ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ความดี ทำให้งาม : กลอนจรรโลงใจ




ความดี ทำให้งาม : กลอนจรรโลงใจ

    ต้นปีบ พฤกษา....................ตระการกา ยะสดใส
ริมป่า ชลาลัย..........................ขจีใบ ขจายบาน

    ดอกปีบ ระดาษดก................สุคนธ์ปก คละคลุมคราญ
ขาวผ่อง ระยองพาน..................พิมานแม้น แสนพิมล

    รอบต้น สถลเพรา..................กุสุมเร่า ระร่วงหล่น
พราวพร่าง สล้างวน...................ชรินท่า วราทร(ชริน=ประดับ,วราทร=วร+อาทร)

    ความงาม ประจำกาย..............นราหมาย มิถ่ายถอน
หมกมุ่น ดรุณรอน.......................คุณาแลก แพรกราญ(แพรก=แตก,แยก)

    สรรพางค์ สะอางแต่ง..............มิหน่ายแหนง แสลงศานติ์
ทอดทิ้ง ประวิงการย์....................อนาคต ระทดใจ

    ความดี สิดาลดล.....................ขจิตมน สุคนธ์ใส
งดงาม ประจำไกร........................ตลอดไป ตลอดกาล

    มองดู ก็รู้เห็น..........................ฤทัยเป็น เช่นไพรสาณฑ์
บุปผา ผกาบาน............................ขจรกลิ่น ประทินธม

    ความดี พิทักษา.......................สุพักตรา สนัดสม(สนัด=มั่นเหมาะ)
สดชื่น ระรื่นชม.............................อภิรมย์ วิกรมเอย ฯ

๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ความสุขเฉพาะหน้า : กลอนหก




ความสุขเฉพาะหน้า : กลอนหก

    ในร้านเกม เต็มด้วยน้ำ.............ที่ล้นล้ำ ลำธารสินธุ์
เจ้าของยัง ตั้งหากิน....................ลูกค้าสิ้น คือเยาวชน

    หวังความสุข เฉพาะหน้า..........ไม่เกรงฟ้า ท้าทายฝน
แช่น้ำขัง นั่งเล่นทน.....................ไม่กังวล ผลอันตราย

    ไฟฟ้าช๊อต ไม่รอดแน่...............ผิวหนังแช่ โรคแพร่หลาย
สัตว์เลื้อยคลาน มันอาจกราย..........หนีน้ำหมาย ไพล่กัดคน ฯลฯ

    วิชาการ หากหมั่นเพียร..............เช่นนี้เจียน ย่อมเธียรหน(เธียร=ฉลาด,มั่นคง)
จะเก่งกาจ ผงาดพ้น.......................ไม่อับจน เป็นคนพาล

    คนมากมาย ไม่ข่มจิต..................ปล่อยชีวิต พิษฐาน
หวังความสุข สนุกกาล....................ปัจจุบัน บานฤดี

    เสพสุรา ยาเสพย์ติด...................ผิดกาเม เกบัดสี
เที่ยวกลางคืน ชื่นราคี......................คบอัปรีย์ พาลีพล

    ในวัยเรียน เพียรพาล-เล่น.............วัยงานเช่น ลิงเผ่นโผน
ทุจริต คิดเป็นโจร............................ไม่โดนจับ หลงลับภัย

    บาปกรรมา อกุศล........................จิตฉ้อฉล มลทินไส
ลำเค็ญโศก วิโยคใจ.........................ไม่สุดสิ้น ชีวินเอย ฯ

๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ไม่ดิ้นรน จนเดือดร้อน : กลอนเปล่า




ไม่ดิ้นรน จนเดือดร้อน : กลอนเปล่า

เมื่อแสงแรกแห่งรังสิมันตุ์แทรกผ่านนภา
บรรดาสกุณีดุริยางค์ต่างเริ่มบรรเลงเพลงผสาน
อำลาอาลัยรัตติกาลอันสงบนิ่ง
แลลิงโลดรับทิวาสมัยในบัดดล

คลายอ้อมกอดของนิทรา
ชีวากลับมามีสติสัมปชัญญะอีกหน
ขับเคลื่อนกลไกชักใยสังขาร
ที่เผาผลาญพลังงานเพื่อการอยู่รอด
ตามวัฏจักรของการเปลี่ยนแปลง
ที่ไม่เคยแปลงเปลี่ยนไปตามกาลเวลา

ความเป็นไปในไพรสณฑ์เปี่ยมล้นด้วยความสงบ
เพราะสรรพชีวีต่างปรารภ-ต่างแสวงหา
เพียงเพื่อค้ำจุนรักษาชีวาแลสังขาร
เมื่อให้ได้อาหาร-ที่อยู่อาศัย แลรักษาสายสัมพันธ์
การดิ้นรนใดๆพลันยุติ
เพื่อให้มีเวลาเสพสันทนาการ
แลผ่อนคลาย

ธำรงครรลองของวิถีแห่งความพึงใจไม่ละโมบ
จึงคงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ
ที่ยืนหยัดอยู่ได้
ด้วยอาการสงบ สมดุล แลงดงาม

การไม่ตะกละตะกลาม ใคร่ชั่วมัวเมา
สะท้อนซึ่งจินตนาการ อันไม่โง่เขลา
ไม่เอาแต่ใจ ไม่เห็นแก่ตัว หัวใจทราม
ตามโลกียวิสัย ในสัตว์บางหมู่บางชนิด
ที่คิดแส่หาความมั่งคั่ง เกียรติยศ ชื่อเสียง
เพียงประหนึ่งพึงใจในมายาบรรดามี

โดยมิต้องมีสมองอันมีประสิทธิภาพ
ชีวิตในพงไพร กลับพิสุทธิ์ สดใส ไร้ราคี
โดยมิต้องมีพัฒนาการอันซับซ้อนเกินไกล
วิถีแห่งป่าดงคงเย็นเป็นสุขใส
สงบระงับดับความเร่าร้อนมิให้ย้อนคืนตน
ด้วยเพราะ " ไม่ดิ้นรน จนเดือดร้อน " นั่นเอง ฯ


๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ภาพขำขำ ๕๙

ภาพขำขำ ๕๙
















































สุขท้น กุศลธรรม : กลอนเจ็ด




สุขท้น กุศลธรรม : กลอนจรรโลงใจ

    ดึกแล้ว.....                            แว่วๆ แผ่วเพลง บรรเลงเสียง
จังหวะ เร้าใจ ในสำเนียง                  เคล้าเคียง ลมพา มาแต่ไกล

    แต่รอบ กายข้าฯ ณ ที่นี้             สรรพา หามี ที่เคลื่อนไหว
แค่เพียง ความคิด แลจิตใจ               เคลื่อนใน โศภิต แห่งนิทรา(โศภิต=งาม)

    กระแส โลกีย์ ค่านิยม                ชื่นชม ปรุงแต่ง แสวงหา
วัตถุ สิ่งของ ผองกามา                     ตีค่า ว่าเลิศ ประเสริฐคุณ

    ดิ้นรน เดือดร้อน กร่อนกัดจิต       ชีวิต วิปลาส วาดหัวหมุน
เสพคลุก สุขถวิล สินค้าทุน                อาดุร ดวงจิต อนิจจา(อาดุร=ทนทุกข์เวทนา)

    หากแม้น แร้นไร้ ใฝ่แส่อยาก        ใยต้อง ลำบาก ยุ่งยากหา
" พอมี พอใจ " ใช้ชีวา                     หลักธรรม นำพา สุขมามี

    อย่าหา ความสุข ด้วยทุกข์สร้าง    หยุดย่าง ทางยาก ลำบากหนี
ง่ายๆ ใคร่ทำ คุณความดี                   จะมี สุขท้น กุศลธรรม ฯ

๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ชีวี ที่สวยงาม : กาพย์ยานี ๑๑




ชีวี ที่สวยงาม : กาพย์ยานี ๑๑

    ชีวี ที่สวยงาม...............เกิดจากความ ใจงามสวย
ศีลธรรม เอื้ออำนวย...........กุศลด้วย ช่วยเกื้อกูล

    ชีวี พิสุทธิ์ใส.................ก็เพราะใจ ไกลบาปสูญ
เริงร่า อนาดูร.....................สุนทรีย์ นิรามัย(อนาดูร=ไม่เดือดร้อน)

    ชีวี มิหม่นหมอง..............ตามครรลอง ตรองธรรมศรัย
ละชั่ว พ้นหัวใจ...................เพริศประไพ ในกมล

    ชีวี ช่างดีงาม..................ละเว้นทราม อกุศล
ทำดี มิกังวล.......................ต่อผลกรรม ตามวัฏฏา

    ชีวี ที่ละมุน.....................แสวงบุญ คุณงามหา
ไม่มี กิเลสมา......................บงการจิต ความคิดจำ

    ชีวี ปริสุทธิ์.....................ด้วยการหยุด หิงสาสำ
จิตไสว ไม่มืดดำ...................ด้วยทำนอง คลองธรรมนวล

    ชีวี อิสระ.........................ไร้ทัณฑะ มล้างหวน
ปลอดโปร่ง โล่งรัญจวน...........มิเรรวน กวนฤทัย

    ชีวี มีคุณค่า......................ละอัตตา อติศัย
ผุดผ่อง รองเรืองใจ.................ได้สุขสันติ์ นิรันดร ฯ

๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

อดทน พยายาม : กลอนคติชีวิต




อดทน พยายาม : กลอนคติชีวิต

    เหล่าลูกไม้ รายหล่น ลงบนพื้น              ต้นอ่อนฝืน อุตส่าห์ ฝ่าเปลือกแข็ง
พยายาม ผลักยัน ดันยอดแทง                     สุดเรี่ยวแรง แห่งตน จนงอกเงย

    เป็นกล้าอ่อน ชอนไช ให้รากหยั่ง           ยืนต้นตั้ง พรั่งผลิ ใบคลี่เผย
แผ่กิ่งก้าน ผ่านเปลือก ไม่เลือกเลย               เพื่อชื่นเชย แสงสี สุริยา

    ชีวิตคน หนทาง ไม่ต่างแตก                ตั้งแต่แรก เกิดเป็น ต้องเฟ้นหา
ความรู้คลาน-นั่ง-ลุก-เดิน-พูดจา ฯลฯ            สู้อุตส่าห์ พยายาม อย่างลำเค็ญ

    การเล่าเรียน เพียรเถิด ประเสริฐผล       มุ่งอดทน แม้ยาก ลำบากเข็ญ
มีวิชา ความรู้ อยู่ร่มเย็น                             เพื่อใช้เป็น เครื่องค้ำ ช่ำชีวี

    เพลิดเพลินการ ทำงาน บันเทิงเถิด       อย่าให้เกิด เบื่อหน่าย ไร้สุขศรี
อยากนั่งกิน นอนกิน ทรามสิ้นดี                   คนไม่มี คุณค่า ควรละอาย

    การเลือกคู่ ดูใจ ไม่ผลีผลาม               ดูแค่ " งาม-กามกิจ " ผิดเหลือหลาย
คนชั่วช้า หาสู่ คู่อันตราย                           ความประมาท มักง่าย เภทภัยเอย ฯ

๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ชีวิต คือ อะไร? : กาพย์ฉบัง ๑๖




ชีวิต คือ อะไร? : กาพย์ฉบัง ๑๖

    ชีวันคือการศึกษา.................โลกทัศน์สัจจา
ค้นหาความรู้ความจริง

    ชีวันนั้นไม่หยุดนิ่ง..............อย่าหวังประวิง
สรรพสิ่งอิงกาลเวลา

    ชีวันคือการสรรหา.............วิถีจริยา
มรรคานำพาประไพ

    ชีวันคือการแก้ไข............ปรับปรุงตนไป
อย่างไม่มีวันสุดสิ้น

    ชีวันคือการเคยชิน.............โลการาคิน
อาจิณไม่เคยเปลี่ยนแล

    ชีวันคือการผันแปร............เกิดกลายไปแก่
มีแต่ความตายปลายเห็น

    ชีวันคือการลำเค็ญ.............หากใช้ไม่เป็น
ประหนึ่งเช่นคุกทุกข์ขันธ์

    จงรู้จักใช้ชีวัน.............รักษาศีลธรรม์
สัญชาตญาณหมั่นฝืน

    ฝึกฝนสนสร้างยั่งยืน............สราญมานรื่น
แช่มชื่นชั่วชีวันเอย ฯ

๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

คน ก็คือสัตว์ : โคลงสี่สุภาพ




คน ก็คือสัตว์ : โคลงสี่สุภาพ

. พะยูงสูงค่าไม้.................ลายเฉลา
งามแก่นแสนเพริศเพรา........แน่นเนื้อ
แดงสลับดำทำเอา...............คนใคร่
หายากลำบากเรื้อ................ใหญ่ช้าราคาแพง ฯ

. หนึ่งคนโอบหนึ่งล้าน.........ควานหา
บุกป่าลุยพนา......................คึกค้ำ
แถบติดกัมพูชา....................จำเพาะ
เขตป่าสงวนล้ำ.....................ล่วงไร้ไคลเกรง ฯ

. ตัดจนต้นเล็กเหี้ยน.............เตียนตาม
ที่ส่วนบุคคลลาม...................ลักเร้า
เจ้าของจองอยู่ยาม................ลำบาก
จวบค่ำกรำจรดเช้า.................เที่ยงคล้อยพลอยเย็น ฯ

. อนิจจา..ใจคนร้าย...............เลวเหลือ
เห็นแก่ตนจนเจือ....................สัตว์จ้าน
ทุจริตไม่คิดเครือ.....................ญาติเหล่า
พ่อ-แม่-ลูก ฯลฯ ยังต้าน............สัตว์เชื้อห่อนไหว ฯ

. โกงกินกระทั่งแม้...................บ้านเกิด
ถิ่นฐานทำงานเชิด.....................ฉลใช้
เบียดเบียนเจียนบรรเจิด..............จรัสจิต
เพื่อประโยชน์ตนไซร้..................ไป่ท้อทรยศ ฯ

. คนก็คือ " สัตว์ " ให้.................ครวญเห็น
เห็นแก่ตนยลเป็น........................สิ่งเคื้อ
บาป-บุญ-คุณ-โทษเข็ญ...............คิดขบ
ประสบการณ์ฟูมเฟื้อ....................ก่อเกื้อบาปกรรม ฯ

๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

หยุดทำตามใจ : กลอนคติสอนใจ




หยุดทำตามใจ : กลอนคติสอนใจ

    ในส่วนลึก ของจิตใจ...............มีสิ่งใด อาศัยสิง ?
ลองทำใจ ให้นิ่งๆ.......................ค้นหาความจริง...ลองดู

    เห็นไหม ? กิเลสตัณหา............อวิชชา อัตตา..ชู ?
คอยบงการ ดวงมานอยู่................คู่เช้าค่ำ คุ้น..ธรรมดา

    หวังไว้ว่า จะเข้าใจ..................เพราะเหตุใด พุทธศาสดา
สอนเรา เคารพ " ธรรมา ".............อย่าทำตาม ย่ามใจตน

    กิเลสกล้า = วาตภัย................ภูเขาไฟ ไร้เหตุผล
เห็นแก่ตัว กลั้วกมล......................บันดาลกล อกุศลกรรม

    กล้าก่อบาป สำทับเข็ญ.............มองเห็นผิด พิศงามขำ
ปัญญาบอด ทิ้งทอดธรรม...............สิ้นสำนึก ตรึกตรอง " ดี "

    บาปจะถูก ผูกถนัด....................ครรลองสัจจ์ วัฏฏ์วิถี
วิบากกรรม ตามย่ำยี.......................จนสุดที่ สิทานทน

    จงฝึกจิต นิสัยสร้าง...................." ตามใจ " ขว้าง พร่างเหตุผล
ละกิเลส เฉดให้พ้น........................กมลมาน สะคราญมัย

    สร้างกุศล สถลกฤด....................บรรเจิดจิต พิสมัย(กฤด=อันทำแล้ว)
หยุดทำตาม อำเภอใจ.....................หยุดเภทภัย สุกใสเพลิน ฯ

๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

จงสร้างสรรค์จรรโลงหล้า : กลอนคติชีวิต(กลอนหก)




จงสร้างสรรค์จรรโลงหล้า : กลอนคติชีวิต(กลอนหก)

    เข้าสู่ห้วง ล่วงเหมันต์...............บรรยากาศ ดูเงียบเหงา
พฤกษ์ทิ้งใบ ไพรซึมเซา................สงัดเร้า เศร้าอารมณ์

    ยิ่งปลายฝน เยือนต้นหนาว.........หมู่เมฆขาว เทาประสม
ปกคลุมฟ้า ปานระทม.....................ลมแผ่วพลิ้ว ลูบผิวกาย

    ป่าทำงาน ทั้งวันคืน...................แม้ความชื้น รื้นแห้งหาย
เผชิญหน้า อย่างท้าทาย.................จนชีพวาย จึงคลายวาง

    ฟ้าสร้างสรรค์ การย์พิสุทธิ์............ไม่เคยหยุด สะดุดย่าง
สู่เป้าหมาย สุดปลายทาง..................ที่กว้างไกล ไร้จินดา

    เกิดเป็นคน อย่าฉลคิด..................มีชีวิต ไม่อิดหนา
งานประวรรต พัฒนา.........................ให้ก้าวหน้า สถาพร(ประวรรต=เป็นไป)

    มุ่งมั่นทำ สม่ำเสมอ.......................ไม่เผลอเลอ ละเมอหลอน
ทำงานไป ใจแคลนคลอน....................ใคร่อาวรณ์ นั่ง-นอนกิน

    ฝันจับจ่าย ได้เที่ยวท่อง...................งานไม่ต้อง ข้องถวิล
เกิดมาใย ให้ราคิน ?............................ใช้ชีวิน วารสิ้นเปลือง

    จงสร้างสรรค์ จรรโลงหล้า.................เพิ่มคุณค่า ชีวาเฟื่อง
ขัดเกลาใจ ไขประเทือง.........................บันลือเลื่อง เบื้องหน้าเอย ฯ

๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ยาพิษ ชื่อริษยา : กาพย์ฉบัง ๑๖




ยาพิษ ชื่อริษยา : กาพย์ฉบัง ๑๖

    อันยาพิษชื่อ " ริษยา "...............กลั่นจากอุรา
หลั่งมาเข่นฆ่าความดี

    ทนไม่ได้ยามใดที่..............ใครเขาได้ดี
ฤดีริษยาสามานย์

    ทำลายจินตนาการ.............สุจริตผิดผลาญ
รอนราญกุศลจนสลาย

    โทสะคุ กรุ่นวุ่นวาย............งดงามทำลาย
ชั่วร้ายลอยล้นบนพักตรา

    ปากแสยะแขวะขุดพูดจา.............วิปริตมิจฉา
หาเรื่องให้ร้ายใครเขา

    เลอะเลือนเชือนชั่วมัวเมา.............สติปัญญาเบา
โง่เง่าเขลาไม่รู้ตน

    ทุจริตปิดกล้ำกมล...............วิตก วกวน
เปลี่ยนเป็นคนพาลมารผยอง

    ใครๆที่ได้แลมอง.............เห็นทรามลามนอง
ย่อมต้องอิดหนาระอาใจ

    ยาพิษ " ริษยา " พาภัย............ทำร้ายใครๆ
สุดท้ายไม่พ้นตนเอง ฯ

๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เหตุผลที่เปิดหัวใจ : กลอนคติรัก




เหตุผลที่เปิดหัวใจ : กลอนคติรัก

    เหตุผล ที่คน เปิดใจ................ให้ใคร เข้ามา จับจอง
ตอกย้ำ ความมี เจ้าของ................ต้องแลก อิสระ เสรี

    หวังเสริม เติมเต็ม หัวใจ............ที่คล้าย ขาดไร้ ใคร่ลี้
หวังเพิ่ม พลัง ชีวี.........................ให้มี เรี่ยวแรง แกร่งไกร

    หวังมี สักคน เป็นเพื่อน..............ขับเคลื่อน เชือนอา ยุขัย
ถนอม กล่อมเกลา จิตใจ.................ด้วยใจ รักใคร่ ไม่มารยา

    หวังว่า คราเรา เขลาคิด..............จะช่วย เตือนจิต มิจฉา
แม้เรา พลั้งพลาด ปราดมา...............ช่วยกู้ สถา นการณ์

    ผลักดัน กันให้ จำเริญ.................ร่วมเดิน เผชิญ สังสาร
ปกปัก รักษา พยาบาล.....................ประสาน สมาน ไมตรี

    แต่ถ้า มาเฝ้า เอาเปรียบ...............ย่ำเหยียบ อสัตย์ บัดสี
ข่มเหง เบ่งทับ อัปรีย์.......................ขยี้ ขย้ำ ทำลาย

    ชักนำ กรรมโง่ โมหา...................หยาบช้า อาชีพ ฉิบหาย
ถ่อยเถื่อน เหมือนวัว เหมือนควาย.......สนตะพาย ไร้เกียรติ เบียดบัง

    ขออยู่ คนเดียว ดีกว่า...................อย่าให้ ใจข้อง ต้องขัง
เป็นโสด โปรดเห็น เป็นดัง.................สังสรรค์ อิสระ สวัสดี ฯ

๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ช่วยไม่ได้ ตัวใครตัวมัน : กาพย์ยานี ๑๑




ช่วยไม่ได้ ตัวใครตัวมัน : กาพย์ยานี ๑๑

    กลีบดอก ลำดวนร่วง.............ลำนำท่วง ทำนองสณฑ์(สณฑ์=ดง)
ขอบโค้ง ขอดโก่งมน.................รายรอบต้น ริมชลธาร์

    ดอกรั้ง ยังหอมหวน...............รมย์รื่นชวน รัญจวนหา
ใบปรก ดกดื่นตา........................บังแสงจ้า ร้อนระบาย

    แดดรน ดลลานดิน..................แผดร้อนหิน เย็นสิ้นหาย
หลีกเว้น เร้นวางวาย....................ใต้ลำยอง ตรองลำดวน(ลำยอง=งาม)

    รอบกาย รายโลกีย์..................ชั่วแลดี มีหลากล้วน
ความชั่ว คอยยั่วยวน....................ความดีถ้วน ชวนทำดี

    ตั้งใจ ไม่ประมาท.....................ความชั่วขลาด ขยาดหนี
คนพาล กาลกรรณี........................อย่าริคบ หลบหลีกไคล

    ศีลธรรม นำสวัสดิ์......................สุวิพัฒน์ นิรัติศัย(นิรัติศัย=ประเสริฐยิ่ง)
จรรยา พาประไพ...........................ให้สัมฤทธิ์ พิชยา

    หากเขลา มัวเมาคิด....................หลงเริงผิด ติดตัณหา
ทุจริต พิศสุธา................................มิจฉาฉล มนลำพอง

    มักใคร่ หมายราคี........................กรรมบัดสี พลีผยอง
ชั่วช้า กล้าเกลือกกอง......................จะต้องรับ กับผลภัย

    กระทำ ตามกระมล.......................วิบากสน วนเสือกไส
ตนก่อ ต่อกลไกร.............................ช่วยไม่ได้ ตัวใครตัวมัน ฯ

๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ความทุกข์ ประเทืองปัญญา : กลอนคติสอนใจ




ความทุกข์ ประเทืองปัญญา : กลอนคติสอนใจ

    เมฆฝน สนสร้าง กลางวันครึ้ม              เซื่องซึม ทึมเศร้า เร่าหม่นหมอง
แต่ยาม ราตรี ที่ฟ้าคะนอง                           เมฆฝน ดลฟ่อง แสงรองเรือง

    เหมือนยาม ความทุกข์ มารุกเร้า           คิดเศร้า เคล้าโศก วิโยคเยื้อง
หากแม้น แหนให้  ได้ชำเลือง                      ทุกขา ประเทือง เปลื้องปัญญา

    มิให้ ใหลหลง งงชีวิต                        อนิจจัง สังขาร เหตุปัญหา
สุข-ทุกข์ คลุกเคล้า เร้าโลกา                       เดี๋ยวมา เดี๋ยวไป ไม่แน่นอน

    ยามสุข อย่าเหลิง บันเทิงหลง              ยามทุกข์ อย่าพะวง ยงสิทธ์สร(สิทธ์=ผู้สำเร็จ)
ยามมี อย่าเว้า เมาอาวรณ์                           ยามหมด ลดผ่อน ไม่ร้อนใจ

    ทุกข์วาร สุขวัน นั้นลี้ลับ                     สิ่งสรรพ นับล้วน ชวนสงสัย
ปล่อยวาง ร้างจิต อย่าคิดไคล                      ทำให้ ดีสุด แล้วดุษฎี ฯ

๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

อย่าเอาเยี่ยงอย่าง : กาพย์ยานี ๑๑




อย่าเอาเยี่ยงอย่าง : กาพย์ยานี ๑๑

    เจ้าหมา เจอะอาจม.............ใจชื่นชม ก้มกัดกิน
ตัวใหม่ ใฝ่ถวิล.......................หมด..อดกิน ขอลิ้นเลีย

    ตัวอย่าง สังคมมี.................คนบัดสี นิสัยเสีย
ชั่ว-ร้าย กรายอาเกียร์-..............ณะให้เห็น เป็นธรรมดา(อาเกียรณ=เกลื่อนกลาด)

    จงอย่า เอาอย่างเยี่ยง...........คนพาลเพลี่ยง เคียงคบหา
สันดาน พาลมารยา...................พาชีวี ผิดศีลธรรม

    จงอย่า ลอกเลียนแบบ...........ฉ้อฉลแทบ แนบถลำ
ทุจริต จิตระยำ..........................จะรวยร่ำ ด้วยกรรมเวร

    จงอย่า ประพฤติตาม..............คนเลวทราม กรรมสาเสน
ชั่วช้า อนาถเดน........................ไม่เป็นคุณ จุนชีวี

    จงอย่า คิดประมาท.................ธรรมชาติ ปราศบุญ-บาป์
สัจพจน์ กฎกรรมกล้า...................จะตัดสิน วิญญาณยล

    จงอย่า กระทำชั่ว.....................ระวังตัว กลั้วเกลือกฉล
ดูแล แดกมล...............................พ้นกิเลส เทวศภัย

    จงตั้ง หวังกุศล.........................จักสกล พ้นสาไถย
ศีลธรรม์ บันดาลไป........................สุคติ พิภพเอย ฯ

๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

พุทราศาสตร์ อุบาทว์ศึกษา : กาพย์สุรางคนางค์ ๓๒




พุทราศาสตร์ อุบาทว์ศึกษา : กาพย์สุรางคนางค์ ๓๒

    ธรรมะ ศึกษา..............มหา เปรียญ
สมัคร พากเพียร...............เธียรตัว หนังสือ
ธรรมเอก เปรียญเก้า..........เอามา เล่าลือ
กล่าวขาม นามชื่อ.............ยึดถือ เทิดทูน

    เอาลาภ มาล่อ..............ยศส่อ ยอศักดิ์
แหนใคร่ ให้ขวัก................เป็นหลัก ปักศูนย์
เป้าหมาย ปลายทาง...........สล้าง พร่างพูน
ชีวี สมบูรณ์.......................สุนทร สรธรรม

    อนิจ จตา......................พุทธา หลักสูตร
ยกคูถ ยกมูตร.....................ย่องสุด เลิศล้ำ
ส่งเสริม กิเลส.....................เจตนา ระยำ
ไขว่คว้า โลกธรรม................ค้ำคุม สุมใจ

    วงการ พุทธาศาสตร์..........จึงขาด สติ
สัมมา ทิฏฐิ..........................มิรู้ อยู่ไหน ?
เห็นแต่ มิจฉา.......................อาลัชชี มีชัย
ประกอบ คุณไสย...................หลงใหล โลกีย์

    แก้กรรม ทำเข็ญ................เป็นผู้ วิเศษ
จอมพลัง ขมังเวท..................เดรัจฉาน วิถี
หาลาภ สรรเสริญ....................เงินทอง นองมี
อยู่อย่าง เศรษฐี......................อภิโธ่ อภิธรรม ฯ

๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๕