ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

กาพย์ สุรางคนางค์ ๒๘ : รักเธอเสมอดวงใจ



กาพย์ สุรางคนางค์ ๒๘ : รักเธอเสมอดวงใจ


                         อีกคืนตื่นล่วง  
ฝันให้ใจห่วง                  ทุรนทุราย
เพราะมีความรัก              หนักให้ไม่หาย 
กระวนกระวาย                ไม่หลับไม่นอน

                           ทุ่มเทเพื่อเธอ  
มั่นคงเสมอ                   มิคิดแคลนคลอน
เอาใจทุกอย่าง               ไม่สร่างใครสอน  
แต่วันยันนอน                 ห่อนบ่นก่นคำ

                          หุงหาอาหาร  
เสื้อผ้าสารพาน               ปรนนิบัติดีงำ
ไถ่ถามทุกข์สุข               สนุก /ระกำ  
เฝ้าชิดติดจำ                  นำพาเจริญ

                          ไม่คิดมีใคร  
เธอคือดวงใจ                ทำให้เพลิดเพลิน
หวังเธอก้าวหน้า             ประชาสรรเสริญ  
ชีพรื่นชื่นเดิน                 เชิญสุขสบาย

                          ไม่หวังตอบแทน 
รักเธอเหลือแสน              ถึงแม้นต้องตาย
ทุกวันเวลา                     ต่อหน้ามิวาย  
ลับหลังดั่งคล้าย               ไม่หลอกกลอกลวง

                             ยามเธอวิโยค  
ทุกข์ศัลย์ทัณฑ์โศก          ใจฉันรานหลวง
ยามเธอสนุก                   ล้นสุขคลุกทรวง  
ทุกอย่างทั้งปวง               ท่วงทำเพื่อเธอ

                          สำนึกหน้าที่  
บุพการี                         ปรีดีเสมอ
เลือดเนื้อเชื้อไข              ห่างไกลใดเออ  
หัวใจใกล้เจอ                 เพ้อพร่ำร่ำพาน

                          เพียงเธอรับรู้  
คิดกตัญญู                      รู้คุณบุญทาน
บิดรมารดา                      นิทราสุขศานติ์  
ยิ้มรื่นชื่นมาน                    วันคืนมื่นเอย ฯ

๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔

วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

กลอน รัก กวนๆ : ไม่โสด...โปรดหลีกทาง




กลอนรัก กวนๆ : ไม่โสด...โปรดหลีกทาง

      ไม่โสด....โปรดหลีกทาง           อย่ามาขวาง ทางคนโสด
ไม่หล่อ ขอฯทานโทษ                     ผมหล่อโคตร โปรดเข้าใจ

      น้องสาว (สวย) ราวนางฟ้า          ขอเวลา จะได้ไหม ?
พี่จน คนคู่ใจ                                  อยากจะได้ ใครคู่เคียง

      แสนดี พี่พูดง่าย                        ว่าอาราย ไม่เคยเถียง
เอาใจ รับใช้-เลี้ยง                            ไม่คิดเกี่ยง เพียง......เดี๋ยวมา

      สิ่งใด น้องใฝ่ฝัน                         พี่ด้นดั้น ควานค้นหา
เจอแล้ว รีบแจวมา                             บอกแก้วตา หาซื้อเอา ( เอง )

      ขอเบอร์ น้องได้ไหม ?                  อยากเที่ยวไป อวดใครเขา
นี่เกลอ เบอร์แฟนเรา                           สวย-หวาน-สาว-ขาว-เนียน-นวล

      จะหมั่น ส่งข้อความ                       เรียงถ้อยนาม ร้อยสำนวน
" เงินหมด โทรกลับด่วน "                     เชิญชี้ชวน สรวญเสกัน

      รักเดียว ไม่เกี่ยวกิ๊ก                        หากตุกติก อย่าหยิกฉัน
เด็กยั่ว เผลอพัวพัน                              เป็นสันดาน .... ไม่ตั้งใจ

      น้องคือ...คนสำคัญ...( ซึ้ง )....           เคยบอกกัน เกิดวันไหน ?
โทษที.... พี่ลืมไป                                 เรื่องมากมาย ให้ต้องจำ

      น้องคือ...รักครั้งแรก....( ซึ้ง )...          นับแต่แยก (จากคนที่ ) สี่สิบ...ย้ำ
น้องเป็น...ความทรงจำ.....( ซึ้ง )....           ช่วยบอกซ้ำ....... น้อง ( เอ่อ )... ชื่อฯไร..?

๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

กาพย์ยานี ๑๑ : ครูของแผ่นดิน

                         
                               

กาพย์ยานี ๑๑ : ครูของแผ่นดิน


   ประทีปสว่างส่อง                    แผ่นดินทองประเทศไทย
พระองค์คือธงชัย                          โบกสะบัดวัฒนา

     ผไทสันติสุข                           พระประมุขทรงปัญญา
ถึงพร้อมสรรพวิชา                          ปกครองราษฎร์ดุจบิดร

     พระคุณเสมอฟ้า                       พสุธาอนุสรณ์
โปรดหล้าประชากร                         ให้อยู่เย็นเร้นทุกข์ภัย

     บูชาธุลีพระบาท                        ทรงประสาธน์ทางไสว
ให้ไทยรวมน้ำใจ                              สามัคคีพี่น้องเอย ฯ


๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ 

กาพย์ยานี ๑๑ : จิตใจ คล้าย ท้องฟ้า




กาพย์ยานี ๑๑ : จิตใจ คล้าย ท้องฟ้า

      ท้องฟ้า น่ายลยิ่ง                สงบนิ่ง บ่ติงไหว
ปลอดโล่ง โปร่งไปไกล              มิคายข้อง ฤาหมองมล

      บางครา เมฆาพรั่ง               นภาคลั่ง ประดังฝน
ปลาบแปลบ แวบวาบปน             สนั่นไกร เพราะสายฟ้า

      สุทธา ฟ้าหลังฝน                 นิรามล สกลสา(สา=สม)
ใดล้ำ งามเลอค่า                        ทะเทียมฟ้า นภาลัย

      รุ่งสาง ฟ้าสั่งแสง                 พลิกเปลี่ยนแปลง แพลงเคลื่อนไหว
สีสัน บรรเจิดใจ                          สลับเล่น มิเว้นวาร

      จิตใจ คล้ายท้องฟ้า               ณ บางครา สงบศานติ์
มั่นคง ทรงสราญ                        มิหวั่นไหว หทัยตรง

      บางครา อารมณ์ผวน              สติรวน กระบวนหลง
อ่อนไหว ไม่มั่นคง                        สะท้านจิต สฤษฏ์จม

      บางคราว ไห้เศร้าโศก             วิปโยค อกขื่นขม
น้ำตา นองหน้าตรม                       กระเทือนใจ ประลัยปาน

      บางครา ร่าเริงรัก                     คะนองวัก ประจักษ์หวาน
สุนทรีย์ ราตรีกาล                          มิหลับใหล ไฉนเอย ฯ

๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

กลอนสุภาพ : มีใครได้ ดั่งใจ จาก....





กลอนสุภาพ : มีใครได้ ดั่งใจ จาก....

      ใครเล่าได้ ดั่งฤดี จากชีวิต             ถูกลิขิต ต้องกำเนิด - เกิดตัณหา
อยาก กิน - กาม - เป็น - มี คือที่มา       ของทุกขา ทรมาน ซานเภทพาย

      ใครเล่าได้ ดั่งหวัง จากสังขาร         ที่แปรผัน ปานผวน ปรวนสลาย
ใครเล่าได้ ดั่งหวัง จากร่างกาย              ที่เข้าใกล้ ตาย - แก่ เสื่อมแน่นอน

       ใครเล่าได้ ดั่งหมาย จากใจคน        แม้ใจตน ยังยาก ลำบากสอน
ใจคนอื่น ฝืนวาย อาลัยวอน                   มันยอกยอน ซ้อนเล่ห์ เพทุบาย

       ใครเล่าได้ ดั่งคำ จากธรรมชาติ       วิปลาส ปราศมี ปราณีหมาย
ความขาดแคลน แร้นล้น ท้นทั่วราย          อุบัติภัย หลายหลาก ลำบากพา

        ใครเล่าได้ ดั่งคิดขบ จากภพนี้        แสนอุบาทว์ อนาถมี วิหิงสา
แกล้งกินกัน เพื่อดำรง คงชีวา                ต่างบีฑา เบียดเบียน เพียรเพื่อตน

      ใครเล่าได้ ดั่งคาด จากสัจจะ            น่าขยะ แขยงใจ ในเหตุผล
ใครเล่ารู้ ลู่ทาง สว่างกล                        เพื่อหลุดพ้น พลังสัจจ์ สิ้นชาติเอย ฯ

๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

กลอน : ดวงใจนี้ มีเพียง...หนึ่ง




ดวงใจนี้ มีเพียง...หนึ่ง กลอนหก 

      ดวงใจนี้ มีเพียงหนึ่ง                คำนึง ถีงศักดิ์ รักศรี
สำนึก ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี                    พุทธี สัทธา อาจิณ

      พรั่งพร้อมสรรพ รับผิดชอบ       ไม่ลักลอบ ละเมิดศิล
สำรวมใจ ไร้มลทิน                        ตราบชีวิน สิ้นมลาย

      ความรักเมียง เพียงทางผ่าน      ไม่สำคัญ ต้องมานหมาย
ไร้คนรัก ไม่ยักตาย                        รักมากมาย พาวายพรัน

      จงเก็บเนา ใจเอาไว้                 รอคนใช่ ใครคนนั้น
แม้ว่า จะนาน นับกัลป์                    ใจคงมั่น ไม่ผันแปร

      รักดี มิหวัง ด่างพร้อย               ป้องกัน ริ้วรอย ถ่อยแถ
ไม่สร้าง ราคิน จินต์แจ                    ไม่แส่หา อรธาน

      จงรักพึง เพียงหนึ่งคน               รักจน สิ้นฟ้า อวสาน
รักเท่า ฤดี ชีพวาร                          รักสัมพันธ์ ศานติ์สุขใจ

      ชีวา มีค่า ศักดิ์สิทธิ์                   ชีวิต กิจกรรม หลามไหล
เวลา ผ่านมา ผ่านไป                       อย่าหลงไป ไร้ปัญญา

      เกิดมา ตะกาย ใช้กรรม               ดี / ทราม กำหนด ยศฐาน์
วิบาก ชักทำ นำพา                          ชะตา หาคู่ สู่เชย

      ไม่ต้อง กระเสือก กระสน              ดิ้นรน จนทุกข์ สุกเสย
อย่าร้อนใจ ให้ยากเลย                       ชีวิตเอ๋ย อนัตตา ฯ                        

๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๔

วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

โคลงสี่สุภาพ : ศีลธรรม น้อมนำให้ จิตใจสวย




โคลงสี่สุภาพ : ศีลธรรม น้อมนำให้ จิตใจสวย

๑. ศีลธรรมน้อมนำให้                   ใจสวย
สูงส่งองค์อำนวย                          เลิศล้ำ
เป็นคนอย่าฉลฉวย                        ทุจริต
ใฝ่ผลกุศลพร้ำ                             เกริกกล้าก้าวไกล ฯ

๒. ประมาทจิตคิดใกล้                    ใจเบา
มิซื่อสัตย์ลัดเอา                            เลือกสั้น
นิสัยชั่วนัวเนา                               จิตจ่อม
คดโกงส่งผลกั้น                            สุขสล้าง...ทางอบาย ฯ

๓. มักง่ายไม่อดกลั้น                       สันดาน
ศีลธรรมใคร่รำคาญ                         เหยียดย้ำ
ตามใจใฝ่เพียรพาล                         สานแส่
ประพฤติกลั้วชั่วกล้ำ                         ต่ำช้าสามาญย์ ฯ

๔. คนบ่รักดีแล้                               โง่เขลา
หน้าที่มิคอยเอา                               (ใจ)ใฝ่แล้ว
รักชั่วบาปสาปเฉา                            เศร้าเสื่อม
เลวทรามทำกล้าแกล้ว                      กลับซ้ำกรรมสนอง ฯ

๕. เอาแต่ทำตามใต้                         ใจตน
ถูก / ผิด ไป่คิดยล                            ใคร่ย้ำ
ก่อกรรมทำอกุศล                             ชั่วหยาบ
ชีพต่ำตอกชอกช้ำ                            ก่อร้ายแก่ตน ฯ

๖. ตนเป็นที่พี่งแท้                            แก่ตน
สติปัญญายล                                  เฟื่องฟุ้ง
ศีลธรรมอำนวยดล                            สันติ์สุข
ความดีงามล้ำรุ้ง                              เสกหล้าสรรค์ศรี ฯ

๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๔

วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

กลอนรัก : แอบรัก.....อยากจะ...




แอบรัก.....อยากจะ... กลอนรัก 

      แอบมอง เธอร้องไห้            ด้วยโดนใคร ทำร้ายจิต
อยากไป อยู่ใกล้ชิด                   ประดิษฐ์คำ เช็ดน้ำตา

      แอบดู อยู่เสมอ                   ยามที่เธอ เหม่อมองฟ้า
อยากได้ ใกล้กายา                     บอกเธอว่า อย่าเสียใจ

      แอบฟัง เธอพลั้งเล่า              ชีวิตเศร้า ปวดร้าวไซร้
อยากปลอบ ประโลมใจ                ด้วยดวงใจ ไร้มารยา

      แอบรู้ เธอผู้แพ้                     ถูกรังแก แย่หนักหนา
อยากช่วย ด้วยชีวา                      พิทักษา กว่าชีพวาย

      แอบคิด ริษยา                       เธอเล่าว่า รักมากหลาย
อยากแทน...แทนที่ดาย                 คนใจร้าย ทำร้ายเธอ

      แอบหวัง เธอหยั่งรู้                 ฉันหดหู่ อยู่เสมอ
คืนวัน ฝันละเมอ                           จนแทบเผลอ บอกเธอไป

      " แอบรัก.... "อยากจะบอก      กลัวช้ำชอก เธอบอก " ไม่..."
ขลาดกลัว ท้นหัวใจ                       กลัวเธอไป ไกลลับตา

      จนใจ ได้แต่...แอบ....              ไม่ได้แนบ เสน่หา
เต็มใจ ในชะตา                             ดีกว่าบอก(รักแล้ว)....ชอกช้ำเอย...ฯ

๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ดั่ง... ผ้าขาว : กาพย์ฉบัง ๑๖




ดั่ง... ผ้าขาว : กาพย์ฉบัง ๑๖ 

      ดวงใจงดงามกำเนิด      สุดแสนประเสริฐ
ได้เกิดมาเป็นมนุษย์

      ปัญญาสติบริสุทธิ์      เปรียบดั่งประดุจ
ผ่องผุดภูษาผ้าขาว

      เบิ่งตารับรู้เรื่องราว      หูฟังข่าวคราว
เก็บเอาเนาคงทรงจำ

      ทัศนะ - ค่านิยม - งำ     ครอบครัวตัวนำ
ดี /ทรามเข้าสู่เยาวชน

      สังคมสมสั่ง(ค่านิยมผิดๆ)ดั่งมนตร์      ประกอบเป็นคน
ตัวตน-นิสัย-สันดาน

      เทคโนโลยีพิสดาร      เครือข่ายสื่อสาร
ปลุกปั่นความคิดจิตใจ

      ดี / ชั่วตัวเด็กเล็กใด      โยนบาป รับไป
ผู้ใหญ่นั่นแหละตัวดี

      สร้างสิ่งแวดล้อมอัปรีย์      รูป-รส-เสียง-สี
ราคีแปดเปื้อนผ้าขาว

      สงสารลูกหลานมานพราว      ไม่รู้ทันราว
โง่เขลาโดนย่ำกล้ำไกร

      เสียคนเสียจนเสียใจ      อนาคตหมดไป
ฉิบหายไร้ใครดูแล

      ช่วยกันเถิดประเสริฐแท้      อย่ายอมพ่ายแพ้
แก่ชั่วช้าวัฒนธรรม ฯ

๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

กาพย์ยานี ๑๑ : ตัดใจ....ไม่ยอมอกหัก



           
ตัดใจ....ไม่ยอมอกหัก กาพย์ยานี ๑๑  

      ความรัก มักเริ่มต้น                รสหวานล้น ระคนหอม
ติดใจ ในคำมอม-                        เมาใฝ่ฝัน มั่นอุรา

      รักใคร เข้าให้แล้ว                 ใจตรงแน่ว แว่วโหยหา
คนหลาย ในโลกา                       มิหมายปอง ต้องหัวใจ

      ยามได้ อยู่ใกล้ชิด                 เหมือนชีวิต พิสมัย
ยามแนบ แอบอุ่นไอ                     เหมือนสวรรค์ พิมานแมน

      ได้คบ ประสบคุ้น                   ช่างอบอุ่น ละมุนแสน
เรียกหา ว่า " เป็นแฟน "                ใจหนักแน่น โลดแล่นไป

      ทว่า อนิจจัง                          ยากยับยั้ง พลังไหล
หมุนเวียน เปลี่ยนกาย-ใจ                แม้รักแล้ พ่ายแพ้ลง

      เธอผัน หรือฉันเปลี่ยน ?           สัมพันธ์เพี้ยน เบียนผุยผง
เจ็บปวด ยวดยิ่งยง                       ติดตรึงแน่น แทนรักมี

      ยามใด ได้หวนคิด                  สะท้อนจิต อยากคิดหนี
แผลใหญ่ ในฤดี                           อยู่แห่งไหน ไม่ทรมาน ?

      ตัดใจ ไม่คิดถึง                      ตั้งจิตตรึง พึ่งธรรมศานติ์
สงบใส ไม่ผูกพาน                         ตัดอดีต ไม่ติดตา

      ปลดปล่อย รอยรักไป                ดั่งรอยทราย ไม่ถือสา
ลอยลับ กับเวลา                            แลทุกข์โศก รกใจเอย ฯ

๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔

กลอนสุภาพ : ศีลธรรม ล้ำเลอค่า




กลอนสุภาพ : ศีลธรรม ล้ำเลอค่า

      หากเห็นธรรม ศีลความดี มีคุณค่า        เพียรรักษา ปฏิบัติ ไม่ขาดสาย
ธรรมจะอยู่ ดูแลเรา เบาสบาย                   ปราศทุกข์ภัย คลายศัตรู ผู้ราวี

      ค่านิยม ถูกต้อง สนองสุข                   นิยมผิด ติดทุกข์ ไร้สุขศรี
รักอะไร ไม่ดีเท่า เรารักดี                          คบคนดี หนีคนชั่ว สุขทั่วใจ

      ยอมเสียทรัพย์ เพื่อรักษา อวัยวะ          เสียอวัยวะ ต้องรักษา ชีวาไว้
เสียชีวา รักษาธรรม อันอำไพ                    คือหลักชัย จิตใจพุทธ พิสุทธา

      ความดีงาม ล้ำค่าคุณ เกินสูญเสีย         ลาภ-ยศฯลฯทราม เทียบต่ำเตี้ย เดียรฉาน์
ธรรมจรุง สูงเกินหยิบ ทิพยา                     แม้วัฏฏา มลายสิ้น ด้วยศีลธรรม

      อย่าคิดว่า เอาเปรียบใคร=กำไรเขา         ทุกข์โศกเศร้า เขาได้รับ ไม่นับขำ
ทุกข์หลายเท่า เราจักต้อง สนองตรำ            ชดใช้กรรม ความชั่วช้า ราคีใจ

      อย่ายินดี ที่ได้จุด ทุจริต                     ทำ-พูด-คิด สุจริต เป็นนิสสัย
การคดโกง อย่าหลงถือ คือกำไร                ผลบาปปลาย ต้องใช้ชด จนหมดเวร

      อย่าสุขใจ ได้ผละงาน รานหน้าที่         รับผิดชอบ กรอบความดี สิริเห็น
มีหน้าที่ มิกระทำ สร้างกรรมเวร                 จะทุกข์เข็ญ เป็นยาจก ตกระกำ

      อย่ารักชั่ว มัวเมา ไม่เอาถ่าน              คบคนพาล,หมั่นเที่ยวเล่น เช้า-เย็น-ค่ำ
เสพของเมา,เคล้ากามกิจ จิตระยำ              ลึกถลำ ทางทรามเถื่อน เตือนเภทภัย

      " คนโง่ย่อม เป็นเหยื่อของ คนฉลาด "   อย่าประมาท อุบาทว์ชอบ นอบหลงใหล
การเบียดเบียน เพียรบีฑา สะสมภัย             ทุกข์-อบาย เป็นปลายทาง สร้างไว้เอง ฯ


๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔

วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

กลอน ..... สบาย ....สบาย....

             
                           

กลอน ..... สบาย ....สบาย....


      รื้น... ลมชื้น รื่นเย็น             เห็น... ฝนเต้น เย็นตา
ฟ้า... ระล้น เมฆา                     ล๊า... นิทรา สุนทรีย์

      ครึ้ม... ซึมเซา เศร้าแสง       แล้ง... หน้าแล้ง หลีกหนี
หลง... ป่าดง พงพี                    นี้... ตั่งมี พิมาน

      ช้า... ชีวา สงบ                   พบ... ประสบ ภพศานติ์
รัก... ไม่อยาก จากกานต์             ฝัน... นิรันดร์ บันเทิง

      ขาว... หมอกเบา พราวใส     ไหว... ลอยไหล ใจเหลิง
เร้า... โลมเคล้า เร้าเริง                เบิ่ง... กระเจิง กระจาย

      สาง... สว่าง ลางเลือน          เหมือน... อยากเคลื่อน เลื่อนสาย
เช้า... อ่อนเยาว์ เกลากาย            สบาย... สบาย ใจเพลิน

      ขอ... รอสิ้น เสียงฝน             จน... กมล เก้อเขิน
ฉัน... เกียจคร้าน เหลือเกิน           เพลิน... นอนเกิน เวลา

      มี... หน้าที่ งานการ               ดัน... สังขาร ชันขา
คล้าย... ไม่อยาก จากมา              ว้า... ต้องลา ที่นอน ฯ

๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

กลอน รัก : เธอ เป็น เช่น ความ ว่าง เปล่า

             
         

กลอน รัก :  เธอ เป็น เช่น ความ ว่าง เปล่า 


      เคยมี เธอเพียง เคียงร่าง ข้างกาย                ไม่เคย มีใคร อยู่ชาย ใจฉัน
เธอเปรียบ เสมือน แสงเดือน ดวงจันทร์                กระต่าย อย่างฉัน ฝันใฝ่ หมายปอง

      เคยมี เธออยู่ เคียงคู่ รู้ใจ                           อกสั่น หวั่นไหว ได้เธอ ปลอบหมอง
เหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า มาช่วย ประคอง                  ร้อน-หนาว-ร้าว-ข้อง เธอจ้อง ป้องใจ

      เคยมี เธอเป็น เช่นดวง ฤดี                           เขษม เปรมปรีดิ์ สุขี สิไข
เธอเป็น เสาหลัก ฉันหนัก แน่นใน                        ไม่ครั่น หวั่นไหว ได้เธอ พึงพา

      แต่เธอ ก็พราก ไปจาก ชีวิต                          อับจน ล้นจิต คิดหนัก ยากหนา
มีลม หายใจ แต่ไร้ วิญญาณ์                                มีวัน เวลา ทว่า เท่าตาย

      ไร้เธอ แม้เงา ถึงเศร้า เสาะหา                        น้ำล้น ท้นตา ธารา หลั่งหลาย
ดั่งคน เป็นบ้า วิป ลาสปลาย                                 สิ้นกำ ลังกาย ไร้ฤดี ชีวัน

      บัดนี้ เธอเป็น เช่นความ ว่างเปล่า                     ไม่มี แม้เงา ฉันเศร้า โศกศัลย์
เธอดับ ลับหาย ไกลพราก จากกัน                         แต่หัว ใจฉัน เฝ้าฝัน ถึงเธอ

      ถึงเธอ ไปจาก หากรัก ยังอยู่                           เลิศล้ำ งามหรู ดูแล เสมอ
ยังหวัง ยังฝัน สักวัน พบเจอ                                  พูดพร่ำ ร่ำเพ้อ รักเธอ หมดใจ

      ฉันจะ เฝ้ารอ รอเธอ หวนกลับ                          จะกอด กระชับ มิให้ ลับไหล
จะหวง จะแหน แนบแฟ้น แน่นไกร                          ตามติด ชิดไป ไม่คลาด สายตา

      แต่ใน ตอนนี้ ไม่มี เธอข้าง                            เปล่าเปลี่ยว อ้างว้าง ดั่งร่วง จากผา
ไม่อยาก รู้ตัว กลัววัน เวลา                                 อยากจะ หลับตา อย่าตื่น อีกเลย ฯ

๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔