ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กาพย์ยานี ๑๑ : สุขสันต์ วันหยุด

              
                                                 

กาพย์ยานี ๑๑ : สุขสันต์ วันหยุด

      สุขสันติ์ เช้าวันหยุด                 ใจบริสุทธิ์ สุดหรรษา
คลาคล่ำ เมฆล้ำฟ้า                        ฝนปรายโปรย โชยหมอกชาย

      เย็นชื้น รื้นไล้ผิว                      กายเบาหวิว ปานปลิวผาย
เริงร่า สุขสบาย                              ในวันหยุด สุดสัปดาห์

      เสียงฝน โดนสังกะสี                  เสียงปักษี จู๋จี๋จ๋า
เสียงลม โถมพัดพา                         กล่อมเกลาจิต คิดจำนงค์

      เสพศิลป์ จินตนา                       รื่นเริงร่า อานิสงส์
สุนทรีย์ เสรีรงค์                               รจนา สรรค์พาที

      เสพสรรค์ บรรยากาศ                  จิตสะอาด สัตศรี
ชื่นชม อารมณ์ดี                               ด้วยดนตรี กวีกลอน

      ใจว่าง ช่างสงบ                          ไม่พานพบ รบหลอกหลอน
กายว่าง ช่างอาวรณ์                           ความอบอุ่น ละมุนละไม

      เมฆลาง กระจ่างฟ้า                      ฝนซัดซา อากาศใส
แสงทอง ส่องอำไพ                            กระจ่างจินต์ กล่อมอินทรีย์

      สายน้ำ ล้ำเลยท่า                         วันเวลา จรลี
ชีวา มีหน้าที่                                      ไร้วันหยุด สุดสัปดาห์  ฯ

๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔

กลอนดอกสร้อย : โลกเอ๋ย โลกร้อน

           
                                                วางจาก oknation.net


กลอนดอกสร้อย : โลกเอ๋ย โลกร้อน


      โลกเอ๋ย โลกร้อน                   ผลสะท้อน ย้อนกลับ สดับไหม ?

ฝนแล้ง พายุ อุทกภัย                    โรคร้าย ใยระบาด พินาศยี ?

      อาหาร ขาดแคลน แร้นที่อยู่      โคลนถล่ม โถมกรู ดู...ตาย - หนี

เศษขอน ท่อนไม้ ก่ายกองมี            โลกีย์ วิปริต ผิดธรรมดา

      อย่ามัว แต่เล่น เห็นแก่ตัว          อย่ามัว เผาผลาญ เสพตัณหา

อย่ามัว โฉเก เสียเวลา                    อย่ามัว ชักช้า ละ - รีรอ

      โลกช้ำ ย่ำแย่ แลดูเถิด             กำลังเกิด อาเพศ นิเวศน์หนอ

ระกำ ลำบาก มากมาย...ออ              จดจ่อ ทรมาน ชีวันชอน

      ช่วยกัน ลดใช้ พลังงาน             ช่วยสาน ประหยัด ประกาศสอน

ช่วยกัน รักษา ทรัพยากร                  ช่วยกัน ลดทอน รอนสารพิษ

      ทั้งเด็ก ทั้งใหญ่ ร่วมใจจริง          ทั้งหญิง ทั้งชาย ร่วมใจจิต

ทั้งภาค ทั้งพันธุ์ ร่วมกันคิด                ทั้งโลก สฤษฏ์ สัมฤทธิ์เอย ฯ


๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔


วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กลอนคติสอนใจ : วัวลืมตีน

                 
                                                     

กลอนคติสอนใจ : วัวลืมตีน
(ไร้ฉันทลักษณ์)

      เมื่อก่อน ตอนยังเยาว์              เธอเขลา อ่อนไหว สับสน
ไม่มั่นใจ ในตัวตน                         เป็นมิตร กับคน ทั่วไป

      เมื่อเธอ ผ่านการ ศึกษา            รับปริญญา หน้าสดใส
ภูมิใจนัก จบจาก มหา'ลัย                เป็นหนึ่งใน " ปัญญาชน "

      เธอเสาะ แสวงหา งานทำ          ใช้ความ รู้นำ ฉ้อฉล
ได้งาน บริการ ผู้คน                        ลืมตน เป็น " คน สำคัญ "

      เธอไพล่ คิดไปว่า                     ข้า...มียศศักดิ์ หลักสรรค์
ส่วนเจ้า..ต่ำช้า สามัญ                      อย่ามา เทียบชั้น...เจ้านาย

      เธอกลาย ไร้สุจริต                     ความรู้คิด สาบสูญหาย
จะเล่าเรียน ไปทำควาย ?                   เรียนแล้วใจ ร้าย...อัปรีย์

      เธอก็แค่ " วัวลืมตีน "                  อยู่กิน ด้วยเงิน ภาษี
ประชาชนให้ จึงได้-มี                         เธอคือ " ขี้ข้า สาธารณ์ "

      อย่ามา วางตัว เป็น " นาย "           เห็นแก่ได้ แบ่งชนชั้น
ขโมย จากการ ทำงาน                        ขยัน หาประโยชน์ ใส่ตัว

      หากแม้น เธอรู้ จักคิด                   กุศล สถิต ในหัว
อย่าทำตน ฉ้อฉลชั่ว                           สุจริตทั่ว หัวใจเทอญ ฯ

๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๔

สาลินีฉันท์ ๑๑ : ฟ้าส่งเธอลงมา

                           
                                   

สาลินีฉันท์ ๑๑ : ฟ้าส่งเธอลงมา
(ละเลยฉันทลักษณ์)

      ฟ้าส่ง เธอลงมา               ประจักษ์ตา มนุษย์หรือ ?
เกินงาม คำล่ำลือ                    เสมือนดั่ง เทพธิดา

      ผิวพรรณ เนียนผุดผ่อง        ผิได้มอง สิต้องหา
หลงใหล นัยนา                        มิอาจครอง สติตน

      ดวงเนตร เพชรา                 สุภัคตรา นิรามล
ชายตา ยิ่งน่ายล                       หทัยหวั่น สะท้านทรวง

      ปากแต้ม แก้มเอิบอิ่ม           ระบายยิ้ม ประพิมพ์สรวง
ฟันขาว ดั่งดาวดวง                    ประดับฟ้า ณ ราตรี

      ร่างร่อน ดูอ้อนแอ้น              ระหงแสน ระแม้นศรี
ท่วงท่า จรลี                              มิต่างว่า ธิดาอินทร์

      สมบูรณ์ คุณจรรยา                กุศลกล้า มหรรฆศิล(ศีล)
ซื่อตรง ทรงอาจิณ                       มิเสื่อมสิ้น สุจินดา

      เมตตา สู่สาธารณ์                  บริวาร สิหรรษา
บ้านช่อง งามต้องตา                     สะอาดอ่อง ระยองใย

      หากครอง สมปองรัก               จะพิทักษ์ มิผลักไส
รักเดียว ไม่เกี่ยวใคร                      ถนอมเรียม ทะเทียมทอง

      นางฟ้า ถ้าสงสาร                    ตริเป็นทาน ประสานสอง
มอบใจ มาให้ครอง                        ประเสริฐสุนทร์ พระคุณเอย ฯ


๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๔

วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ : ฉันผิดตรงไหน ?

                                   
                                             

กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ ฉันผิดตรงไหน ?

 .....................................ฉันผิดตรงไหน ?
ไม่เคยสนใจ........................ใครนอกจากเธอ
กลางคืนเฝ้าฝัน.....................กลางวันพร่ำเพ้อ
คิดถึงเพียงเธอ......................เธอ ...ทุกเวลา

 ......................................ฉันผิดตรงไหน ?      
หรือเพราะหัวใจ....................ฉันไร้เดียงสา   
ไม่รู้เท่าทัน..........................สันดานพาลา    
ที่คอยไล่ล่า.........................หาเหยื่อเถือกิน

........................................ฉันผิดตรงไหน ?      
หรือมอบกายใจ ?..................ทำให้เสื่อมสิ้น
ให้เธอครอบครอง...................จนต้องราคิน   
เพราะเชื่อเล่ห์ลิ้น....................หมิ่นคำตักเตือน

.........................................ฉันผิดตรงไหน ?      
ไม่เชื่อผู้ใหญ่.........................สุทธ์ใจใครเหมือน
ว่าในวัยเรียน..........................อย่าเพียรเลอะเลือน    
ความรักเสมือน.......................เพื่อนพาล่มจม

..........................................ฉันผิดตรงไหน ?      
ปล่อยจิตปล่อยใจ.....................เหลวไหลโง่งม
ทุ่มใจให้รัก.............................เสียหลักติดหล่ม    
รสรักขื่นขม..............................จมจ่อมซอมโศก

...........................................ฉันผิดตรงไหน ?      
รักเธอมากไป ?..........................กว่าใครในโลก
ทุกลมหายใจ.............................หวั่นไหวไร้โภค
น้ำตาชุ่มโชก............................อกรุ่มร้อนหนอ...

.............................................ฉันผิดตรงไหน ?      
หรือเพราะไม่ใช่..........................ใครที่เธอรอ ?
ฉันแค่ของเล่น ?..........................ไม่เห็นต้องง้อ
ฟังเธอเสียดส่อ............................ต่อว่ารำคาญ

...............................................ฉันผิดตรงไหน ?      
รักเธอใช่ไหม ?............................ทำให้โศกสาน
ขอจบสิ้นรัก.................................ไม่อยากทรมาน    
เก็บไว้ให้ทาน...............................ปันคนคู่ควร ฯ


๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กาพย์ยานี ๑๑ : เงินทองของยาก



กาพย์ยานี ๑๑ : เงินทองของยาก

      เงินทอง ของหายาก             ต้องลำบาก จึงได้มา
รู้จัก ออมรักษา                          เก็บไว้ใช้ ยามขาดแคลน

      อย่าเที่ยว ทำฟุ่มเฟือย           จ่ายเรื่อยเปื่อย จะเมื่อยแสน
ยากจน ; คนทั่วแดน                    ย่อมเหยียดหยาม ประณามเอา

      สิ่งใด ล้วนไม่เที่ยง                ไม่ควรเสี่ยง เพียงเพราะเขลา
หมดตัว ด้วยมัวเมา                      อบายมุข ทุกข์ระทม

      เงินตรา ถ้าหยิบยืม                เพลินหลงลืม หนี้ทับถม
หนี้ท่วม ใจอ่วมจม                       เหมือนนรก อเวจี

      ร่างกาย ย่อมไข้เจ็บ               รู้จักเก็บ ส้องเสพศรี
ป่วยไข้ เงินใช้มี                          บรรเทาทุกข์ สุขสมปอง

      สิ่งล้วน สมควรใช้                  จงจับจ่าย ให้สนอง
งดงาม ตามทำนอง                      ด้วยลำดับ ความสำคัญ

      อย่าโง่ จ่ายโอ้อวด                จงเข้มงวด ใจกวดขัน
อย่าหลง จงรู้ทัน                         โฆษณา สินค้าใด

      เหลือใช้ รู้ให้ทาน                  บุญสร้างสาน สวรรค์วิสัย
เกิดมาด ภพชาติใด                      รวยมั่งมี ศรีสำราญ

      อวดมี ตระหนี่เหนียว               เป็นโทษเทียว อย่าเชี่ยวฉาน
เครื่องหมาย วิสัยพาล                   ผู้รู้งาม มิทำเอย ฯ

๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๔

กลอนแปด : คติชีวิต

       


กลอนแปด : คติชีวิต

      กุสุมาลย์ กรรณิกา บุปผชาติ             งามพิลาศ ทัศนีย์ ศรีสมัย
สมควรอยู่ คู่ต้น วิมลมัย                         สาธารณ์ให้ ได้เห็น เป็นบุญตา

      รัตนา สุวรรณ อัญมณี                     รัศมี ศรีไสว ประกายสา
ควรประดับ กับแหล่ง แต่งโลกา               คงคุณค่า สากล จลขจร

   พฤกษชาติ สัตว์ป่า สารพันธุ์                  พนาสัณฑ์ ธารนที คีรึสร
มหาสมุทร มัจฉา ทรัพยากร                    อนุสรณ์ คอนค่า ธรรมวัฒน์

      อุปโภค บริโภค วิโยคไข                  เพื่อสังขาร ทำงานได้ ไม่ติดขัด
ต่อชีวา อายุวัย ให้ประพัทธ์                    ช่วยขจัด ความขัดสน ทุกข์พ้นไป

      คำสรรเสริญ เยินยอ ไม่ขอรับ            ดั่งสดับ สายลม ชโลมไหล
เกียรติยศ ชื่อเสียง ศัพท์เกรียงไกร            ต่างอะไร กับดนตรี ที่พรั่งพรู

      อันอำนาจ ยศฐาน์ บรรดาศักดิ์           ไม่ต่างนัก นภดล ยลสวยหรู
ไป่จีรัง ยั่งยืน หาชื่นชู                            แค่เคยอยู่ ดูได้ ไม่เนิ่นนาน

      ความรักอัน โชติช่วง ล้ำดวงจิต          นิรมิต งดงาม เหมือนความขาน
ดั่งสายรุ้ง หลังฝน ยลชื่นบาน                   อันตรธาน หายทั่ว ชั่วพริบตา

      คู่ชีวิต พิจารณา เช่นสหาย                 ครอบครัว...เพือน แก่-เจ็บ-ตาย ในสังสาร์
ร่วมทางไกล ใช้กรรม ตามวัฏฏา                 ก่อนอำลา จากกัน สักวันไป

      ซึ้งในสัจจ์ ปรารถนา อะไรในโลกย์?        ซึ่งโสโครก เหม็นสาบ บาปวิสัย
วิหิงสา ทุจริต เลวจิตใจ                             มุ่งปองร้าย ใฝ่ทราม ทำร้ายราญ

      ศีลบำเพ็ญ เป็นนาวา พาหนะ                โลกุตตระ ธรรมส่อง ผ่องไพศาล
สารถี คือสติ วิจารณญาณ                          บุญกุศล ดลบันดาล สรรค์พลา

      ขอประสบ พบสันติ์ มานวิสิทธิ์               สุจริต ศีลธรรม ล้ำรักษา
สุขนิเวศน์  เมตตา กรุณา                           มุทิตา สาธุการ นิรันดร์เทอญ ฯ


๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๔

วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กาพย์ยานี ๑๑ : คิดถึง...จึงมาหา




กาพย์ยานี ๑๑ : คิดถึง...จึงมาหา

      คิดถึง จึงมาหา                ให้เห็นหน้า หฤทัย
ห่างกัน นานไปไหม?               อยากอยู่ใกล้ ทุกเวลา

      ไม่เคย หยุดคิดถึง             ใจคะนึง รำพึงหา
เห็นแต่ แค่ขวัญตา                   ทั้งใบหน้า สรรพางค์กาย

      ยามนอน กอดหมอนข้าง     นึกว่านาง ร่างโฉมฉาย
หลงจูบ ลูบหมอน...อาย            เป็นอะไร ไปหรือเรา?

      ยามหลับ กลับมาฝัน           ถึงสุนันท์ ฉันท์เฉลา
สวยจริง งามพริ้งเพรา               ราวนางฟ้า สุราลัย

      ยามตื่น ยังมึนงง                ใจพี่คง จำหลงใหล
เหมือนน้อง คล้องเคียงใกล้         อบอุ่นไอ ไล้ละมุน

      ไม่อยาก จะจากฝัน              ตักจอมขวัญ พี่หมั่นหนุน
ชื่นเอย เชยเช่นบุญ                    รักอบอุ่น จำรูญใจ

      กำสรด กำหนดตื่น                โอ้...ขวัญยืน พี่ขื่นไข
ต้องมา แม้ฝ่าไฟ                        อยากชิดใกล้ ให้เห็นกัน

      คิดถึง จึงมาบอก                  มิได้หลอก แม่ดอกขวัญ
หอบรัก ฝากแจ่มจันทร์                หมดดวงมาน ชีวันเอย ฯ

๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๔

กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ : เธอคือ...ที่สุดแห่งรัก

             
                               

กาพย์สุรางคนางค์  ๒๘ ...ที่สุดแห่งรัก


๏   ........................................ ที่สุด แห่งรัก     
พิสูจน์ ความรัก...................... ประจักษ์ สลาย
ถูกเธอ ทอดทิ้ง......................เหมือนสิ่ง เดียวดาย
ทุรน ทุราย ...........................ไม่อาจ กินนอน

๏   ..........................................ทุ่มเท ทุกอย่าง     
ไม่เคย เว้นว่าง.........................กระทั่ง ถึงหมอน
เธอปรารถ (ถะ)นา....................(ฉัน)เสาะหา มาป้อน     
ไม่คิด แคลนคลอน...................ซ่อนเล่ห์ เพทุบาย

๏   ...........................................รักเธอ ที่สุด      
เท่าที่ มนุษย์...........................จุดจิต คิดถวาย
เธอเป็น นัยนา.........................ยิ่งกว่า ใจ-กาย   
ฉันพร้อม ยอมตาย...................ให้เธอ สุขมี

 ๏   ..........................................แค่ "ตัว สำรอง"      
สายตา เธอมอง.......................ฉันต้อง โศกศรี
ได้ความ คับแค้น.....................ทดแทน ความดี     
ผลความ ภักดี.........................นี่หรือ คือเธอ?

๏   ...........................................หลอกให้ ฉันรอ(เธอ )      
ส่วนเธอ เฝ้ารอ........................รอคน อื่นเหรอ?
คอยคน ที่ใช่...........................ฝันใฝ่ ได้เจอ     
ปล่อยฉัน ฝันเก้อ......................เพ้อพร่ำ รำพัน

๏   ........................................... ย้อนถาม หัวใจ     
เป็นเธอ บ้างไม๊? ......................ถูกใช้ เช่นฉัน
แค่"ตัว สำรอง"........................ใครต้อง การมัน?
ใจเหน็บ เจ็บศัลย์......................กลั้นจิต คิดครวญ
     
๏   .............................................ฉันเต็ม ใจรอ     
แต่จะ ยอมรอ............................แค่พอ สมควร
ไม่ได้ ใจดำ..............................ใช่ทำ เรรวน     
จิตใจ ผันผวน...........................ปรวนแปร เปลี่ยนไป
     
๏   ..............................................ขอให้ คิดถึง     
สัมพันธ์ ลึกซึ้ง...........................ตราตรึง จิตใจ
เห็นค่า ความรัก..........................ฉันฝัก ภักดิ์ใฝ่     
รักเธอ หมดใจ...........................ไร้พาล มารยา
     
๏   ...............................................เธอคือ ที่สุด     
(เท่าที่)ชีวิต มนุษย์......................ของฉัน ฝันหา
คือความ อบอุ่น...........................สมบูรณ์ คุณค่า  
คือดวง ชีวา...............................ฟ้าเป็นพยาน  

๏   ...............................................ฉันตัด สินใจ     
จะไม่ ร้องไห้..............................แกร่งไกร กล้าหาญ
เพราะมี ข้อแม้............................อีกแค่ ไม่นาน   
ถ้า(เธอ)ยัง สามานย์....................ฉันจะ ตัดใจ ฯ

๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๔

วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กลอนแปด : เป็นคนดีเพราะมีบุญ

               
                                 

กลอนแปด : เป็นคนดีเพราะมีบุญ

      ปุพเพ จะ กะตะ ปุญญะตา            มงคลงาม ธรรมา พุทธาสอน
ความเป็นผู้ ทำบุญ กูลเก่าก่อน            ประหนึ่งพร วาสนา สาธุชน

      ด้วยกุศล ผลบุญ จุนเจือให้           ใจฝักใฝ่ ใคร่สมัคร รักกุศล
ศรัทธาธรรม ค้ำศีล ชีวินชน                 ไม่ฉ้อฉล ทุจริต ผิดหลักธรรม

      ด้วยบุญทำ กรรมสรรค์ บันดาลให้    คิดละอาย ในชั่ว กลัวถลำ
สะดุ้งตัว กลัวบท กฎแห่งกรรม              หาใช่คำ บังเอิญ เกินพอดี

      ด้วยความดี ที่ทำ งามไว้ก่อน          สนองย้อน วอนวัก รักศักดิ์ศรี
ให้เกรงชั่ว กลัวทราม รักความดี            บนวิถี ศีลธรรม ผ่องอำไพ

      คนทำชั่ว ตัวตก สู่โลกชั่ว               ยิ่งเกลือกกลั้ว ชั่วบาป สาบวิสัย
ยิ่งเวียนวน ทนผูก ทุกข์ต่อไป               ยากจะได้ ใคร่สู่ กุศลดัง

      จงภูมิใจ ได้มา ศรัทธาธรรม            อย่าระกำ ต่ำต้อย เดินถอยหลัง
จงมุ่งหน้า ประพฤติดี มีพลัง                  ใจสว่าง ดั่งทีปทอง เรืองรองเอย ฯ

๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๔

กลอน : ใจดีจัง

                                 
                                   

กลอน : ใจดีจัง

      ฟ้าจ๋า....                    ใครทำฟ้า เศร้าเสียใจ
หม่นหมอง ต้องร้องไห้         น้ำตาไหล เป็นสายฝน

      เมฆจ๋า....                    ไปเที่ยวมา ทั่วสากล
พาฉัน ไปด้วยคน                 จะทำตน เป็นเด็กดี

      ลมจ๋า....                      พัดมา เบาๆทางนี้
ฉันนั้น ร้อนเต็มที                  อยากมีลม เป็นเพื่อนไท

      ดาวจ๋า....                     เวลา ที่ฉันหลับใหล
ช่วยฉัน ฝันดีได้ไหม ?           ขอบคุณ น้ำใจไมตรี

      เดือนจ๋า....                   ทานอะไร ? จึงงามเช่นนี้
เดือนเพ็ญ เด่นราตรี              อยากมี ความงามตามเดือน

      สูรย์จ๋า....                     ทรงพลา ไร้ใครเหมือน
หน้าที่ มิคลาดเคลื่อน             อยากเหมือนสูรย์ อบอุ่นจัง

      โลกจ๋า....                      อยากจะถาม ถึงความหลัง
ก่อนเช้า เล่าฉันฟัง                 เป็นอย่างไร ในก่อนกัลป์

      หมอนจ๋า....                    หมอนผ้า น่ารักของฉัน
นอนอยู่ เคียงคู่กัน                  เล่าความฝัน ให้ฉันฟัง

      ฝันจ๋า....                        ช่วยพา สิ่งที่ฉันหวัง
ให้เห็น เป็นจริงจัง                   ฝันช่าง ใจดีเหลือเกิน ฯ

๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๔

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กลอน อกหัก : จะไม่ลืมเธอ...ที่รัก



กลอน อกหัก : จะไม่ลืมเธอ...ที่รัก

      จะไม่ ลืมเธอ  ที่รัก              ถึงเธอ จักทิ้ง ฉันไป
จดจำ เธอนำ ทำไว้                    ทั้งหมด มากมาย ในใจฉัน

      จะไม่ ลืมวัน เริ่มต้น              สายฝน ดลเรา พบกัน
รู้จัก สมัคร สัมพันธ์                    วันนั้น ฉันจำ ขึ้นใจ

      จะไม่ ลืมมิตร ไมตรี              ความดี ที่ฉัน ขวนไขว่
ช่วยเหลือ เกื้อกูล ปูนไป              ด้วยใจ เมตตา ปราณี

      จะไม่ ลืมความ ซึมเศร้า         เธอเล่า วิโยค โศกศรี
ฉันปลอบ ประโลม โน้มฤดี            ให้มี สติ  วินัย

      จะไม่ ลืม ส ถานะ                 ที่เธอ แต่งซะ สวยใส
หลอกฉัน รานหลง งมไง                เชื่อใจ ว่าเป็น เรืองจริง

      จะไม่ ลืมความ  สัมพันธ์           สองเรา เข้ากัน สุงสิง
วันคืน ชื่นแนบ แอบอิง                   ทุกสิ่ง ลืมทิ้ง ทุกอย่าง

      จะไม่ ลืมวัน ยิ่งใหญ่                เธอได้ ก้าวไกร สมย่าง
อนาคต สวยสด สว่าง                     สู่กว้าง สังคม รมณีย์

      จะไม่ ลืมความ สาไถย              เธอเปลี่ยน ไปไม่ ใยดี
ทอดทิ้ง ฉันปาน ธุลี                        อย่างที่ ไม่มี เยื่อใย

      จดจำ ทำเป็น บทเรียน               จำเนียร เจียนจิต คิดไข
ขัดเกลา เฝ้าสอน วอนใจ                  อย่าได้ รักใคร อีกเลย ฯ

๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔

กลอนแปด : ธรรมะ ... พระป่า

                           

กลอนแปด : ธรรมะ ... พระป่า

      รู้สึกตัว ทั่วกาย อายความชื้น      ยามดึกดื่น กลางป่า ต้นหน้าฝน
สั่นสะท้าน ครั่นหนาว เข้ากมล           สู้เตือนตน ทนข่ม ล้มตัวนอน

      สังกะสี มีรู น้ำพรูหยด               เอียงข้างขด หดตัว หัวซุกหมอน
ตามประสา พระยาก ลำบากรอน        พเนจร หมอนหมิ่น เอกวิญญู

      เสียงน้ำค้าง หลั่งบด รดใบไม้      หริ่งเรไร ไพเราะ เสนาะหู
นกฮูกร้อง ทำนองนวล ชวนเอ็นดู       ยามเช้าตรู่ อยู่ใกล้ ใจเฝ้ารอ

     ธรรมชาติ พงพี บริสุทธิ์              ถูกมนุษย์ ทำลาย หายร่อยหรอ
เพราะตัณหา มากมาย ไม่เคยพอ         ป่าอย่าท้อ ต่อสู้ คู่โลกา

      สาธุชน คนดี มีศีลสัตย์                ใจสะอาด ขัดเกลา เผาตัณหา
ศรัทธาธรรม  นำใจ ใช้ชีวา                 ชูปัญญา ประเสริฐ เลิศดำรง

      จงอย่าท้อ ต่อสู้ ทุคตี                  จงรักดี เข้มแข็ง ต้านแรงหลง
กระแสทราม ต่ำชั่ว ยั่วคดคง               อย่างุนงง จงอดกลั้น มั่นจิตใจ

      ความรักดี มีผล กุศลส่ง               ความซื่อตรง คงมั่น สันติใส
ศีลธรรม นำพา ประสบชัย                   ไม่คบ-ใคร่ ไพร่พาล สำราญเอย ฯ


๒๕ กรกฎาคม  ๒๕๕๔

รวมกวีกูรู..กลอน หก ...กลอนรัก : ฝาก ฟ้า



รวมกวีกูรู..กลอน หก ...กลอนรัก : ฝาก ฟ้า


เต้ง ดอนตูม :
     . ฟากฟ้า แม้ไกล ใจใกล้       ฝากรัก ข้ามไป ให้ถึง
หลับฝัน ฉันใฝ่ คะนึง                    คิดถึง เธออยู่ ทุกวัน

   .  ฝากลม ห่มใจ ไปหา            ข้ามฟ้า ไปเคียง คู่ขวัญ
เราสอง ครองคู่ นิรันดร์                  เธอฉัน มั่นรัก มิคลาย

TUBE :
    .ฟากฟ้า แม้ว่า ตระการ            ไป่ปาน มานรมย์ โฉมฉาย
รักเรา เท่าฟ้า ประกาย                    มิหมาย ใครอื่น ขืนครอง

 ผู้หญิงไร้นาม  :
  .ฟากฟ้า สู่ดาว ดื่นดาษ                วิมาน ร่วมวาด เราสอง
ภิรมย์ สมหมาย เคียงครอง                จับจอง ทั้งหมด ห้องใจ

เต้ง ดอนตูม :
  ๕.เดือนพราว ดาวพราย ปรายฟ้า      คล้ายดั่ง ดวงตา สุกใส
มอบรัก หมดห้อง หัวใจ                    ให้สาว บ้านไกล คนเดียว

 ผู้หญิงไร้นาม  :
       ๖.ไกลห่าง ต่างแดน แสนเหงา   เตือนใจ เราไว้ แน่นเหนียว
ห่างใจ เพียงขวัญ ควั่นเกลียว            เกินเหลียว หทัย เคียงครอง

TUBE :
       . ฟากฟ้า พรรษา สมัย            ลมฝน ปรนปราย ไม่หมอง
 สองเรา รักเพียง เคียงปอง               สี่ห้อง หัวใจ ใสสุภา

เต้ง ดอนตูม :
        ๘.ฝนซา ฟ้าสาง รางรุ่ง            นกทุ่ง ร้องกัน หรรษา
ลมไล้ แนวไผ่ ปลายนา                     แสงทอง ทาบทา ฟ้างาม

ผู้หญิงไร้นาม  :
        ๙.ฟากฟ้า ยามนี้ เย็นฉ่ำ            สุขล้ำ เกลื่อนกล่น ล้นหลาม 
กระเซ็น เป็นละออง ฟองตาม             ยังความ สดชื่น รื่นรมย์...

TUBE :
       ๑๐. ฟากฟ้า ครานี้ มีเรา            อยู่เนา เคล้าคู่ สู่สม
  ธรรมชาติ ดาษดา น่าชม                ร่วมรมย์ รักเรา เพราเอย

๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔