้าม กระแสทุกข์




กาพย์ยานี ๑๑ : ศีลธรรม พาข้าม กระแสทุกข์

      ชลธี รี่ไหลเชี่ยว               คะคลื่นเกลียว ละเลี้ยวกราก
เวียนวน กระโจนวาก                ดำดิ่งดูด บ่หยุด ร้าง

      สัตว์หลาย ทั้งใหญ่น้อย       ตะกายลอย ตะบอยขวาง
แหวกว่าย ไม่หลุดวาง               กระแสซัด กระจัดไป

      จมหาย แตกตายจาก           ชลาหลาก กระชากไหล
วนเวียน มิเปลี่ยนไกล                 ไคลหนุนเนื่อง ชำเลืองแล

      เปรียบดั่ง สังสารวัฏฏ์            สิซัดสัตว์ กราดกระแส
เวียนว่าย กระจายแจ                  ทรมาน ทุรมน

      เรืองาม ลำสูงใหญ่              ศุภาลัย ใสกุศล
ศีลธรรม ดำรงตน                      กระแสข้าม มิคร้ามคราญ

      ปกปัก อารักขา                   นรพา ฝ่าสังสาร
วังวน กุศลวาน                         มิหวั่นไหว ในโลกีย์

      ศีลธรรม งามศักดิ์สิทธิ์         พิทักษ์จิต นิมิตศรี
เครื่องหมาย คนใคร่ดี                ที่อบรม ข่มกายใจ

      อย่าแพ้ กระแสโลกย์           สกปรก วิโยคไส
อย่าปล่อย ลอยกายใจ               ไหลตามคลื่น กัดกลืนกิน

      ธรรมชาติ สัตว์วิสัย              มิฝักใฝ่ ในธรรมศิล
ก่อกรรม ทรามราคิน                   ถลำลีก สะอึกกรม ฯ

๒๓ มกราคม ๒๕๕๔

วันเสาร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2554

กาพย์ยานี ๑๑ : นั่งสมาธิ อานาปานสติ

          
                                   
กาพย์ยานี ๑๑ : นั่งสมาธิ อานาปานสติ
(ละเลยฉันทลักษณ์บางตำแหน่ง)

      เดือนหงาย กระต่ายเต้น      สนุก์เล่น สนานจันทร์
เพ็ญเดือน เสมือนวัน                ระวิวาด สะอาดดง

      พฤกษา สะพร่างพร่า          สะดุด์ตา หทัยตรง
ดวงจิต สนิทจง                       สติธีร์ สงบทรรศน์

      กายนั่ง บัลลังค์นิ่ง             บ่ไหวติง ทุก์สิ่งตัด
กำหนด สะกดชัด                    ลมหายใจ ในฆานะ

      หยุดคิด พินิจความ            สติตาม ดูอานาฯ
ครอบงำ กามฉันทา....              ...วิจิกิจ ฉา ฯลฯ นิวรณ์

      เพ่งพิศ พินิจลม                มิให้จม อารมณ์จร
สารพัด ประสาทหลอน              สติลืม จิแต่งปรุง

      สุขแห่ง สงบสันติ์               มหศาน ติธรรม์สูง
ประณีต จริตจรุง                      วิเวกา ปรมัตถ์

      กาเม อเนกา                    อวิชชา สุขสัจจ์
วิราคา ธรรมาวัตร                    วิสุทธิ วิวัฏฏา

      สมาธิ ผลานิสงค์               สติยง ส่งปัญญา
ศีลธรรม สินำพา                      ชีวะสู่ คติศานติ์ ฯ

๒๒ มกราคม ๒๕๕๔                  

วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

ชมนาง : กาพย์ยานี ๑๑

                                                                            Google
                                 
ชมนาง : กาพย์ยานี ๑๑ 


      นุชน้อง เนตรของพี่              ณ หนาวนี้ กี่ชันษา
ผุดผ่อง ลำยองตา                      ธิดาเทพ เสมือนคล้าย

      ผมงาม ดำสลวย                  ศรีสำรวย อำนวยหมาย
นุ่มลื่น ชื่นละม้าย                       สุคนธ์หอม นะจอมขวัญ

      นัยนา ดาราฉาย                  ปากชาดป้าย พิไลฉันท์
แก้มอิ่ม พริ้มพรายพรรณ             สิ่งใดอัน อาจทดแทน

      ผิวเยาว์ ดั่งสาวสวรรค์          ฉวีวรรณ สะคราญแสน
อกนุ่ม อูมเนื้อแน่น                    ปทุมมาลย์ ละอองนวล

      เยื้องย่าง ดั่งนางหงส์           สมทรวดทรง อนงค์สรวล
ท่วงท่า น่าเย้ายวน                    ผู้ได้จ้อง ใคร่ครองจอม

      คืนวัน คิดฝันเฝ้า                 อยากจองเจ้า ผู้เพราพร้อม
คนดี พี่จะยอม                          ใกล้ชิดชื่น ระรื่นชม

      ขอมอบ ชีวาไว้                    มิเปลี่ยนไป แม้ฟ้าถล่ม
กัลยา น้องหน้าคม                      โปรดจงทราบ สรรพพจี

      ทูนทาส เทพธิดา                 สวภา ผยองศรี
นุชนาถ จงกลนี                          หทัยพี่ ภักดิ์นิรันดร์ ฯ

๒๑ มกราคม ๒๕๕๔

วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

กลอนแปด : สัมผัสของคนดี




กลอนแปด : สัมผัสของคนดี

      สัมผัสของ ฤดูหนาว เบาแผ่วผิว              เย็นเยือกพลิ้ว ริ้วระลอก ไอหมอกขาว
นั่งเดียวดาย ในราตรี มีเดือนดาว                   เป็นเพื่อนเก่า พราวพิไล ไล้ฤดี

      ราตรีเยือน เดือนดาว พราวประดับ            งดงามสรรพ ขับใส พิไลศรี
ไร้ดาวเดือน เกลื่อนฟ้า ยามราตรี                    โลกใบนี้ คงสลด หมดอาลัย

      ในสังคม โสมม สั่งสมสาป                      แข่งขันขับ บาปกลั้ว มั่วเสือกไส
เห็นแก่ตัว ชั่วช้า ละอายไคล                         เห็นแก่ได้ เอาเปรียบ เหยียบย่ำดาล

      คนมีศีล จินต์งาม ศีลธรรมเงื้อม                อร่ามเลื่อม เชื่อมจิต พิษฐาน
คุณธรรม ล้ำเลิศ ประเสริฐการ                        มองสาธารณ์ ปานตน กุศลพลี

      คือคนดี มีค่า เสมือนดาว                        งามพร่างพราว วาววับ ฉัพพรรณรังสี
ดั่งเดือนเพ็ญ เย็นค้ำ ยามราตรี                       ส่องโลกีย์ มีประกาย คลายมืดมน

      คนมีค่า กว่ากัน ด้วยธรรม์ศิล                   ใช่ที่ดิน จินดา ฐานะผล
คนไร้ค่า กว่ากัน ด้วยมานมล                         ประพฤติตน ฉลชั่ว มั่วราคิน

      สัมผัสของคนดี มีศีลสัจจ์                       ใสสะอาด ผัดผุด พิสุทธิ์สิน
สว่างเลิศ เพริศฟ้า ชลดิน                             ขจรจินต์ อินทรีย์ บุรีรมย์ ฯ  

๒๐ มกราคม ๒๕๕๔                       

วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554

อยากได้รัก อย่ามักง่าย : กลอนหก




อยากได้รัก อย่ามักง่าย : กลอนหก 

      อยากได้รัก มาพักกาย               ปลูกปักหมาย ในกมล
อยากรักงาม อร่ามยล                      ต้องสนใจ ในนิยาม

      อยากได้รัก ตระหนักรู้                ศึกษาดู รู้ไคร่ขาม
คนมากหลาย ใจเลวทราม                    ตะกละตะกลาม ตามธรรมสัตว์

      อยากได้รัก ภักดิ์ศึกษา               จิตวิทยา จริยสัจจ์
ธรรมะ มนุษย์ทัศน์                           ปรัชญา จนปรากฏ

      อยากได้รัก อย่ามักง่าย               ปล่อยกายใจ ให้ไปหมด
ธรรมชาติ มนัสคด                            ชอบโป้ปด มากมดเท็จ

      อยากได้รัก ต้องหนักแน่น            ศึกษาแกน กมลเจตน์
อดีต-นิสัย-อารมณ์-เพศ ฯลฯ                อย่าหลงเลศ คำเท็จถ้อย

      อยากได้รัก อย่าลักลอบ               ละเมิดกรอบ ศีลธรรมกร่อย
ไม่รักดี ราคีพร้อย                              น้ำตาย้อย ร้อยวิโยค

      อยากได้รัก อย่ามักแย่ง                กลั่นแกล้งเขา พรากเศร้าโศก
คนมากมาย หลายล้นโลก                     อย่าโสโครก ฉกฉ้อทำ

      อยากได้รัก รู้จักคิด                     อย่าทุจริต ผิดศีลส่ำ
ได้ด้วยผิด ติดเวรกรรม                        สนองตาม ต้องช้ำไตร

      อยากได้รัก ต้องรักดี                    ประเพณี คติใส
คิดให้ชอบ รอบคอบใช้                        รักจึงไท ไร้มลทิน ฯ

๑๙ มกราคม ๒๕๕๔

วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

วิถีชีวิต : อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑




วิถีชีวิต : อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
(ละเลยฉันทลักษณ์บางตำแหน่ง)

      หนทาง ณ โลกมี              มหวิถี และคับแคบ
ราบเรียบ ระเบียบแบบ             ขรุขระดง และพงไพร

      ที่ทาง ณ โลกนี้              สรศรี นิมิตใส
สกปรก และรกร้าย                 ทุรหน ผจญครัน

      ควรเลือก สถานกว้าง        สิริย่าง สว่างสันติ์
สุขกาย สบายกรรตุ์                สละทุกข์ ทุราทน

      ชีวิต มิผิดแผก                วิถิแยก จำแนกยล
มากมาย ริเลือกจล                 มนจุ่ง ผดุงใจ

      ปรัชญา ปะชีวิต               สุภาษิต สฤษฏ์หลาย
คำเขลา ลุเมามาย                 คติทราม ละหลามล้น ฯลฯ

      พึงมี ฤดีตั้ง                    มละล้าง หวังกุศล
เลิกรา ทุราชน                      ระดะงาม อร่ามดี

      คิดฝัก มิมักง่าย               ชิวิไม่ สุข์ง่าย-ศรี
รู้ชอบ ระบอบมี                      นิรทุกข์ สุธาธรรม

      คิดทราม กระทำผิด           ทระติด ชิวิตต่ำ
เดือดร้อน สะท้อนกรรม             ทุกข์ดิ้น จนสิ้นใจ

      สิกขา วิชาศาสน์               มิประมาท อนาถไคล
ชื่นชม วิกรมไกร                     สละชั่ว บ่พัวพัน ฯ

๑๘ มกราคม ๒๕๕๔

วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554

โคลงสี่สุภาพ : ลมหนาวและดาวเดือน

             


โคลงสี่สุภาพ : ลมหนาวและดาวเดือน

๑.โล่งโล่ง      เมฆโปร่งว้าง                 แจ่มปราย
ไล้ไล้             ลมโลมราย                  ลูบฟ้า
วาววาว           ดาวพราวพราย             พรั่งพร่าง
ว่างว่าง           นั่งเงยหน้า                   จับจ้องจองจันทร์ ฯ

๒.แจ่มแจ่ม      จันทร์แจ่มจ้า                 เจิดจาด
จัดจัด             แสงจันทร์สาด               ส่องหล้า
ชัดชัด             ใสสะอาด                     ผัดผ่อง
ฉ่องฉ่อง          เรืองรองหน้า                 หนาวล้วนควรถนอม ฯ(ฉ่อง=กระจ่าง)

๓. กราวกราว    เหล่าใบไม้                      พระพายพาด
กราดกราด       ร่วงควงสาด                     ดาษพื้น
ค่ำค่ำ             น้ำค้างขาด                      ผาดลม
โครมโครม       ลมคลาดครื้น                   เหิมห้วนชวนโฉม ฯ

๔.หนาวหนาว   ราวอยู่ขั้ว                        โลกา
หนาหนา         ผ้าห่มหา                         ห่มให้
อุ่นอุ่น             ละมุนมา                         มอบสุข
อุกอุก             ลมถูกได้                        ไร้สิ้นอินทรีย์หมอง ฯ

๕.แห้งแห้ง      แสลงหญ้า                      แหยงลม
โหมโหม         โน้มก้านกรม                    กิ่งไม้
แล้งแล้ง          ลมแกล้งรม                   รันลาด
ลัดลัด             ตวัดไคล้                        หมุนคว้างกลางลาน ฯ

๖.หอมหอม       สัตตบรรณฟุ้ง                 กลิ่นฝัน
หรรษ์หรรษ์        หฤหรรษ์                      ค่ำเคริ้ม
เหิมเหิม            ฤดีสรรค์                       ปานสรวง
หวงหวง            คืนล่วงเทิ้ม                   ห่วงห้อยหทัย ฯ

๗.ลับลับ            เดือนเคลื่อนคล้อย           ลอยครัด
ลัดลัด                ลมสมสงัด                    ขาดไคล้
ไล้ไล้                 น้ำค้างพลัด                  พร่างพรม
ล้มล้ม                 โน้มกายใต้                  ผ้าห่มนิทรา ฯ

๑๗ มกรคม ๒๕๕๔