ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

นายกฯไทย เป็นง่ายแท้ : กลอนการเมือง



นายกฯไทย เป็นง่ายแท้ : กลอนการเมือง

    นายกฯไทย เป็นง่ายแท้..............วันๆแค่ คอยฉุยฉาย
แต่งตัวงาม ตามสบาย....................หลบเลี่ยงกราย ไปสภา ฯ

    กิจที่คล่อง คือท่องเที่ยว.............ไม่แลเหลียว ชาติปัญหา
ภาพที่เห็น จนเจนตา......................ขายขี้หน้า ปัญญาเบา

    จบปริญญา มาจากนอก...............พูดจาออก บอกโง่เขลา
อ่าน-พูดผิด เป็นนิจเนา....................คนฟังเขา เล่าขำกัน

     นโยบาย พี่ชายคิด.....................ชาติวิปริต เศรษฐกิจคับขัน
" ปู " เสียอย่าง  ช่างหัวมัน................ยิ้มยิงฟัน บันเทิงใจ

    คอยขยัน มุ่งมั่นกู้........................เงินผลาญพรู ไปอยู่ไหน ?
ผลไม่เห็น เป็นชิ้นใด........................กระเป๋าใคร เข้าไปคา ?

    ลิ่วล้อล้วน ก๊วนตอแหล.................พวกดีแค่ คอยเลียขา
โลก สมเพช เวทนา...........................อนิจจา นายกฯไทย

    ประเทศชาติ พินาศแน่..................ไม่มีแม้ ทางแก้ไข
หากประดา ประชาไทย......................เลือกจัญไร ได้นายก ฯ


๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๖

วันพระ ปฏิทิน : กลอนจรรโลงใจ



วันพระ ปฏิทิน : กลอนจรรโลงใจ
(ฉันทลักษณ์ที่ผมคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง)

    กระหน่ำ ค่ำเช้า.................ฝนเอา น้ำฟ้า มาฝาก
ประดัง หลังจาก.....................ห่างแล้ง แห้งผาก เสียหาย
ต้นข้าว เหลืองเหี่ยว................ประเดี๋ยว ต้องยืน ต้นตาย
แต่กลับ ตื่นกลาย....................เมื่อสาย ฝนล้น หลั่งริน

    นาเริ่ม มีน้ำ........................ลำธาร เริ่มมี ชีวิต
เหมือนสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์.................วิกฤติ ลิดไส ไร้สิ้น
หนุนเนื่อง ตกหนัก...................ทะลัก เพิ่มล้น พ้นดิน
เกิดกระ แสสินธุ์.......................สาบดิน สิ้นหลุด สุดตา

    วันนี้ วันพระ........................วัฒนธรรม งามเก่ากาล
โบร่ำ โบราณ...........................วันบุญ สุนทาน หรรษา
เพิ่มจาก ใส่บาตร......................ฆราวาส เข้าวัด เข้าวา
ฟังธรรม เทศนา........................ตามประสา เกษตรกร

   ปัจจุบัน สมัย.........................เปลี่ยนไป ไม่เหมือน อดีต
จรรยา จารีต.............................กีดกั้น ชีวัน เร่งร้อน
ศีลธรรม เสื่อมถอย.....................เหลือน้อย คล้อยว่า อาวรณ์
วิทยาศาสตร์ ตัดรอน..................คำสอน พิสูจน์ ไม่ได้

    ชี-พระ-ฆราวาส.....................ปลงใจ เป็นทาส กิเลส
มารยา หาเลศ...........................มุ่งเจต (ตะ)นา สาไถย
เอาพุทธ ศาสนา........................เป็นเครื่อง มือค้า กำไร
โลกีย์ วิสัย................................ถือเป็น เป้าหมาย ปลายทาง

    อนิจ จาเยี่ยง.........................วันพระ เป็นเพียง ปฏิทิน
คนเฒ่า เล่าชิน...........................ชีวิน อดีต เวิ้งว้าง
ให้ลูก ให้หลาน...........................สำราญ ฤทัย ไปพราง
อย่าให้ ได้ร้าง.............................สัมพันธ์ ระหว่าง ต่างวัย ฯ

๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๖

วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ความกรุณาปราณี : กลอนจรรโลงใจ



ความกรุณาปราณี : กลอนจรรโลงใจ


    ภาณุมาศ สาดส่อง รังรองหล้า..........รุ่งทิวา ปรากฏ สดใสสี
(ภาณุมาศ=ดวงอาทิตย์,รังรอง=รุ่งเรือง)

หมู่ภมร จรจรัล หมั่นฤดี.......................คันธมา ลีบินเสาะ เลาะพงไพร

    กชพันธุ์ กรรณิการ์ สุทธากลิ่น...........งามโศภิน ทินภา คุณาศัย
(กชพันธุ์=ดอกบัว,ทิน=วัน,คุณาศัย=คุณ+อาศัย)

ชูเกสร ชรพร้อย ช้อยประไพ.................กลางกระสินธุ์ รินไส ไกลอรัญ(ชร=ลวดลาย)

    กรุณา ปราณี ปรียานท....................อลงกต รจเรข อเนกสรรค์
(นท=แม่น้ำ,อลงกต=ประดับ,รจเรข=งาม)

สัญลักษณ์ สักขี เมธีธรรม์....................ชุตินันท์ ครรชิต พิชยา
(ชุติ=สว่าง,ครรชิต=บันลือ,พิชย=ความชนะ)

    อุระผ่อง ก่องศรี กีรติ์สัต...................โสตถิพัฒน์ ทัศนีย์ พิทักษา
(ก่อง=สว่างงาม,กีรติ=เกียรติ,สัต=น่านับถือ,โสตถิ=ความสวัสดี)

สุขเขษม เปรมปรีดิ์ ชื่นชีวา....................ปริสุทธิ์ รุจนา เสาวนนท์(รุจนะ=ความชอบใจ)

    มณฑนา อาทร บวรทิศ.....................สุจริต ศิษฏะ มนะกุศล
(มณฑนะ=เครื่องประดับ,ศิษฏ์=อบรมแล้ว)

รติสันติ์ จรรยา สาธุชน..........................ไม่เห็นแต่ แก่ตน มลทินตรอง

    วิทวัส ศรัทธา กรุณธรรม ...................จักเจือค้ำ จุนโลก วิโมกข์ข้อง(วิทวัส=นักปราชญ์)

ชลเนตร เช็ดให้ เหือดไหลนอง................หมดคับข้อง หมองไคล เภทภัยพาน

    ประดุจภา ณุมาศ พาดผ่องศรี..............กรุณา ปราณี ปาฏิหาริย์

เช่นวิภา ส่องสวัสดิ์ ชัชวาล......................แด่สาธารณ์ ศานติ สิริไตร

   คงครรลอง ครองคุ้ม โอบอุ้มคน............ทั้งมี-จน ล้นหล้า อดิศัย(อดิศัย=ประเสริฐ)

ปฏิบัติ ต่อกัน ปันน้ำใจ............................สร้างสันติ นิรามัย ในโลกเอย ฯ(นิรามัย=เป็นสุข)



๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๖

วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เสพย์ติดความรัก : กาพย์ยานี ๑๑



เสพย์ติดความรัก : กาพย์ยานี ๑๑

    ดอกไม้ ในโลกมี...............พันธุ์โสภี ที่หลากหลาย
งอกลาม งามกระจาย.............ไปทั่วหล้า แลปัถพิน

     อย่าดู แค่กุหลาบ.............งามปลื้มปลาบ กำซาบสิ้น
หอมชวน หวนชมกลิ่น............สุดถวิล ซ่านจินดา

    ดนตรี ที่ไพเราะ................เสียงเสนาะ พิเคราะห์หา
มิใช่ มุ่งหมายตรา..................แต่เพลงรัก ภักดิ์ฤดี

    กิจกรรม สร้างความสุข.......บำราบทุกข์ ล้ำยุคนี้
มากมาย มิได้มี.....................แค่ " ความรัก " ประจักษ์ใจ

    ความรู้ ควรสู่หา................เสริมปัญญา อดิศัย(อดิศัย=ประเสริฐ)
ศีลธรรม ล้ำฤทัย...................ทำงานให้  ได้มั่นคง

    ศิลปะ บทกวี......................แสนสุนทรีย์ มิลุ่มหลง
กีฬา กายายง.........................พลานิสงค์ อลงการ(อลงการ=งามด้วยเครื่องประดับ)

    คนเขลา มัวเมาจิต..............." รัก " เสพย์ติด พิษฐาน(พิษฐาน=มุ่งหมาย)
" รัก " รอ ทรมาน...................." หลายรัก " ซ่าน รานร้าวทรวง

    " ความรัก " ใช่จักมี.............แค่สุขี ชีตะสรวง(ชีตะ=ชนะแล้ว)
" รัก " เฟื่อง เรื่องหลอกลวง.......ฉุดใจล่วง อเวจี

    บ่จัก " รักอื่น " ท้น...............(และ) รู้จักตน = รนหาที่
ยากหมาย ได้ผลดี....................มีแต่โทษ โปรดไตร่ตรอง ฯ

๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๖

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

พึงพิศ พึงทำ : กลอนเปล่า



พึงพิศ พึงทำ : กลอนเปล่า


อันที่จริง
การละเลยไม่คำนึงถึง
อายุขัยของเรา(อายุขัย=เขตอายุสูงสุด)
ก็นับเป็นการดี

เพราะเราจะได้ทุ่มเทเวลา
ให้กับเรื่องที่สนใจ
ให้กับสิ่งที่อยากทำ
ไปจนกว่าจะประสบความสำเร็จ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เมื่อสิ่งที่อยากทำให้สำเร็จ
มีมากมายหลายอย่าง
ทั้งที่ทำไปแล้ว
และที่ยังไม่ได้
แม้แต่เริ่มต้นลงมือทำ

แต่กระนั้นก็ตาม
การคำถึงถึงอายุขัยที่เหลืออยู่
โดยเฉพาะ
กับผู้ล่วงเข้าสู่ความเป็นผู้สูงวัย
กลับเป็นสิ่งที่พึงควร
และพึงทำเป็นอย่างยิ่ง

เพราะจะได้หยุดทบทวน
อย่างละเอียดถี่ถ้วน
ถึงชีวิตจริงที่เป็นมา
และชีวาที่จะเป็นไป

เพื่อว่าจะได้ตัดสินใจ
ยุติการกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด
ไม่ว่าจะทำไปมากน้อยเพียงใด
ไม่ว่าใกล้ความสำเร็จเพียงใด
ไมว่าจะเคยมีความสำคัญเพียงใด
มาก่อนก็ตามที

เพราะเราไม่มีเวลาเหลือมากพอ
เพื่อที่จะทำต่อให้สำเร็จ
เพื่อชื่นชมความสำเร็จ

หรือในเมื่อทบทวนแล้วว่า
สิ่งนั้น ไม่มีประโยชน์มากพอ
ไม่มีความสำคัญเพียงพอ
ต่อบั้นปลายชีวิตของเราอีกต่อไป

สำหรับอายุขัย
ที่ได้เหลืออยู่เพียงน้อยนิด
ยังมีสิ่งอื่น ซึ่งยังไม่เคยพินิจ
ไม่เคยสนจิตสนใจใฝ่กระทำ
ด้วยไม่เคยเห็นเป็นสิ่งสำคัญ
เพราะมัวแต่พิจารณา
นำชีวาไปสู่อนาคตที่ไม่มีวันหมดสิ้น

แต่บัดนี้ ณ เวลาที่อายุขัย
เหลืออยู่อีกไม่มาก
ไม่มีสิ่งใด สำคัญนอกเหนือไปจาก
การได้ทุ่มเท ทำสิ่งดีๆ
ให้กับคนที่รักเรา
เพื่อคนที่ดูแลเรา
มอบแด่คนที่ช่วยเหลือเรา

ไม่มีสิ่งใดที่ทำแล้ว
จะนำพาจิตใจ ให้สงบสุขสันติ์
ผ่อนคลาย ตื้นตัน เท่า
กับการได้กตัญญู กตเวที
ต่อแผ่นดินที่เราถือกำเนิด
ตอบแทนโลกที่เราได้อาศัยมาตลอดชีวิต

ด้วยจิตใจที่ไม่ทะยานอยาก
หยุดการกระทำที่คอยคิดเอาแต่ได้
เลิกคำนึงถึงแต่ประโยชน์พวกพ้อง
และที่สำคัญที่สุด
ไม่เห็นแก่ตัว

ด้วยหัวใจที่ใสสะอาด
ปราศจากมลทิน ราคินใดๆ
ไร้ความกระหาย
ไร้ความรู้สึกขาดแคลน

เป็นหัวใจที่เต็มเปี่ยม สมบูรณ์
เป็นดวงจิตที่อบอุ่น
ละมุนละไม ไม่แบ่งแยก
ไม่เสียเวลาไปขัดแย้งกับใครๆในโลก
ที่เราจะต้องวิโยคจากไป
ณ วันหนึ่งข้างหน้า
ในเวลาอีกไม่นาน ฯ


๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๖

วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กินเหล้าเพื่อเข้าสังคม : กลอนหก



กินเหล้าเพื่อเข้าสังคม : กลอนหก

    กินเหล้า เพื่อเข้า สังคม ...........คือค่า นิยม ผิดๆ
ยิ่งบ้า เสพยา เสพย์ติด.................สิ้นคิด โง่เขลา เบาความ

    สังคม รมย์เหล้า เมายา............มักพา มัวเพศ เลศหลาม
คณนา ค่านิ ยมทราม...................ลุกลาม ก่อกาจ อาชญา

    ชีวา ราคี วิบัติ........................สารพัด ประจัญ ปัญหา
ใครเห็น เป็นสม น้ำหน้า................ทุเรศ เวทนา สามานย์

    อนาคต หมดถวิล สิ้นหวัง..........กำลัง วังชา ประหาร
คนดี มิคบ ประสบพาน..................รอบกาย หลายลาน มารผจญ

    กินเหล้า เพื่อเข้า สังคม.............คารม สมเพช เหตุผล
วิจา รณญาณ วิกล........................ของคน โง่เขลา เบาความ

    ใครเอา เหล้ายา มาเป็น..............หลักเกณฑ์ คบค้า อย่าขาม
ตัดขาด สมาคม ซมทราม................พยายาม เว้นย่าง ห่างไกล

    คนดี มิคบ คนชั่ว.......................เพราะกลัว ตัวจะ สาไถย
คนดี มีอยู่ ทั่วไป...........................คอยใคร ได้คบ ประสบดี

    เหล้ายา ล้วนอบาย (ยะ)มุข.........ใครขลุก ทุกข์เอือม เสื่อมศรี
สังคม ของคน ที่ดี..........................ไม่มี ขี้เหล้า เมายา ฯ

๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๖

วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ท้องก่อนแต่ง : กลอนคติเตือนใจ



ท้องก่อนแต่ง : กลอนคติเตือนใจ

    ท้องก่อนแต่ง แถลงปาน กระสันป่าว...........เชิญนักข่าว เข้าฟัง คำทั้งสอง
เรารักมั่น ฝันใฝ่ ใคร่เคียงครอง.......................จึงเห็นพ้อง ต้องแต่ง แสดงตน

    แล้วเท้าความ ตามวิถี นิยายรัก...................เริ่มรู้จัก มักจี่ ที่แห่งหน
เป็นรักแผก แรกพบ รบเร้าจน.........................ยากทานทน อยู่ได้ ถ้าไร้เธอ

    โดยสรุป เป็นบุพเพ สันนิวาส.....................ด้วยอำนาจ จากสวรรค์ บันดาลเสนอ
คนได้ฟัง ต่างอึ้ง จึงออเออ............................ฝันอยากเจอ เนื้อคู่ อยู่เหมือนกัน

    แล้วจบด้วย ร่วมอวยพร อ่อนระรื่น................ขอให้มี วันชื่น คืนสุขสันติ์
เกิดอะไร ในสังคม สั่งสมกัน ?.........................ปัจจุบัน หนุ่มสาว เหมือนเมาฤดี

    ท้องก่อนแต่ง แถลงการณ์ ประจานตน...........ว่าเป็นคน มักง่าย ใจบัดสี
ทุจริต ผิดจารีต ประเพณี.................................มนไม่มี ศีลธรรม นำชีวา

    เหมือนบิดา มารดร บ่สอนสั่ง........................ไม่ยับยั้ง ชั่งใจ กระหายตัณหา
เกิดกำหนัด กลัดกลุ้ม สุมอุรา...........................ยอมพ่ายแพ้ แก่กามา ราคะครืน

    โดยสรุป เป็นบุพเพ อาละวาด.......................แต่งเพราะจำ เป็นมิอาจ จะขัดขืน
ต้องครองคู่ อยู่เคียง เยี่ยงกล้ำกลืน....................อกสะอื้น ฝืนยิ้ม เอิบอิ่มมี

    อย่าเอาอย่าง บังอร ท้องก่อนแต่ง..................หลายคนท้อง ต้องทำแท้ง ชายแหนงหนี
อีกหลากล้น โดนล้อ (ลูก)พ่อไม่มี......................จงรักดี รักนวล สงวนตัวเทอญ ฯ

๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๖

หมายเหตุ: ประเทศไทยพบการตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานมากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของเอเซีย  และเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากประเทศแอฟริกาใต้ 


วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ลมปาก : กลอนดอกสร้อย



ลมปาก : กลอนดอกสร้อย

    ลมเอ๋ย ลมปาก.........................พัดจาก ปากคน กมลไข
มุ่งลวง หมายจง หลงเชื่อใจ.............มารยา สาไถย ให้ร้ายมี

    ปั้นน้ำ เป็นตัว เปี่ยมหัวคิด............ทุจริต มิจฉา มายาวิถี
โป้ปด มดเท็จ เพ็จพจี.....................ใส่ร้าย ป้ายสี ฤดีไกร

    เบียดเบียน ผู้คน ถกลกฤตย์.........หารู้ สึกผิด เช่นนิสสัย(ถกล=ตั้ง,กฤตย=ทำ)
ใครจัก ทุกข์ร้อน มิคลอนใจ..............สาบไร้ ศีลธรรม นำสัญญา(สัญญา=ความจำ)

    เป็นเสือ-สิงห์-สาง ร่างมนุษย์........ไม่สิ้น ไม่สุด หยุดบาปหา
พัดวน เวียนอยู่ คู่โลกา.....................ไม่มี ทีท่า สงบลง

    ลมเอ๋ย ลมปาก...........................โลมใจ ไล้อยาก ลากลุ่มหลง
ครรลอง คลองธรรม ไม่ดำรง..............เศิกส่ง ปลงสิ้น ชีวินทรีย์(เศิก=ศึก)

    ไม่รู้ สึกตน ว่าโดนหลอก...............กระหยิ่ม ยิ้มหยอก  กลอกสุขี
หวังสิ่ง ได้สม รมย์ฤดี........................ยอมพลี ปรีดา สละตน

    ลมเอ๋ย ลมปาก............................กระชาก ลากจิต วิปริตหน
สะท้าน สะเทือน เลือนกมล.................ปานพา ยุผล ทนทรมาน

     เป็นเดือด เป็นร้อน ย้อนโทสะ.........จิตใจ หมายจะ ปะทะหาญ
ต่อปาก ต่อคำ ก่อกรรมพาล.................กำซ่าน มารสิง มิกริ่งใจ

    ลมเอ๋ย ลมปาก.............................พัดจาก ปากคน กมลไข
รู้เท่า ทันเห็น มิเป็นไร.........................บ่เอา ใส่ใจ ไร้สัจจา

    ทำใจ ให้เย็น เช่นกระสินธุ์................ทำจินต์ แข็งอยู่ อย่างภูผา
ใครจะ ว่ากล่าว ไม่เอามา......................ถือสา ; ประเสริฐ เป็นเลิศเอย ฯ

๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๖ 

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สังคมพิการ : กาพย์ฉบัง๑๖



สังคมพิการ : กาพย์ฉบัง๑๖


    เพราะสิ้นศีลธรรมนำพา.............มนุษย์มนา
ใช้ชีวาตามใจตน

    สืบเผ่าพันธุ์พาลผจญ............วิถีวิกล
เป็นคนเลี้ยงลูกด้วยเงิน

    สังคมสมสร้างทางเดิน...........ล่อให้ไพล่เพลิน
เดินไม่ดูตาม้าเรือ

    หลุมพรางช่างหลายเหลือเฟือ............ตรอมตายเป็นเบือ
เพียงเหยื่อเสือสิงห์กระทิงแรด

    ราคีมีเกลื่อนเปื้อนแปด.............ภัยห้อมล้อมแวด
เดือดร้อนดั่งแดดแผดเผา

    เลวเลือกเกลือกกลั้วมัวเมา..............สติปัญญาเบา
โง่เขลากำหนัดบัดสี

    ชั่วช้า ละอายไม่มี.............ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี
ชีวีเฉกสัตว์เดรัจฉาน

    อยู่ใต้สัญชาตญาณ............สำเริงสำราญ
ทะเยอทะยานมานมน

    ก่อกรรมทำเข็ญเดนคน..............เบียดเบียนเวียนวน
วิกลจริตวิตถาร

    ร่วมสร้างสังคมสามานย์.............พิกลพิการ
สิ้นศานติสุขกลียุคเอย ฯ

๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๖

วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ดอกหญ้า : กาพย์สุรางคนางค์ ๓๒



ดอกหญ้า : กาพย์สุรางคนางค์ ๓๒

    ดอกหญ้า สะอาง...............ท่ามกลาง สายฝน
นับมี นิรมล...........................ล้นความ สดใส
พิรุณ ภิรมย์...........................ลูบโฉม โลมไช
ลมพัด กวัดไกว.....................ให้ชื่น รื่นเริง

    ไร้คน สนครอง..................ปองหยอก ดอกหญ้า
ไร้สวย สะดุดตา.....................ควรล่า เถลิง
ไร้ใคร ใฝ่ถือ..........................ระบือ บันเทิง
ไร้คำ ร่ำเชิง...........................ชวนเชิด เชยชม

    ไม่เหมือน ดอกไม้...............ไฉไล ใคร่เด็ด
หอมหวน ล้วนเหตุ...................ดอมเสร็จ เด็ดสม
เหี่ยวฉับ อับเฉา......................เท่าสิ่ง โสมม
ถูกทิ้ง ระทม...........................จมกอง ธุลี

    ธำรง คุณค่า.......................ดอกหญ้า (ที่)ดีไว้
อย่าเหมือน ดอกไม้..................มลทิน สิ้นศรี
ตัดถ้อย ต้อยต่ำ.......................ล้ำค่า ธาตรี(ธาตรี=โลก)
ประหนึ่ง มณี...........................พงพี พิมล

    ไม่ต้อง ยุ่งยาก.....................ลำบาก รักษา
ได้ยล ดอกหญ้า.......................ท้าแดด-ลม-ฝน
เบ่งบาน เบิกพุ่ง........................มุ่งฟ้า นภดล
ปรากฏ อดทน...........................บนหิน-ดิน-ดอย

    ดินอยู่ ดอกหญ้า...................ดีกว่า โดนเด็ด
ดมทิ้ง สิ่งเศษ...........................ขยะ มูลฝอย
ดอกหญ้า บริสุทธิ์......................มิหยุด เลิศลอย
แพร่หลาย พรายพร้อย................อย่าถอย ท้อเอย ฯ

๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๖

วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เก็บออม : โคลงสี่สุภาพ



เก็บออม : โคลงสี่สุภาพ

. ปีนี้ไม่มีน้ำ....................ขังนา
ฝนไม่พรำนำพา................เริ่มแล้ง
ต้นกล้าหยุดพัฒนา............เติบใหญ่
เกือบครึ่งเห็นเหลืองแห้ง.....เหี่ยวให้พะวงสูญ ฯ

. คนทำนาก่อหนี้..............ยืมเขา
เก็บเกี่ยวเสร็จจึงเอา............คืนใช้
ผลิตผลงามทำเนา..............เงินเก็บ
หากเสียหายคงได้..............แต่หนี้ทวีคูณ ฯ

. ยามมีจับจ่ายไร้...............คำนึง
ยามยากลำบากจึง...............เดือดร้อน
เงินมีไม่พิศพึง....................ใจเก็บ
เกิดวิกฤติพิษย้อน................วิ่งกู้หยิบยืม ฯ

. มิควรโลภแต่ต้อง..............ตระหนัก
อนิจจาคือหลัก.....................โลกค้ำ
ชีวีย่อมประจักษ์....................จับจ่าย
คือสิ่งจำเป็นล้ำ.....................แก่เชื้อมนุษย์ชน ฯ

. วันนี้มีแรงสร้าง.................แรงไส
เพียรเร่งทำกรรมไกร..............อย่าคร้าน
วันพรุ่งอาจพบภัย...................เจ็บป่วย
คราวซวยนอนซีดม้าน.............หยอดน้ำเกลือแหนง ฯ

. จงเก็บออมเพื่อพร้อม...........พยาบาล
ยามแก่ชรากาล.......................มีใช้
เสริมบุญเผื่อสุนทาน.................ธารณกิจ
ชีวิตอย่ายากไร้........................เดือดร้อนพรขอ ฯ

๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๖

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ไม่พอใจ ในตัวเอง : กลอนคติสอนใจ



ไม่พอใจ ในตัวเอง : กลอนคติสอนใจ

    โลกมากสิ่ง อยากมี ที่อยากได้.............เร้าหัวใจ ไม่ขาด ปรารถนา
ธรรมชาติ สัจส่อ สิ่งล่อตา.......................ธุรกิจ ผลิตสินค้า มาล่อใจ

    เห็นเขาได้ เขาดี มีความสุข.................ช่างสนุก ใช้ชีวิต ชวนพิสมัย
เราสิแสน ลำบาก ยากกระไร.....................ขัดสนไป ทุกสิ่ง ชิงชังเรา

    วาสนา สุดแท้ แต่เท่านี้........................แม้อยากมี อยากได้ เหมือนใครเขา
หากทว่า ขัดสน หนทางเซา......................ปัญญาเบา เขลาโม หะโง่มี

    จะเครียดแค้น เคืองเข็ญ คอยเป็นทุกข์.....ใจคิดฉุก ทุกข์ ไหน ไม่หายหนี
จะซึมเศร้า เสียใจ ไห้โศกี.........................ยิ่งทวี บีฑา ทุกข์ระทม

    ในโลกนี้ มีใคร ได้ทุกสิ่ง ?....................ความเป็นจริง ใครบ้าง ทุกอย่างสม ?
ในใจคน ล้นอยาก หลากนิยม.....................ความอุดม สมจริง สิ่งขาดแคลน

    จำเป็นต้อง ใจข่ม อารมณ์ขืน..................อย่ามัวฝืน ฝันใฝ่ อาลัยแสน
เท่าที่มี เท่าที่ได้ พอใจแทน.......................ผิว่าแม้น คร่ำเคร่ง เพ่งรำคาญ

    เราก็มี ดีบ้าง ด้อยบางสิ่ง.......................อันที่จริง ใจทุกข์ เพราะขลุกขาน
ของไม่ได้ ไม่ดี เท่าที่ต้องการ.....................อุปาทาน ตัณหา สาละวน

    แทนที่จะ ยินดี สิ่งที่ได้..........................เรากลับไป ใส่ใจ สิ่งไร้ผล
แทนที่จะ สุขี มีของตน..............................เราทุกข์ท้น ที่ได้ ด้อยใครแทนฯ

๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๖

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ชาติเชื้อไทย ? : กาพย์ยานี ๑๑



ชาติเชื้อไทย ? : กาพย์ยานี ๑๑

    เพลงชาติ ผงาดเชื่อ............." รวมเลือดเนื้อ ชาติเชื้อไทย "
เตือนเว้า แต่เยาว์วัย.................ฝังใจย้ำ ทุกค่ำเช้า

    ธงชาติ-ศาสน์-กษัตริย์..........โบกสะบัด บนยอดเสา
ศูนย์รวม สวมใจเรา...................เคารพรัก สามัคคี

    บรรพชน สละชีพ..................ณ ทวีป อุดมนี้
นานเนา เฝ้ารักษ์พลี..................เราจึงมี ที่อยู่-กิน

    แผกพาน ลูกหลานไพล่.........มิใส่ใจ ลืมใฝ่สิ้น ?
รักชาติ แค่ตวัดลิ้น....................จินดาแด เห็นแก่ตน

    หลายตา ข้าราชการ..............ช่างเชี่ยวชาญ การฉ้อฉล
หากิน กับสินบน.......................จนขายชาติ พินาศนำ

    สามานย์ นักการเมือง.............คิดแค่เรื่อง อำนาจล้ำ
ทุจริต ทุกกิจกรรม......................ตะกลามงาบ กับงบประมาณ

    ประชา สาระวน......................เรื่องส่วนตน กระมลซ่าน
เสาะหา ทรัพย์สาธารณ์................ยักยอกปาน เป็นของตัว

    อนาคต คงหมดหวัง................หากไทยยัง ไม่ชังชั่ว
คดคิด จิตมืดมัว..........................เห็นแก่ตัว ทั่วชาติไทย ฯ

๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๖

สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ
ระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม 2556 
เรื่อง สถานการณ์ทัศนคติอันตรายของสาธารณชนคนไทย
ว่าด้วยการยอมรับรัฐบาลทุจริตคอรัปชั่น ถ้าตนเองได้ประโยชน์ด้วย
โดยกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุระหว่าง 30 39 ปีส่วนใหญ่หรือร้อยละ 73.0
มีทัศนคติอันตรายยอมรับได้รัฐบาลที่ทุจริตคอรัปชั่น ถ้าตนเองได้ประโยชน์ด้วย
รองลงมาคือ ร้อยละ 69.4 ในช่วงอายุระหว่าง 20-29 ปี

วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ควบคุมใจ-ควบคุมโลก : กลอนเปล่า



ควบคุมใจ-ควบคุมโลก : กลอนเปล่า


    ตื่นจากนิทรา....ณ เพลารุ่งสาง
แสงสีน้ำเงินรางๆ ส่องผ่านหน้าต่างกระจ่างทั่วห้อง
เสียงวิหคขับขาน กังวานปานระฆังทอง
สติสัมปชัญญะฟุ้งฟ่อง ล่องลอยคล้อยคืนอัตตา

    อำลาโลกแห่งความฝัน....มาประจัญโลกแห่งความจริง
อันควรยำเกรงอย่างยิ่ง เพราะสรรพสิ่งล้วนปรวนแปรควบคุมไม่ได้
จำเป็นต้องปรับตัว ต้องตื่นตัวและหัวใจ
ความฝันทั้งหลายใดๆ ต่างต้องแก้ไขให้สอดคล้องพ้องความเป็นจริง

    เมื่อมองดูโลกทั้งใบ....ก็จะมองไม่เห็นใครสักคน
โลกยิ่งใหญ่เสียจน คนต้องเตือนกมลว่า..อย่าคำแหง
อันความรู้สึกนึกคิด ความปรารถนาของจิตที่กล้าแกร่ง
คราใดเมื่อได้สำแดง แฝงอยู่ชั่วครู่ค่อยเลือนลับหาย

    ก็โลกยิ่งใหญ่ใบนี้ หาใช่โลกที่เป็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
ทุกสิ่งที่เห็น ทุกอย่างที่เป็นจึง ยากจะพึงใจของใครแม้สักคน
กฎเกณฑ์ของโลกไม่เปลี่ยนผัน กฎเกณฑ์ของชีวันไม่แปลงปรน
ประสาโลกียวิสัยวุ่นวายสับสน ไม่สมเหตุสมผล อลหม่าน

    เพราะความต้องการที่แตกต่างของผู้คน โลกยิ่งวิกฤติวิกลจนเป็นธรรมดา
พื้นฐานสัญชาตญาณสัตว์ที่หยาบช้า ไม่คณนาต่อการประหัตประหาร
ความเห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง ความดันทุรังเป็นสันดาน
โลกีย์ที่สุขศานติ์ จึงเป็นเพียงวิมานลมๆแล้งๆ

    เมื่อสิ่งที่เป็นผลลบ มากระทบกับชีวิต
ปรารมภ์วิกรมจริต ประคับประคองจิตใจให้หนักแน่น(วิกรม=ก้าวไปด้วยความกล้าหาญ)
แก้ไขได้ก็แก้ไข แก้ไม่ได้ก็อย่าไปคับแค้น
บนธรณินดินแดน
สิ่งที่แม้นมีก็เหมือนไม่มี สิ่งที่ไม่มีก็เหมือนมี

    เมื่อควบคุมโลกย์ไม่ได้ มาควบคุมใจตัวเองดีกว่า
ควบคุมความรู้สึกในอุรา ควบคุมอารมณ์ผสมผสาน
เมื่อสัมผัสสิ่งที่โลกย์เป็น แต่หาได้เป็นดั่งที่ต้องการ
ปล่อยวาง...ช่างมัน คิดอ่านการอื่นอย่าฝืนฤดี

    เมื่อควบคุมจิตใจของตนได้ โลกทั้งใบก็ไม่คณามือ
เมื่อไม่ยึดติดยึดถือ สรรพสิ่งหรือก็ไม่ระคายเข็ญ
เมื่อความกระสันสงบ ทั่วทั้งพิภพพลันบรรจบเย็น
เมื่อทำจิตใจภายในให้เพ็ญ(เพ็ญ=เต็ม)
ความเป็นอยู่ของชีวี ย่อมสุขีนิรันดร ฯ



๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๖

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Hero ไม่ต้องมีพลังวิเศษ




Hero ไม่ต้องมีพลังวิเศษ

๏ จงช่วยกัน ทำความดี.........ให้เหมือน สิ่งปกติ ที่ต้องทำ
แล้วโลกนี้ สิสวยงาม.............ด้วยเลิศล้ำ ความดี และคนดี ฯ

๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๖

ความดี แปลกพิกล ? : กลอนเจ็ด



ความดี แปลกพิกล ? : กลอนเจ็ด

    ราชพฤกษ์ ต้นนี้ แปลกพิกล........ออกดอก พิมล ปรนพรรษา
ทั้งที่ ปกติ ต้องมีนาฯ.....................เป็นหน้า ออกดอก สำรอกใบ

    แต่กลับ แตกใบ ขจายขจี...........แซมสี เหลืองสด ดอกโดดใส
มองจาก หน้าต่าง กระจ่างใจ...........ไฉไล ในอรุณ อุ่นฤดี

    เหมือนลอง มองโลก แสนวกวน...ผู้คน ฉลคิด ไม่ผิดผี
ละเลย ศีลธรรม คุณความดี.............สำราญ วิถี โลกียธรรม

    จนเป็น ปกติ โลกวิสัย................มือใคร ยื่นยาว แย่งสาวสำ(สำ=ไร้ระเบียบ)
ไม่คิด คำนึง ถึงศีลธรรม..................ตะกละ ตละตาม อำเภอใจ(ตละ=เช่น)

    แต่มี บางคน กุศลคิด.................พิจิตร พิจารณ์ พิศาลศรัย
ถือศีล ทินธรรม คำรนไท.................ธรรมา ธิปไตย เหนือใจตน

    ไม่เบียด เบียนใคร ให้ลำบาก.......ไม่อยาก ก่อกรรม ช่ำฉ้อฉล
ไม่ทิ้ง มโนธรรม ความเป็นคน...........ไม่ทน มนชั่ว มัวเมาทราม

    เมตตา ปราณี ปรียานท...............โป้ปด มดเท็จ ถ้อยเข็ดขาม(นท =ผู้บันลือ)
กุศล รักษา พยายาม.......................ละบาป หยาบกาม ทรามราคี

    พานแปลก แผกชาติ ประหลาดชน.....ชีวี พิกล พ้นโลกย์นี้
คลองธรรม์ ครรลอง ของคนดี............โดดเด่น เป็นศรี ปรีชาเอย ฯ

๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๖