ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555

แค่...คำคน : กลอนคติชีวิต(โคลงสี่สุภาพ)




แค่...คำคน : กลอนคติชีวิต(โคลงสี่สุภาพ)


. เมฆาขจายจรดฟ้า..............ประจิม
คลุมขอบ นภาริม....................ล่วงแล้ว
เหมือนกันประหนึ่งพิมพ์...........จากแม่ เดียวนา
สีหม่นเทาเปล่าแพร้ว..............กลุ่มก้อนกระบวน ฯ

. ครึ้มคามยามบ่ายคล้อย.........คืบคลาน
ฉงนจิตพิสดาร.......................เนื่องแท้
กลางเหมันตกาล....................หนาวกร่อน
อากาศประหลาดแล้.................อบอ้าวราวร้อน ฯ

. อุตุฯพยากรณ์กล้า.................จะหนาว
ฟังสู่จู่ๆหาว.............................เหียนให้
ธรรมชาติสุดจะสาว...................สัจจะ ?
ฤาว่าคนล้นไคล้........................ต่ำไร้มาตรฐาน ?(ไคล้=เล่ห์กล)

. ผลงานอย่าเชื่อข้อ..................ตัดสิน
คนหลากมานโฉดฉิน..................ถ่อยแท้
อคติพิจารณ์จินต์........................สับปลับ
ทรามต่ำคำคดแม้........................สัจจ์แจ้งซอนอาย ฯ

. ทำดีจงอย่าได้.........................ถือสา
คำติฉินนินทา..............................ว่าร้าย
ปากคนดั่งสุขา.............................สกปรก
ใจดั่งสุสานคล้าย..........................ป่าช้าประมาณ ฯ

. กรรมก่อขออิงอ้าง......................ศีลธรรม
การย์ก่อวิทยานำ...........................เปรียบรู้
ดีก่อบ่สนคำ..................................แคะค่อน
บุญก่อ กุศลสู้.................................สืบแม้มรณา ฯ

๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕

วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ดวงดาว ดวงจันทร์ ดวงใจ : กลอนจรรโลงใจ




ดวงดาว ดวงจันทร์ ดวงใจ : กลอนจรรโลงใจ
(เป็นฉันทลักษณ์ ที่ผมคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง)

  คืนนี้พร่างพราว....
ด้วยดวงดาวและดวงจันทร์
ใครวิ่งไวกว่ากัน ?
ดวงดาว / ดวงจันทร์ ? ฉันอยากรู้....

  ท้องฟ้ากว้างไกล
พิไลสุดสายตาดู....
ช่างแสนน่าอยู่
เลิศหรูดูราวกับแดนสวรรค์...

  ราตรีหนาวเหน็บ...
ฉันเก็บความฝันใฝ่ในใจนันท์
นับคืนนับวัน...
บรรเลงบทเพลงเสรี...

  แว่วเสียงเสนาะ
จำเพาะดังในฤดี
ให้เดือน-ดาวเท่านั้นที่
ยินเสียงดนตรีพิจิตรา....

  บอกกล่าวเล่าความ
งดงามไปตามฟากฟ้า...
เรียบพื้นพสุธา
นทีไม่มีจุดหมาย...

  แพร่สันติสุข
ทั่วทุกวิญญาณ์กระจาย...
สง่าท้าทาย
มิยอมพ่ายแพ้แก่ อธรรม

  แม้ในสังคม
สิ่งโสมมโรมลุกล้ำ
ทุรชนฉลกรรม
ประดุจคืนค่ำ ดำไร้ดาวเดือน....

  แต่ในใจฉัน
มุ่งมั่นวิถีไม่มีเหมือน...
ไม่จางลางเลือน
ไม่เคลื่อนไปจากความดี....

  คงความวิสุทธ์
ประดุจคืนค่ำยามนี้...
เดือนพราวดาวพลี
ประดับสีแสงแต่งรัตติกาล.....ฯ


๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๕


อธิบาย
ลุก+ล้ำ คนละความหมายกับ รุกล้ำ

ภาพขำขำ๖๓

ภาพขำขำ๖๓
















วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2555

รักแรกพบ : กลอนคติเตือนใจ(โคลงสี่สุภาพ)




รักแรกพบ : กลอนคติเตือนใจ(โคลงสี่สุภาพ)

. กรรมใดหนอก่อให้.................พบเห็น
พักตร์เด่นเพียงจันทร์เพ็ญ...........จรัสฟ้า
ดวงตาดั่งดาวเป็น......................ประดับ
ปากอิ่มปริ่มใจข้า........................เพียงยิ้มพิมพ์พะวง ฯ

. ตาสบตาสื่อต้อง......................สองใจ
กายสบกายสายใย.......................เกี่ยวข้อง
คำสบคำรำไพ.............................ผลิต
จิตสบจิตคิดข้อง..........................จับจ้องหัวใจ ฯ

. เพลงกามเทพเริ่มเคล้า...............ประโคม
ทิพย์สุธาชโลม.............................ช่างรื้น
ลมรักหน่วงหนักโหม......................เหิมหฤษฎ์(หฤษฎ์=สนุก)
ไฟแห่งรักฟักฟื้น............................โรจเรื้องลุกโพลง ฯ(โรจ=โรจน์)

. ยามจากใจจักคล้าย.....................จักขาด
ยังชื่นชมรสชาติ..............................รักรึ้ง
ฝากฝังช่องทางอาจ.........................สานต่อ
หวังก่อสัมพันธ์ซึ้ง............................ส่งให้สืบหวน ฯ

. หากสติรำลึกรู้..............................ไตร่ตรอง
หลักแห่งธรรม์ครรลอง.......................คิดยั้ง
เพียงคนเพิ่งพบมอง..........................ผ่านสบ
ยังไม่ควรรีบรั้ง..................................ร่วมเรื้อเจือใจ ฯ

. นิสัยใจคอต้อง...............................ศึกษา
พฤติกรรม์จรรยา................................เสาะรู้
ทัศนคติพิจา-....................................รณะทั่ว ฯลฯ
มักง่ายหมายชมชู้...............................เภทร้ายภัยสนอง ฯ

๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๕

วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2555

อย่าหลงตัวเอง : กลอนคติสอนใจ




อย่าหลงตัวเอง : กลอนคติสอนใจ

    ปางข้างขึ้น แปดค่ำ ยามเหมันต์             รุจีจันทร์ บันดล สกลไสว
ดาริกา รัศมี ด้อยวิไล                                อยู่ภายใต้ สายแสง แห่งจันทร

    นภากาศ ปราศเมฆ วิเวกแม้น               พิรุณแร้น นิศาชล ระคนสร(นิศาชล=น้ำค้าง)
หยาดน้ำค้าง พร่างพรู ดูอาทร                     แก่ดินดอน ก้อนหิน ติณพรรณ

    รัชนี มีดาว สกาวพร่าง                       แสงสว่าง ยังแพ้ ยามแขสรรค์
ผิว่าแม้น แร้นสว่าง เท่ากลางวัน                  รังสิมันต์ บรรเจิด เพริศนภา

    ทำสิ่งใด สัมฤทธิ์ จิตประสงค์               ชวนให้หลง ตนเลิศ ประเสริฐหรา
ยิ่งแม้นมี อำนาจ อาชญา                          วาสนา พาหลง ทะนงตน

    ตราบเมื่อกฎ แห่งกรรม มาทำให้           ต้องชดใช้ ชั่วช้า อกุศล
ตกระกำ ลำบาก กระชากชนม์                     ตราบสิ้นหน จนตรอก ยอกฤทัย

    จึงสำนึก ตรึกนอง ตรองตระหนัก           ตนต่ำต้อย ด้อยนัก ศักดาไร้
ที่ผ่านมา กระทำ กรรมบาปใด                     ข้องคืนให้ หลายเท่า เร่าทวี ฯ

๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๕

วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เหลือวิสัย / ไร้เหตุผล : กลอนคติเตือนใจ




เหลือวิสัย / ไร้เหตุผล : กลอนคติเตือนใจ
(เป็นฉันทลักษณ์ ที่ผมคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง)

    แดดเคลื่อน เลือนคล้อย               ตะวัน เลื่อนลอย เลยลับเห็น
อากาศ หนาวเย็น                             เป็นสัญ ญาณว่า จะสายัณห์

    ฟ้าโล่ง โปร่งใส                        ไม่มี เมฆา มารังสรรค์
เกลี้ยงเกลา เสาวพรรณ                      ไม่เห็น สวรรค์ วิมานใด

    เรื่องเข้า ใจผิด                          แตกต่าง นิมิต วินิจฉัย
จะเห็น ได้ไง ?                                 ต่างภพ ต่างไป ต่างแปลกปัน

    เสมือน จิตใจ                            ต่างไกล ไปจาก สังขารขันธ์
มีหรือ ไม่นั้น                                   ย่อมรู้ โดยครัน กันทุกคน

    ภพ-ชาติ อยู่ไหน ?                     เกินสุด วิสัย ใช้เหตุผล
เป็นปุ ถุชน                                     อย่าคิด อย่าค้น วิกลเอา

     ชีวิต หลากล้น                          มีคน ดี/ฉลาด/ ชั่ว/โง่เขลา
ศักยภาพ คนเรา                               ต่างกัน เกินกล่าว ให้เข้าใจ

    เชื่อถือ คนดี                            หรือเชื่อ คนที่ ทรามนิสัย
บันดล ผลไกล                                 อนาคต สดใส/ไหม้มืดมัว

    ถ้าเรา ทำดี                             ไม่มี เหตุใด ให้แก้ตัว
แต่ถ้า ทำชั่ว                                   แก้ตัว เสียใหม่ ให้ดีงาม ฯ

๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๕

วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ทำใจให้ใสสุทธา : กาพย์ฉบัง๑๖




ทำใจให้ใสสุทธา : กาพย์ฉบัง๑๖

    หลังอาลัยให้หมู่ดาว...............ปลายฝนต้นหนาว
ท้องฟ้ายามเช้าเช่นเศร้าหมอง

    ผืนเมฆามาจับจอง...............นภาตระกอง
แสงเงินแสงทองไม่ส่องเห็น

    สะลึมสลัวมัวมืดเป็น..............สายลมพัดเย็น
ดั่งเช่นอาภรณ์รอนวัสสา(วัสสะ=ฝน)

    เสียงร้องผองสกุณา.............ฟื้นจากนิทรา
เริงร่าแจ่มใสไร้ปรารมภ์

    เอาอย่างอย่าสร้างระดม..............เซื่องเศร้าเหงาซม
ระดมสติพิทักษา

    ทำใจให้ใสสุทธา...............รวบรวมปัญญา(สุทธ=สะอาด,บริสุทธิ์)
สมาธิตั้งสล้างสนธิ์

    ธำรงคงความพิมล.............กระจ่างใจตน
อย่าหวนเวียนวนมลทินไถย

    กุศลดลล้ำอำไพ..............ฤดีพิไล
ชีวาไสวไกลทุกข์ผอง

    กิจธุระประกอบกรอง..............ลุล่วงเรืองรอง
ไปตามครรลองของบุญเอย ฯ

๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๕

วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ภาพขำขำ๖๒

ภาพขำขำ๖๒




















คอยเธอ...คืนมา : สาลินีฉันท์ ๑๑


                        Romeo and Juliet.version:dog's love video+สาลินีฉันท์๑๑



คอยเธอ...คืนมา : สาลินีฉันท์ ๑๑

    ในโลก แสนวกวน..............เผชิญชนม์ ผจญเชี่ยว
หัวใจ ให้เปล่าเปลี่ยว...............กระทั่งเที่ยว ประสบกัน

    เราสอง ร่วมครองคู่.............ระรื่นผู้ มิรู้ผัน
สุขผาย สายสัมพันธ์.................บ่เว้นวัน บ่เว้นวาง

    รักใคร่ ไร้มารยา..................เสมือนฟ้า สุธาพร่าง
พรมใจ ไม่จืดจาง.....................สะอางอิ่ม ขยิ่มยวน(ขยิ่ม=ครึ้มใจ)

    แต่ว่า มาวันหนึ่ง..................ประสบซึ่ง บ่พึงหวน
เธอไม่ หายใจ;ชวน...................ฉงนยิ่ง เพราะสิ่งใด ?

    ร้องถาม ไร้คำตอบ................ประโลมปลอบ มิขอบใจ
แชเชือน หยุดเคลื่อนไหว............ประกอบกาย ก็แข็ง-เย็น

    เธอใย ไม่เหมือนเก่า..............ฤ รักเรา ระร้าวเห็น
น้ำตา นองหน้าเป็น....................กระแสสาย ทลายทรวง

    อยากร้อง ไห้ก้องหล้า............ประกาศว่า อุราล่วง
ลำเค็ญ ขื่นเข็ญกลวง..................กมลใกล้ วิลัยกาล(วิลัย=ย่อยยับ)

    คอยเธอ คืนกลับมา.................ระเริงร่า สนุกสาน
แต่เหมือน มันแสนนาน.................จะกรรม์ดาล ประการใด ?

๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๕

วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ชีวิต เลือกไม่ได้ ? : กาพย์ยานี ๑๑




ชีวิต เลือกไม่ได้ ? : กาพย์ยานี ๑๑

    กำเนิด เลือกไม่ได้..............เกิดกับใคร ? ใหญ่สกุล ?
ขึ้นกับ บาปแลบุญ...................สุนทานธรรม กรรมเก่าชาติ

    แต่การ เรียนเลือกได้............หากตั้งใจ ให้เป็นปราชญ์
เกียจคร้าน ปานเป็นทาส............ด้อยสามารถ ขาดวิชา

    ฐานะ พอเลือกสรร...............ต้องขยัน หมั่นอุตสาห์
ความรู้ สู้พัฒนา.......................สร้างอาชีพ ที่มั่นคง

    ความรัก เราต้องเลือก...........อย่ากลั้วเกลือก เถือกใหลหลง
ครองธรรม ใคร่จำนง.................ซื่อตรงจิต พิชยา

    สุขภาพ ดีเลือกได้................แค่ห่างไกล อบายหนา
ออกกำลัง เล่นกีฬาฯลฯ.............ช่วยรักษา สุขภาพดี

    อนาคต เกือบหมดล้วน...........ลองทบทวน ครวญวิถี
แม้นทำ แต่ " งาม-ดี "................ย่อมมีสุข ไร้ทุกข์รอ

    ชีวิต เลือกไม่ได้....................เสมอไป ที่ไหนหนอ ?
ซื่อตรง ทรงธรรมพอ...................ไม่คดข้อ งอมือ-เท้า

    มีสัม มาทิฏฐิ..........................รักษ์สติ ละโง่เขลา
แกร่งไกร มิใจเบา........................เอาแต่เล่น ลำเค็ญเอย ฯ

๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๕

วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2555

อวยพรปีใหม่ : กาพย์ยานี ๑๑




อวยพรปีใหม่ : กาพย์ยานี ๑๑

    สวัสดิ  วิถีทบ.............ศุภสบ อวลอบศรี
สวัสดิ์ ภควัฒน์ปี..............เก่าล่วงไป ใหม่ล่วงมา

    ดีใจ ปีใหม่แล้ว............พานเพริศแคล่ว แผ้วทุกขา
ร่วมกัน สันทนา................อำนวยพร อรพจี

    ขอคุณ พระรัตนะฯ........ทวยเทวะ ณ โลกนี้
ศักดิ์สิทธิ์ อิทธิพลี.............ประสูตเลิศ ประเสริฐดล(ประสูต=ขวนขวาย)

    ทุกข์สรรพ์ สารพันสิ้น.....สมถวิล จินต์สถล
เสกสรร สารพันยล.............ยิ่งยอดเยี่ยม เอี่ยมอุไร

    โรคา พยาธิ์ล้วน.............สลายถ้วน ซวนวิสัย
ภยัน ตรายใดๆ...................ก็ไพล่พ้น พิมลมาน

    อุปสรรค เบา-หนักหนา.....เคราะห์เข็ญครา คณาศานต์
ทุกข์โศก วิโยคลาน.............ละลายสิ้น ลุจินดา

    สุขี ทวีคล้อง..................จำเริญซ้อง จำลอง;สา-
มัตถิยะ ยศศักดา..................ชื่อเสียงล้ำ ชำนัญไกร(สามัตถิยะ=อำนาจ,ชำนัญ=รู้)

    ศิริ อายุวรร-.....................ณะสุขะ พละไซร้
มั่งมี จิระมัย..........................มงคลชัย ปีใหม่เทอญ ฯ(จิระ=นาน)

๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๕

วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555

อวยพรปีใหม่ : โคลงสี่สุภาพ




อวยพรปีใหม่ : โคลงสี่สุภาพ

๑. สวัสดิวิถีถ้วน...............สรวญศรี
สวัสดิภวปี.......................เก่าแคล้ว
สวัสดิชวมี.......................ละล่วง
สวัสดิปีใหม่แล้ว................เปี่ยมให้พิไลพร ฯ

๒. ขอพระรัตนตรัยเกื้อ........กำจร
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ฤทธิทร............ถ่องแท้
กุศลส่งอลงกรณ์................กัลปิต(กัลปิต=สำเร็จแล้ว)
ทวยเทพยดาแล้.................พรั่งพร้อมเพรียงผสาน ฯ

๓. ทุกข์สรรพ์สารพันสิ้น..........สมปอง
สุขสันติ์สราญจอง..................แจ่มเรื้อง
เสกสรรสิ่งสนอง....................กองก่าย
หลากสรรค์ครรไลเยื้อง............อย่างเพี้ยงพฤทธี(ความมั่งคั่งสมบูรณ์) ฯ


๔. โรคาพยาธิล้วน..................สลาย
หลากเหล่าภยันตราย...............ไพล่พ้น
อุปสรรคหนัก-เบาหาย..............กลายเหือด
เคราะห์เข็ญคณาล้น.................สุดสิ้นนรินทร์เถลิง ฯ

๕. สุขีทวีเพริศพ้อง..................ภัทรา
อภิวัฒน์ชัชวาล์........................ชาติเชื้อ
ศิริโศจิอา-...............................ยุยิ่ง ยืนยาว(โศจิ=สุกใส)
ลาภยศสรรเสริญเอื้อ..................อัครล้ำดำรง ฯ

๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๕

วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555

หลัก...ยึดโยงชีวิต : กลอนคติชีวิต(กลอนเจ็ด)




หลัก...ยึดโยงชีวิต : กลอนคติชีวิต(กลอนเจ็ด)

    เรือน้อย ลอยลำ บนอัมพุ                  พายุ พัดโหม โพยมเหิม
วลาหก ผกผวน ป่วนปั่นเกริม                      ห่าฝน โหนเสริม เติมเตชไตร

    กราดเกรี้ยว เกลียวคลื่น ตื่นตระหนก      โยนยก นาวา น่าหวั่นไหว
แรงน้ำ แรงลม โจมจู่ไกร                            เรือไร้ เสาโยง คงอับปาง

    ชีวา อาศัย ในสังคม                          ค่านิยม โถมยัด ยากขัดขวาง
ความเชื่อ ความชิน จินดาทาง                      แบบอย่าง วางไว้ ให้คล้อยเคียง(จินดา=ความนึกคิด)

     โลกีย์ ชี้นำ ชวนด่ำดื่ม                      ตัณหา พาปลื้ม ประสานเสียง
สัญชา ตะญาณ ดันเอนเอียง                        เหลือเพียง หลักธรรม เลิศค้ำจุน

    เป็นที่ ยึดโยง ธำรงใจ                       มิให้ พลัดหลง พะวงหมุน
ปกป้อง ผองภัย ไคลอาดุร                      พิบุล คุณสรรค์ ชีวันเอย ฯ(อาดุร=เดือดร้อน}พิบุล=มาก)

๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๕

วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

คนดี ไม่มีต้นแบบ ? : กาพย์ยานี ๑๑



คนดี ไม่มีต้นแบบ ? : กาพย์ยานี ๑๑

๏    เมฆครึ้ม สะลึมสลัว.................บางเบาทั่ว ทุกทิศา
ลมเอื่อย ไหลเฉื่อยชา..................ยามสายัณห์ พันธ์ราตรี

๏    ฝนหลั่ง รินสั่งฟ้า.....................คล้ายร่ำลา คลาวิถี
เดือนสิบสอง คลองนที..................ปีนี้ไร้ แล้งสายชล

๏    เหมือนกับ ไม่รับรู้.....................มวลชนดู มิสู่สน
สนุกหา มาใส่ตน...........................รนสุรา หัวราน้ำ

๏    หรือคิด แค่ปัจจุบัน ?..................สนุกกัน เช้ายันค่ำ
อนาคต ไม่จดจำ............................ตามคิดอ่าน การต่อไป

๏    เห็นไหม ? ในเยาวชน.................อกุศล มลทินใคร่
ความดี มิใส่ใจ...............................อัชฌาศัย ไม่ซื่อตรง

๏    เมามาย ในกามคุณ.....................ไม่เชื่อบุญ บาปมุ่นหลง
หน้าที่ มิจำนง................................ประสงค์ทราม ลามราคี

๏    อนาคต คงหมดหวัง....................ผู้ใหญ่ยัง ดั่งภูตผี
ชาญชั่ว ตัวอย่างไม่ดี.......................ทุกวันวี่  ที่จัญไร

๏    สอนคน ชนรุ่นหลัง......................ให้ฟังเชื่อ เหลือวิสัย
" คนดี " ไม่มีใคร.............................ทำให้เห็น เป็นแบบเอย ?

๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๕

วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2555

หนาวนี้ คง...มิหนาว : อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑




หนาวนี้ คง...มิหนาว : อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

    ท้องฟ้า อุษาใส................รพิไล้ ประไพรอง(รพิ=พระอาทิตย์,ประไพ=งาม)
โลกแจ้ง เพราะแสงทอง.........ทิตะทั่ว อโณทัย(ทิต=สว่าง)

    " สักทอง " ทยอยเหลือง...บุพะเปลื้อง ปลดใบ
แห้งกุด ก็หลุดไกล................จลร่วง ประจบดิน

    เหมันต์ ณ ธันวาฯ..............ศิศิรา จะมาชิน(ศิศิระ=ความหนาวเย็น)
ดันดุน พิรุณริน......................พละสิ้น ผละผินไคล

    แต่วา ระปีนี้......................ตละลี้ ซิหนาวไร้(ตละ=เช่นเดียวกับ)
แดดจร สะท้อนใจ..................ระอุให้ ฤทัยทอน

    เห็นแค่ กระแสข่าว.............ระดะป่าว จะหนาวป้อน(ระดะ=มากมาย)
หลอกคน กมลคลอน...............หิมะ,แม่ คะนิ้งมี

    ล่อให้ ลุไปเที่ยว.................สฐเกี้ยว มุสาศีล์(สฐ=หลอกลวง)
ปลิ้นปล้อน กะล่อน;ปี-..............ติ ตลบ ตะแลงปรน

    พบเห็น มิเว้นวาง.................กวะทาง ประสิทธิ์ผล(กวะ=ราวกับว่า)
เห็นแก่ ก็แต่ตน........................ทุจริต อภิชฌา(อภิชฌา=โลภมากอยากได้)

    อากาศ ผิผันผวน..................มิระรวน กระไรหนา
แต่คน มุสาวาท์........................รุทรา ภยาเอย(รุทร=น่ากลัวยิ่งนัก)ฯ

๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๕

วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2555

รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา : กาพย์สุรางคนางค์๒๘




รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

..............................ลมพัด ลัดพนา
ปะทะ ข้างฝา.............ล้อมผ้า+ไม้ไผ่
หลังคา หญ้าฟาง........แทบร้าง หลุดไป
ลำบาก ยากไร้............ไม่มี หนทาง

...............................ขาดการ ศึกษา
ขาดซึ่ง ปัญญา...........ชีวา สะสาง
เมื่อยาม เยาว์วัย..........ไม่เพียร เรียนวาง
นอกลู่ นอกทาง............ช่างเล่น เป็นพาล

.................................พ่อแม่ ยากจน
ลูกยิ่ง ยากจน...............ทุกข์ท้น ทรมาน
ขัดสน ความคิด.............ติดเหล้า เมาผลาญ
หลงพนัน งานราน..........สุขภาพ เสื่อมโทรม

..................................ไร้ที่ ทำกิน
ไร้บ้าน ขวัญบิน..............หนี้สิน รุกโถม
อักโข โรคา...................ปัญหา จู่โจม
บาปทัณฑ์ รันโรม...........จ่อมจม ซมเซา

..................................อย่าเขลา เมามัว
รักดี หามจั่ว...................รักชั่ว หามเสา
รักดี แต่ต้น.....................เมื่อพ้น วัยเยาว์
อนาคต หมดเศร้า............เพริศเพรา พิไล ฯ

๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๕

วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555

รู้จักคน : กลอนแปด




รู้จักคน : กลอนแปด

    ดูเสื้อผ้า อาภรณ์ บัญชรพิศ             พื้นฐานจิต นิสสัย ใจเปิดเผย
จริยธรรม นำพา หรือละเลย                   ไม่ต้องเอ่ย ย่อมรู้ อยู่ง่ายดาย

    ดูข้าวของ เครื่องใช้ ในชีวิต            เครื่องพิสูจน์ ความคิด จริตสยาย
ปรัชญา ชีวี อภิปราย                            อีกมากมาย ลึกซึ้ง รึ้งเผ่าพันธุ์

    ดูละคร ย้อนเห็น ความเป็นไป           แถลงไข ค่านิยม สังคมสรร
จริยา ศีลสัตย์ วัฒนธรรม์                        พฤติกรรม์ บรรดา ประชาชี

    ดูผู้แทน สาธารณ์ นักการเมือง           ย่อมรู้เรื่อง ราษฎร ย้อนทราม/ศรี ?
สุจริต/โฉดฉล กมลมี ?                          ถือวิถี ปกครอง ครรลองใด ?

    ศึกษาคน ยลที่ บริบท                     ไม่อาจปด คดทรวง ลวงวิสัย
หากไม่เห็น บริบท ปรากฏไกร                  อย่ามั่นใจ รู้จัก ใครสักคน ฯ

๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๕

วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

กลไกป้องกันตนเอง : กลอนหก




กลไกป้องกันตนเอง : กลอนหก

    " กลไก ป้องกัน ตัวตน "                   กล่อมกมล จนโง่ โมหา
เห็นแก่ ตัวสร้าง อหังการ์                          ปัญญา มืดปลอด บอดไป

    ทำผิด คิดไพล่ " ไม่ผิด "                   วิปริต จิตฉล มนไฉ
ตนทราม งามมอง รองไร                          อย่างไม่ ไหวหวั่น ยั่นทรวง

    โลภโม โทสัน บัญชา                      แสวงหา มาแหน แสนหวง(โลภโมโทสัน=อยากได้มากๆ)
ลาภ-ยศ-สรรเสริญ-เพลินพวง                   จนล่วง ท่วงธรรม จำเป็น

    กลไก ป้องกัน กั้นปิด                      ถูก/ผิด จิตให้ ไม่เห็น
ทำตาม ใจปอง จองเป็น                         หื่นเห็น สุขี ชีวัน

    เลิกดื้อ (มา)ถือศีล จินต์สัจจ์              ขจัด อัตตา กระสัน
สาไถย ไสท่อง ป้องกัน                          เปลี่ยนผัน กรรมา สถาพร

    ไม่ต้อง ป้องกัน ตัวเอง                    ไม่เกรง บาปทราม ตามย้อน
กุศล ผลบุญ สุนทร                               อาภรณ์ อัตตา โสภาเอย ฯ

๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๕