ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

ทาสตัณหา : กาพย์ฉบัง ๑๖



ทาสตัณหา : กาพย์ฉบัง ๑๖

   สิ้นฝนซ่านภาสงบ...................เมฆเคลื่อนเลื่อนหลบ
บรรจบประจิมริมสิขร

   รุจิสุริยาอาวรณ์..................ไม่อยากจากจร
ค่อยรอนค่อยรานศานติ์สี

   ชุ่มชื้นผืนปถพี................พนาพาที
ด้วยเสียงดนตรีคีต์ไสว

   เพลงพริ้งหริ่งหรีดเรไร..................บรรเลงเครงไคล
อยู่ในราตรีฤดีหลง

   เมื่อครู่เพิ่งดูอัศดง..................ชมแสงสุริยง
งวยงงลี้ลับดับสูญ

   ปรารภสุขิตาอาดูร.................ให้เพิ่มเหิมพูน
ทวีคูณสุนทรสรสม

   บัดนี้อนิจจาอารมณ์.................มาเตือนเยือนตรม
ไม่เที่ยงไม่ธมสมถวิล

   เกิด-ดับ-ลับ-มา อาจิณ................ตราบชั่วชีวิน
นราสิ้นกระสันมั่นหมาย

   ดิ้นรนจนชีวาวาย...................ทุรนทุราย
เป้าหมายสูงส่งคงขาน

   ตราบไม่เข้าใจหลักการ.................วัฏฏะสังสาร
เป็นทาสตัณหาตลอดไป ฯ

๓๐ กันยายน ๒๕๕๕

วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

ความหวังกับการพนัน : กลอนคติเตือนใจ



ความหวังกับการพนัน : กลอนคติเตือนใจ

      สายฝนโปรย ฝอยโรยริน...........ประหนึ่งสิ้น แรงผินผาย
ลมพัดเฉื่อย ระเรื่อยชาย..................สบายสบาย ไม่อาดูร

      ลมหายใจ ของปลายเดือน.........ดูลางเลือน เหมือนแรงสูญ
ข้าวของใช้ กายเกื้อกูล....................อนาถบูรณ์ อกวุ่นวาย

      เงินมีน้อย เริ่มร่อยหรอ...............ไม่ระย่อ ขอขวนขวาย
ล็อตเตอร์รี่ มีเกลื่อนกราย...................ที่พึ่งสุดท้าย ตอนปลายเดือน

      เป็นไปได้ หนึ่งในร้อย.................รางวัลน้อย ค่อยได้เหมือน
หนึ่งในล้าน ไม่คั่นเคลื่อน..................หากอิดเอื้อน เอาที่หนึ่ง

      แน่ใจหรือ คือความหวัง..............ความโลภบัง พรางลึกซึ้ง
" งมเข็ม "คล้าย ให้คะนึง..................อย่าดื้อดึง พึ่งพาดวง

      การพนัน=การฉิบหาย.............ทางอบาย อันใหญ่หลวง
เสื่อมสูญสิ้น สินทรัพย์ปวง.................เรืองหลอกลวง ให้งมงาย

      จงเป็นอยู่ สุจริต.........................งานการกิจ คิดขวนขวาย
สู้ทรหด ไม่อดตาย............................อย่าจับจ่าย ตามใจมัน

      อย่าฝากจม ลมหายใจ.................ชีวิตไว้ ในความฝัน
หวังร่ำรวย ด้วยการพนัน.....................เท่าลงทัณฑ์ ชีวันเอย ฯ

๒๙ กันยายน ๒๕๕๕

วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

ตื่นเสียที พี่น้องไทย : กลอนการเมือง(กาพย์ฉบัง ๑๖)

                                               Google


ตื่นเสียที พี่น้องไทย : กลอนการเมือง(กาพย์ฉบัง ๑๖)

    เมื่อชนล่วงเขลาเมามัว..............ไม่ถือดี/ชั่ว
ลืมตัวหัวใจใหลหลง

    เห็นแก่ได้ไม่พะวง............จริยธรรมดำรง
เสริมส่งชั่วเช่นเป็นใหญ่

    จุดเริ่มต้นของผองภัย.............เดือดร้อนสะท้อนไป
กว้างไกลไร้ทางปลดเปลื้อง

    ยุคผองอันธพาลครองเมือง..............ศีลสัตย์ขัดเคือง
กระเบื้องเฟื่องฟูชูสลอน

    เข้ามาโกงกินดินดอน..............สร้างครั่นสั่นคลอน
บั่นทอนความสุขทุกข์สม

    ชั่วช้าสามานย์พาลพรม...............บันเทิงเริงรมย์
ทรามโทรมเสื่อมสร้างวางคด

    อหังการอวดโอ้โป้ปด..............ด้านได้อาย อด
เปลี่ยนปลดกฎหมายใจหาญ

    ใช้อำนาจอาชญาการ.............ช่างแสนอันธพาล
สำราญเพียงมารผลาญผยอง

    อนาคตไทยล่มจมจอง...............ตื่นทีพี่น้อง
ปกป้องสุจริต-ยุติธรรม ฯ

๒๘ กันยายน ๒๕๕๕

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

ดอกบัว บุษกร : วสันตดิลกฉันท์ ๑๔



ดอกบัว บุษกร : วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

      เมื่อแสงอุษาวรทพาทย์..............นภลาส นะสุนทรีย์(วรท=อวยพร ,ลาสนะ=ร่ายรำ )
อำลาสวัสดิรชนี...............................ชนะมืด วิชัยมน(รชนี=กลางคืน)

      รงค์รองขจ่างวรวิจิตร..................นิรมิต พิสิฐจล(พิสิฐ=วิเศษ)
ปลุกโลกพนานิทรพ้น........................สติตื่น ระรื่นไตร(นิทร=นอนหลับ)

      คล้อยข้ามคิรีศิระตรู.....................รวิสู่ รุจีใส(ตรู=งาม,รุจี=แสงสว่าง)
สาดต้อง ณ โบกขรณิใน.....................วนสณฑ์ รโหศานติ์(โบกขรณี=สระบัว,รโห=ที่ลับ)

      งดงามสง่าสุคนธ์อ่อน...................บุษกร ขจรกานต์(บุษกร=ดอกบัวสีน้ำเงิน)
กลีบแย้มประวรรตอรชบาน...................ปริสุทธิ์ ประดุจศรี(ประวรรต=เป็นไป,อรช=ปราศจากมลทิน)

      เกิดเป็นมนุษย์มนผจง...................สุระคง คุณาดี(สุระ=กล้าหาญ)
จุ่งจิตพิชานทมนมี..............................ถิระทน กมลทาน(พิชาน=รู้ตัว,ทมน=การข่มใจ,ถิร-=มั่นคง)

      ขัดเกลาฤดีนิสยะให้......................สุกใส พิไลศานติ์(นิสยะ=นิสัย)
เชิดชูสุธีร์พิทยะญาณ...........................สติตั้ง ระวังตน(ธีร-=ปราชญ์,พิทย-=ความรู้)

      ไม่หลงกระแสมณฑะโลก-...............ยะวิโยค วิรัติฉล(มณฑ์=ของมึนเมา,โลกย์=ของโลก,วิรัติ=เว้น)
จรรยาประพฤติทมกมล..........................มิระย่อ ระเหหัน(ทม=การฝึกตน)

      หมายมุ่งผดุงกุศละสร้าง....................สุสล้าง ลุรางวัล(สล้าง=ตั้งสูงเด่น)
ศานติ์สืบประสบรมยะหรร-......................ษะสวัสดิ์ พิพัฒน์เอย ฯ

๒๗ กันยายน ๒๕๕๕

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

ลืมตา อย่าลืมใจ : กลอนเปล่า





ลืมตา อย่าลืมใจ กลอนเปล่า

มวลอากาศเย็น
ลมอ่อนไหล
เสียงนกใสใส
กลิ่นดอกไม้ใหญ่น้อย ลอยตามลม
เยี่ยมกรายมาสัมผัสใบหน้า

ฟื้นจากนิทรา
ลืมตาดูโลก
แสงทองแรกแห่งดวงตาวันสาดส่อง
ฉาบทาท้องนภา
ให้เห็นเป็นสีสันนานา
เสมือนหนึ่งจินตลีลาแห่งแสงสี

กลางคืนค่อยๆห่างหาย
เช้าวันใหม่ค่อยๆมาแทนที่
เริ่มต้นวันใหม่อีกที
เริ่มชีวีที่สดใส

ลืมตา อย่าลืมใจ
ลืมความคับข้อง อย่าลืมจับจ้องจิตใจ
ลืมความเศร้าหมองทั้งหลาย
ลืมความเจ็บปวดไป
ลืมความเสียดาย
ลืมความผิดหวัง
ลืมให้หมด

ลืมให้หมด

แต่อย่าลืมประสบการณ์
อันเป็นบทเรียนที่มีค่า

แล้วมาเริ่มต้นวันใหม่
ด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น
ที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีงาม

มาเริ่มต้นกันใหม่
ให้ความสำคัญกับเวลาทุกขณะ
เสมอกับทรัพย์สินแห่งชีวิต
ที่ต้องคิด ต้องใช้
โดยไม่ให้สูญเสียไป อย่างไร้ค่า ฯ

๒๖ กันยายน ๒๕๕๕

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

อวยพรวันเกิด : อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑



อวยพรวันเกิด : อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

๏ พรใด พิไลเลิศ...............สุประเสริฐ เพริศผอง
ขอจง ประสงค์จอง................ตลจิต พินิจเจียร(ตล อ่าน ตะละ=เช่นเดียวกัน)

๏ พรซึ่ง คะนึงสรรพ............สิตรับ มิปรับเปลี่ยน(สิต อ่าน สิตะ= ยิ้มแย้ม)
ขอให้ หทัยเธียร....................รติสันติ์ นิรันดร(เธียร=มั่นคง,รติ=ยินดี)

๏ พรที่ พิเศษสรวง..............สิริล่วง มิลวงหลอน
ขอสม ภิรมย์พร......................พิสมัย ประไพเทอญ ฯ

๒๕ กันยายน ๒๕๕๕

เป็นกลาง : กลอนดอกสร้อย

                                                                             Google 


เป็นกลาง : กลอนดอกสร้อย

      เป็นเอ๋ย เป็นกลาง                   ใช่อยู่ ระหว่าง ดีกับชั่ว
ไม่เข้า ข้างใคร ให้หมองมัว                 ส่วนตัว ต้องตัด กำจัดไป

      ไม่กลาง ระหว่าง ดำกับขาว        ค้างคาว นก/หนู ดูสงสัย ?
เค็ม/จืด ? ชืดกร่อย ปล่อยปละไป          โพล้เพล้  เฉไฉ ให้ละวาง

      เป็นกลาง ตั้งอยู่ ในกุศล            ตัวตน ของตน พ้นขัดขวาง
ศีลธรรม์ จรรยา สาธุทาง                    สุจริต จิตกว้าง อย่าร้างไกล

      ยึดข้อ เท็จจริง ถือสิ่งสัจจ์          ต้องตัด เอนเอียง เลี่ยงสาไถย
มิจฉา อคติ ดำริไตร                          ไม่ให้ ใกล้มี ฤดีมล

      ถือความ ถูกต้อง ปองที่ตั้ง          ระวัง สั่งเภท ด้วยเหตุผล
ให้คุณ ให้โทษ ตามกฎกล                   คือคน ยลเห็น " เป็นกลาง " เอยฯ

๒๕ กันยายน ๒๕๕๕



วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

นรก-สวรรค์ : กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘

                                                                              Flickr 

นรก-สวรรค์ : กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘

....................................พร่างพราย สายฝน
ดอกปีบ ร่วงหล่น..............บนทาง วิถี
ไกลห่าง ลางเลือน............ฝนเฟือน ทัศนีย์
วสันต์ ปีนี้........................พร่องมี พิรุณ

.....................................เสียงฝ่า ห่าฝน
ดังกึก ก้องจน...................โสตวน วายวุ่น
มองฟ้า พร่าขาว................มองราว เกื้อคุณ
ให้โลก โศกสุญ.................หนุนชี วีชน

......................................โลกมี เหมันต์
อุษณะ-วสันติ์.....................เวียนวาร พานผล
มีดิน มีน้ำ..........................จำรัส-มืดมน
เสมือน ใจคน......................ล้นทราม-งามมี

........................................จึงได้ มาเกิด
บนภพ สบเพริศ...................ประเสริฐ เทิดศรี
แลพาน พบชั่ว.....................เกลือกกลั้ว ไพรี
โรคหลาก ลำบากมี...............ทุกวี่ ทุกวัน

.........................................แม้นมาด ปรารถนา
มุ่งหมาย เทพา......................พรหมา สวรรค์
จงขัด เกลาใจ.......................ให้พ้น มลพันธ์
ชั่วหลาบ บาปลั่น...................หมั่นทำ ความดี

..........................................ทุจริต จิตฉล
แม้แต่ ภพคน.........................ยังพ้น วิถี
อสูร-เดรัจฉาน........................เปรต-มาร-อเวจี
ผลกรรม ย่ำยี.........................โทษที่ สามานย์ ฯ

๒๔ กันยายน ๒๕๕๕

วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

ภาพขำขำ ๕๓

ภาพขำขำ ๕๓



































เอามือปิดฟ้า : โคลงสี่สุภาพ

                                                                                     Google

เอามือปิดฟ้า : โคลงสี่สุภาพ

๑.ประวัติชาติจำต้อง..............จารึก
ไทยชั่วหัวใจคึก..................คิดค้น
โกงกินแผ่นดินทึก-..............ทักว่า กูเก่ง
ยิ่งใหญ่ไขตนพ้น.................กฎบ้านการย์เมือง ฯ

๒.ทำเรื่องชั่วทั่วแคว้น.............แผ่นดิน
ไฟเร่าเผาธรณิน..................ถิ่นย้าย
ยุไทยแตกแยกยิน-..............ดีแก่ ตนเฮย
เข่นฆ่า=ทรราชร้าย..............เล่ห์ล้นกลถือ ฯ

๓.ยกมือผายหมายป้อง..........ปิดนภา
คิดว่าคลาดสายตา................ใครได้ ?
นับวันยิ่งสัจจา......................ปรากฏ
ความชั่วตัวโฉดไคล้...............จักต้องมองเห็น ฯ

๔.อาชญาเดนชั่วช้า.................สาไถย
อาชญากรรมทำใด.................ดื่นรู้
อาชญาบทกฎใส...................สืบส่ง
อาชญาสิทธิ์กฤตย์กู้...............กาจแกล้วคืนสนอง ฯ

๕.วอนไทยอย่าคล่องคล้อย........คนเลว
ชาติย่อยยับกับเปลว...............ไฟล้าง
ยังมิห่อนเปรียบเหว.................ไทยแตก แยกนา
จงไตร่ตรองผลสร้าง................ถึงสิ้นแผ่นดินสูญ ฯ

๒๓ กันยายน ๒๕๕๕

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555

รัก หรือ หลง ? : อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑



รัก หรือ หลง ? : อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

     สายัณห์ วสันต์ยาม...............รวิวาม อร่ามศรี
มานพ อนงค์มี...........................รติชื่น ระรื่นชม(รติ=ความรัก)

      เดินเคียง เลาะเรียงห้วย.........รุจิสวย ระรวยสม
ดอกรัก สลักรมย์........................หฤทัย สยายบาน

      ใครเล่า จะล่วงรู้....................ทวิสู่ อุราศานติ์ ?
หรือแหลก แพรกราน....................ทรมาน ผลาญมน ?(แพรก=แตกแยก)

      นอกจาก ประจักษ์จิต..............สุจริต สฤษฏ์ผล ?
หรือทราม ตะกลามซน...................ตะกละรา คะราคี ?

      รักหลอก ฤ หยอกเล่น ?..........กวะเช่น กะเสน/ผี(กวะ=ราวกับว่า,เสน=ลิงเสน)
สมพอ มิรอรี..................................ทรพี นิราพงศ์(นิรา=จากไป)

      รักง่าย จะหน่ายไว....................เพราะฤทัย ไผลหลง
หล่อสวย เงอะงวยงง.......................สุญจรรย์ ครันไคล

      ถูกลวง ก็ล่วงรู้.........................รติอยู่ มิรู้ไหล
ขาดเจอ จะขาดใจ...........................ปฏิพัท ธะรัดรึง

      รักจริง มิกลิ้งกลอก....................สฐลอก สมานซึ้ง(สฐ=ล่อลวง)
รู้ค่า คุณาจึง................................... ถิระดาล นิรันดร (ถิร=มั่นคง)

      ศึกษา หทัยสำ..........................พฤติกรรม ประจำสร
ดีแท้ และอาทร................................ผลิรัก พิภักดิ์เทอญ ฯ

๒๒ กันยายน ๒๕๕๕

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

แร้นน้ำใจ : กลอนแปด




หากแม้นแร้นน้ำใจ : กลอนแปด

      คล้อยสาย ฉายสูร วร อัมพรว่าง                  กระจ่าง สว่างไสว ไร้เมฆฝน
อีแอ่น แล่นโผผิน บินเวียนวน                              อยู่บน โพ้นนภา ร่าเริงไว

      ผืนนา กลับมาชุ่ม เย็นนุ่มอ่อน                    วันก่อน ยังร้อนกลุ้ม ลุ่มรอยไถ
วันวาน พานฝนพรม รมย์รื่นไพร                          ข้าวใบ ใสสดตื่น ชื่นทันตา

      น้ำฝน ปรนเปรอหล้า ชื่นไฉน                     น้ำใจ ใจเปรอปรน คนไขว่หา
ผู้คน ล้นมากมาย หลายหลากตา                         ใฝ่ฝัก ยากหนักหนา หาน้ำใจ

      ดั่งน้ำ อำมฤต วิศิษฏ์สุทธิ์                         ประดุจ ชุติมา ดาราไสว
แห่งคืน ค่ำมืดมิด วินิจนัย                                  พิชัย ผองภัยเภท เวทนา

      มาดแม้น แร้นน้ำใจ ในพิภพ                      จุดจบ ประสบสุด มนุสสา
คงแต่ แค่ดิรัจฉาน สมัญญา                               ในกา ยาที่ถือ ชื่อว่า " คน " ฯ

๒๑ กันยายน ๒๕๕๕

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

กิเลสเป็นเหตุ โง่ : โคลงสี่สุภาพ


                                                                              Google 

กิเลสเป็นเหตุ โง่ : โคลงสี่สุภาพ

. กิเลสเปรียบดั่งคล้าย.................เมฆา
บังบดเดือนดารา..........................ทั่วฟ้า
เสมือนดั่งลมพา...........................ประทีป
เรืองดับลับเจิดจ้า.........................สาบไร้ไคลเห็น ฯ

. กิเลสเป็นเหตุให้.......................โง่เขลา
คิดอ่านปัญญาเบา........................เคร่าแท้(เคร่า=คอยท่า)
จิตใจไพล่โฉดเผา........................สุจริต
สติเถื่อนเลือนแล้..........................เสื่อมสิ้นภินทา ฯ

. ราคะปรากฎกล้ำ.......................กำหนัด
ตรองไตร่ใคร่ครวญสัจจ์.................ขัดข้อง
สัมมาปฏิบัติ................................มืดบอด
กามแกร่งแรงเกลือกก้อง................ดูดรั้งดังกระแส ฯ

. โทสะอุระร้าย...........................ไฟปาน
ฮึกเหิมเกริมหักหาญ......................กรานห้าว(กราน=ไฟ)
สติพิบัติผลาญ.............................สำนึก ตรึกตรอง
ศีลธรรม์จรรยาอ้าว........................แผกเพี้ยนเธียรวิถี ฯ

. โมหะมลายเรื้อ.........................ทัศนีย์
ผิด-ชอบ-ชั่ว-ถูก-ดี........................พร่องรู้
การศึกษาก็มี................................กลับโง่
ทำชั่วมัวเมาทู้...............................โทษทึ้งทัณฑ์ถม ฯ(ทู้=ยอมอยู่ใต้อำนาจ)

๖. ภัยเภทกิเลสร้าย.........................ใคร่ครวญ
มิใช่ในสำนวน...............................เนื่องไคล้
ตรวจตราจิตใจทวน........................ธรรมถ่อง
ขจัดขัดเกลาไล้.............................อย่าให้มัวหมอง ฯ

๒๐ กันยายน ๒๕๕๕

วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555

คนโง่ : กลอนดอกสร้อย

          Google

คนโง่ : กลอนดอกสร้อย

      คนเอ๋ย คนโง่                                   ชอบเฉโก ทุจริต เป็นมิจฉา
บ่ภักดี มีวินัย ไร้ปัญญา                                บ่รักษา ครรลองธรรม ทำตามใจ

      ยามวัยเรียน ไม่พากเพียร เธียรศึกษา       พัฒนา ความนึกคิด จิตพิสัย
เพิ่มทักษะ ความสามารถ วิลาศไกร                 กีฬาให้ กายแข็งแกร่ง แหล่งพลัง

      คบคนชั่ว มั่วเป็นมิตร คิดไขว่ชั่ว             กล้ำเกลือกกลั้ว อบายมุข สุขใฝ่ฝัง
รักทะเลาะ ก่อวิวาท พินาศพัง                        ผู้ใหญ่วอน ย้อนชิงชัง ดั่งควายวัว

      เอาแต่เล่น เป็นกิจวัตร หัดเหลวไหล        หน้าที่ไถย ใคร่ปล่อยปละ ละเลยหัว
เอาแต่เที่ยว เชี่ยวแต่เล่น เช่นเมามัว                 เข้าพันพัว การพนัน สรรเสพย์ยา

      ใคร่แส่สู่ หาคู่ครอง ลองเพศรส               อนาคต หมดมอดไหม้ ไร้กังขา
สนุกใจ ไปวันๆ บั่นเวลา                                ใช้ชีวา ไร้ค่าคุณ จุนเจือจาน

      มักโกหก พกลมว่า ชาญฉลาด                 คนขยาด เลิกเชื่อถือ ล่ำลือขาน
มักเบียดเบียน เพียรสัมพันธ์ อันธพาล                 สร้างสันดาน สามานย์ถ่อย ร้อยรึงใจ

      คนรังเกียจ เดียดฉันท์ยิ่ง สิ่งสกปรก           อยู่ก็รก โลกแสลง แช่งสาปไส
ตายก็นำ ความสุขท้น คนดีใจ                           ไม่มีใคร เสียดายคน ฉลโง่เอย ฯ

๑๙ กันยายน ๒๕๕๕

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

กงกรรม กงเกวียน : กลอนคติชีวิต

                                                     
กงกรรม กงเกวียน : กลอนคติชีวิต
(ฉันทลักษณ์ที่ผมคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง)

      สุขไหม ไพรวัน..............วสันต์ สนาน หว่านฝน
ชื่นชู ยุบล...........................สถล ล้นกราก หลากสินธุ์
กระจัด กระจาย....................ใบไม้ บ่ายตาม น้ำนิล
ขุ่นคลั่ก ผลักผิน...................ทั้งดิน หินขอน รอนราน

      กังวาน ธารโตก..............กึกโกรก กระโชก ผกผวน
เลี้ยวลด คดควน...................คล้ายชวน ยวนย้าย ถิ่นฐาน
พากัน สนานเล่น...................โผนเผ่น เต้นตาม ลำธาร
ทะเยอ ทะยาน......................สู่บ้าน หลังใหญ่ ในแม่น้ำ

      ประกฤติ อนิจจัง..............พลัง สร้างความ เคลื่อนไหว
หมุนเวียน เปลี่ยนไป...............ไม่เคย หยุดนิ่ง สิ่งสำ
ประคิ่น วินชา.........................ในฐา นะผู้ กระทำ
และถูก กระทำ........................กงกรรม กงเกวียน เจียรจล

      หากเอือม ระอา.................ปรารถนา จะพ้น ภัยเภท
ทัศนา สาเหตุ.........................ลดละ กิเลส อกุศล
จิตตะ สิกขา...........................ศีละ สมาธิ พิมล
วิชชา ประดน..........................มรรคผล พ้นทุกข์ สุขเทอญ ฯ

๑๘ กันยายน ๒๕๕๕

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

เสียงฝนหล่นริน : กาพย์ฉบัง ๑๖

                                                                                 Google

เสียงฝนหล่นริน : กาพย์ฉบัง ๑๖

      ตื่นมาท่ามกลางราตรี.............แสงวาบทาบที
เหมือนมีฟ้าแลบแปลบปลาบ

      ห่างไกลไร้เสียงเพียงภาพ..............เมฆมวลผวนขาบ
ค่อยขยับกรีฑามาใกล้

      แว่วเสียงฝนคำรนไกล.............นุ่มนวลยวนใจ
หลงใหลให้ตั้งใจฟัง

      ทำนองพ้องเพราะเสนาะดัง.............ไพเราะเหมาะจัง
กังวานผ่านเข้ามาหา

      ประโคมรมย์รื่นชื่นอุรา............พิรุณสุนทรา
ปานสุทธาทิพาสังข์

      แล้วหยาดฝนก็ล้นหลั่ง..............กระทบสบดัง
โดนหลังคาพาพิสมัย

      ซาบซึ้งบึ้งทรวงดวงใจ...............เหนือสิ่งอื่นใด
ในหมู่ผู้คนดลกรรม

      จิตสงบพานพบธรรม..............ประเสริฐเลิศล้ำ
ชื่นฉ่ำท่ามกลางราตรี ฯ

๑๗ กันยายน ๒๕๕๕

วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

SMS อวยพรวันเกิด : อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑




SMS อวยพรวันเกิด : อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

๏ วันเกิด ประเสริฐกาล............สุขะศานติ์ สราญศรี
สิ้นทุกข์ สนุกมี..........................อุระปรี ดิสมปอง

๏ ยศถา ประดาศักดิ์................สิริพักตร์ ประจักษ์ผอง
ทรัพย์สิน และเงินทอง................ธนสาร ละลานตา

๏ ชื่อเสียง เกรียงไกร...............คณะให้ สิเนหา
ปลอดภัย คระไลคลา...................อุปสรรค ชะงักงัน

๏ สมรัก สมัครหมาย.................จิระฉาย ขจายฉันท์
เผ่าพงศ์ ผจงจรรย์.......................ธุระรุ่ง จรุงเรือง ฯ

๑๖ กันยายน ๒๕๕๕

เย่อหยิ่ง ยโส โอหัง : กาพย์ยานี ๑๑

                                                                              Google

เย่อหยิ่ง ยโส โอหัง : กาพย์ยานี ๑๑

      คลื่นโถม โหมหาฝั่ง...............กระแสคลั่ง เกลียวหลั่งไหล
ชนโขด โดดสูงไคล......................หมดแรงไส ไร้ร่องรอย

      คิดฉงน คนคล้ายคลื่น.............ยกตนชื่น ขึ้นสูงสอย
เทียบชั้น วรรณะพลอย.................คนอื่นด้อย ต้อยต่ำปาน

      วางท่า วาจากร้าว...................หลงตัวห้าว อะคร้าวหาญ
สูงเหลือ เหนือคนธารณ์................เหยียดหยามหยัน เยี่ยงฉันทา

      จองหอง ใจพองโต..................หยิ่งยโส โอหังหา
วิเศษ เวทนา.................................เทพประดา ประโลมจินต์

      ไม่รู้ ดูตัวตน...........................เป็นแค่ " คน " กมลฉิน
เหยียบย่ำ เดินตามดิน....................ขับถ่าย-กิน-เหม็นกลิ่นไคล

      มดลูก มารดาฝาก....................ประเสริฐซาก มาจากไหน ?
เมถุน รุนร่านใด..............................ที่ทำให้ ได้จุติเป็น ?

      กินข้าว ของชาวนา...................นุ่งห่มผ้า กรรมาเข็น
อยู่บ้าน แรงงานเป็น........................ผู้สร้างให้ ซุกหัวนอน

      ยศถา บรรดาศักดิ์.....................เงินทองทัก ทะลักถอน
ปริญญา ยกมาคอน.........................รังเกียจเขา ไม่เท่าตน

      หน้าตา ที่สะสวย......................กลับไม่ช่วย ด้วยใจฉล
ตระกูล สุนทรก่น............................กลับมืดมน จนปัญญา

      ยิ่งยก ยิ่งตกต่ำ........................ยิ่งระยำ สำมะหา
สมเพช เจตนา...............................เสพชั่วช้า สามานย์ชน

      ตายไป ก็ไร้ปราณ.....................เป็นเถ้าถ่าน ขี้คร้านขน
ยัดใส่ ไร้ค่าคน...............................อยู่ในหม้อ ดินต่อไป ฯ

๑๖ กันยายน ๒๕๕๕