ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557

หยาดเหงื่อแรงงาน : โคลงสี่สุภาพ



หยาดเหงื่อแรงงาน : โคลงสี่สุภาพ

. อากาศแสนอบอ้าว..................อวลไฉน
แดดส่องสาดปราดไป.................ปลุกร้อน
คน-สัตว์เลี่ยงหลบใน..................เนาร่ม
เหงื่อโทรมทอนแรงย้อน..............ดื่มน้ำดับระหาย ฯ

. หยาดเหงื่อจากการใช้..............แรงงาน
ยืดอายุสังขาร............................ยืนยั้ง
โรคภัยไม่คืบคลาน......................เบียนเบียด
อย่าเดียดฉันท์หยันรั้ง..................เหงื่อ=น้ำทิพย์ชโลม ฯ

. มากกว่าโหมมุ่งได้...................เงินตรา
" งาน " คือแหล่งนันทนา.............การให้
แบบฝึกหัดปัญญา.......................ปฏิบัติ
สวัสดิสนุกใกล้............................เล่น+รู้อุดมศรี ฯ

. ผ่านงานมิมอบแม้.....................ปริญญา(บัตร)
แต่ผลงาน=สัญญา.......................เปรียบได้
ประสบการณ์ปานวิชา....................สำเร็จ
เผด็จวิเศษสมให้..........................ชุบเลี้ยงชีวัน ฯ

. เสียเวลาเพราะ(ทำ)งานไซร้........ไป่มี
งานช่วยชูชีวี................................เลิศล้ำ
วันวารผ่านอย่างพี.........................คุณค่า
ความปริสุทธิ์จุนค้ำ........................สุขได้สบายสนอง ฯ

. ผลงานรองเรืองสร้าง..................ศักดิ์ศรี
บริการสาธารณ์ดี...........................ก่อเกื้อ
ประเสริฐบุญบารมี..........................สมบัติ
อัศจรรย์สวรรค์เอื้อ.........................ไป่แพ้บุญใด ฯ

. ขอเพียงทำงานให้......................สุจริต
มิโฉดฉลกลคิด..............................ชั่วช้า
เสมอมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์.........................ปกปัก
ปกเกศ ; เทวษว้า...........................วุ่นไร้ฤทัยสม ฯ

๓๑ มีนาคม ๒๕๕๗

วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557

ภาระสังคม : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



ภาระสังคม : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    ........................................งานทำ สามพัน
รับเงิน เดือนกัน........................คนละ สามหมื่น
ตำแหน่ง หน้าที่........................มีไว้ หยิบยื่น
แลกเปลี่ยน ผลดื่น.....................ประโยชน์ ส่วนตัว

    .........................................รักษา พยาบาล
พ่อแม่ ลูกหลาน........................วงศ์วาน เมียผัว
ร่วมใช้ บริการ...........................สำราญ ถ้วนทั่ว
แก่ไป ไม่กลัว...........................(มี)บำเหน็จ บำนาญ

    .........................................ทุจริต ฉ้อฉล
โกงกิน กันจน...........................เป็นกิจ พื้นฐาน
รับเงิน สินบน............................กมล สามานย์
เบียดบัง งานกาล.......................เกียจคร้าน กรรมา

    ..........................................เห็นแต่ แก่ตน
องค์กร ไม่สน............................ประจญ ปัญหา
เที่ยว-เล่น ตามใจ.......................ไม่ช่วย พัฒนา
เกลือกกลั้ว ชั่วช้า.......................หาอ้าง ยางอาย

    ..........................................ภาระ สังคม
ควรค่า อาจม.............................เสื่อมโทรม เสียหาย
ปราศจาก ประโยชน์....................ก่อโทษ มากมาย
วิกฤติ พิษร้าย............................ขายชาติ บ้านเมือง

    ..........................................พวกหนัก แผ่นดิน
อัปรีย์ ชีวิน................................จินต์ทราม ดำเนื่อง
เป็นปัญ หาให้............................อยู่ไป ก็เปลือง
แถมยัง ทำเขื่อง.........................เชิดหน้า ชูตา ฯ

๓๐ มีนาคม ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557

ดับร้อน : กาพย์ยานี ๑๑



ดับร้อน : กาพย์ยานี ๑๑

    บังอร ร้อนหรือไม่ ?........................เริ่มวันใหม่ ในเมษา ฯ
มิไร้ สายลมพา..................................รังสิมา ระอุคลาย

    ทำใจ ให้ใสเย็น.............................ความลำเค็ญ เร้นขยาย
กำจัด ขัดเคืองดาย.............................จะสบาย ไร้กังวล

    ดูไป ใครก็ต่าง...............................ตัณหาสร้าง+หาทางหน
ตอบสนอง สุขของตน..........................มิสนใจ ใครลำเค็ญ

    ยิ่งสร้าง ความเดือดร้อน...................ยิ่งเพิ่มร้อน สะท้อนเห็น
ยิ่งเสริม เติมประเด็น............................ยากเย็นใส่ ให้สังคม

    (เป็น)พื้นฐาน สันดานสัตว์................(ตั้ง)แต่อุบัติ หัดสั่งสม
มารยา ค่านิยม...................................ชูชื่นชม อุดมไท

    อย่าคล้อย ตามความเถื่อน................อย่าลืมเลือน กุศลศรัย(ศรัย=ที่อาศัย,ที่ร่มเย็น)
อย่าทำ ตามจิตใจ...............................ใต้สำนึก คึกคะนอง

    สุขงาม ความสงบ(สงบกาย+ใจ)........ในพิภพ มิเป็นสอง
คุณธรรม์ คือครรลอง............................คลายขัดข้อง หมองหม่นใจ

    สุขี (จาก)โลกียธรรม........................มักจะนำ ความ(เดือด)ร้อนให้
เร่ารุม สุมทรวงใน................................ไร้ซึ่งสุข ทุกข์แสนเอย ฯ


๒๙ มีนาคม ๒๕๕๗

ความรัก+ความพร้อม : กลอนคติสอนใจ



ความรัก+ความพร้อม : กลอนคติสอนใจ

    ลูกจ๋า.........................................ที่เจ้า ปรารถนา จะแต่งงาน
โดยที่ ฤดี ต้องการ............................พ่อแม่ เจือจาน ช่วยเหลือ

    เพชรนิล สินสอด ทองหมั้น..............ค่าจัดงาน อันฟุ้งเฟื้อ
เรือนหอ รอพ่อ แม่เอื้อ........................กูลเกื้อ เลี้ยงดู ลูกให้ ฯลฯ

    สิ่งที่ เจ้าเฝ้า จำนง.........................นั้นคง บ่งสิ่ง สัจจ์ไซร้
ว่าเจ้า ยังเอา แต่ใจ............................และไร้ วุฒิ ภาวะ

    ความพร้อม ก็ยัง บ่มี.......................ความดี ก็ยัง ปรุประ
ความสามารถ-ทัศนะ...........................ยังจะ ต้องควร ขวนขวาย

    ไม่ได้ แต่งงาน วันนี้........................ชีวี คงร้าง วางวาย
(แต่)ความไม่ พร้อมสรรพ กลับกลาย......ทำลาย ชีวิต ครอบครัว

    ความรัก หรือแค่ ความใคร่ ?.............ทำให้ กระสัน กันทั่ว ?
(แม้)ไม่พร้อม ก็ยอม พันพัว..................ไม่กลัว ชั่วร่าน พาลเขลา

    มีรัก มิใช่ สิ่งผิด.............................แต่ผิด หากคิด มัวเมา
ไม่ดู ความพร้อม ของเรา.....................ไม่เอา ใจใส่ ในกุศล

    จะขาด ความรับ ผิดชอบ..................กรอบความหมาย ความเป็นคน
อย่าหวัง ความสุข ขลุกล้น....................มีแต่ ทุกข์ท้น จนตาย ฯ


๒๘ มีนาคม ๒๕๕๗

วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557

สายรุ้ง : กลอนคติชีวิต



สายรุ้ง : กลอนคติชีวิต

    ฝนโปรย โรยบิน ประทินบ่าย.............เบาบาง พร่างพราย ขจายฟุ้ง
ละเอียด ละออง ฟ่องจรุง.....................สูรย์แสง แปลงรุ้ง ปรุงระวี

    สายรุ้ง สูงล้ำ ข้ามขอบฟ้า................บริสุทธิ์ สะดุดตา ประภาศรี
งามเคียว เรียวโค้ง รงค์รุจี.....................จำรัส ทัศนีย์ จิรนนท์(จิรนนท์=จิร-+นนท์)

    รจเรข เสกสรรค์ ปานชีวิต.................วิจิตร วัฒนา โอฬาร์ผล
ปรากฏ เป็นอยู่ สู้ดิ้นรน.........................จวบจน สิ้นวัย ชีพวายวาง

    เป็นจริง สิ่งสรรพ กลายกลับสูญ.........ปวงเลิศ เทิดทูน จำรูญ->ร้าง
ที่สุด จุดหมาย ณ ปลายทาง..................ทุกอย่าง จางหาย (เหมือน)ไม่เคยมี

    ทรัพย์สิน ยศถา บรรดาศักดิ์...............ของรัก หวงแหน แสนสุขี
ยามเมื่อ มรณา มาราวี...........................ย่อมหนี มิพ้น ยลจากจร

    ตัวกู ของกู เคยสู่ขาน........................อันตรธาน ลาญลับ ไม่กลับย้อน
สังขาร์ กายิน เคยกินนอน.......................แข็ง(ปาน)ขอน ท่อนไม้ ไร้วิญญาณ

    สัมพันธ์ สัญญา มลายหมด.................ปรากฏ สุญญา ปฏิสาร(ปฏิสาร=ปฏิ+สาร)
คติ ชีวิต พิสดาร...................................เปรียบปาน สายรุ้ง รุ่งระวี

    สายรุ้ง ฟุ้งงาม จดจำใจ......................สูรย์ไร้ สายฝน จลจากหนี
ท้องฟ้า ว่างเปล่า ราวไม่(เคย)มี...............รัศมี สีสัน บรรเจิดเอย ฯ

๒๗ มีนาคม ๒๕๕๗

วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557

เครื่องกันหนาว : กลอนจรรโลงใจ



เครื่องกันหนาว : กลอนจรรโลงใจ

    รัตติกาล นานยาว เย็นหนาวเหน็บ...........ลมลอดเล็ด ตะเข็บข้าง ผนังฝา
ส่งเสียงซู่ ขู่ขวัญ ครั่นกายา.......................ฝืนนิทรา ผ้าห่ม ถมทับกาย

    ยินใบไม้ กราวกลิ้ง วิ่งตามพื้น................ช่างคึกครื้น ชื่นบาน สำราญหลาย
เหมือนหนาวเย็น เป็นมิตร อิฎฐสบาย...........เพื่อนสหาย ไพรพนา ยามรชนี(อิฎฐ-=ความน่าปรารถนา)

    น้ำค้างพรม รมย์รื่น ร่วมชื่นชู..................เหมันตะ ฤดู สุธาศรี
หริ่งเรไร ร้องฟัง ดั่งดนตรี..........................ค่ำคืนนี้ มีการ ประชันเพลง

    เมื่อเหมันต์ หันหวน มวลอากาศ..............เย็นครอบงำ ธรรมชาติ อย่างครัดเคร่ง
คนต้องหา เครื่องคลายหนาว กันเอาเอง.......ไม่มัวเกรง กลัวกาล ที่ผันแปร

    เปรียบเสมือน วิบากกรรม ตามให้ผล........ต้องผจญ เคราะห์เข็ญ ยากเร้นแล้
ปริวิตก โศกเศร้า เนาดวงแด.......................มิช่วยแก้ ปัญหา ชีวามี(ปริวิตก=นึกเป็นทุกข์ใจ)

    หากุศล หนทาง สร่างทุกข์โศก...............วิปโยค โรคใจ ได้หลีกลี้
แม้วิบาก หนักหนา ยังราวี..........................ดวงฤดี มิพรั่น ด้วยปัญญา

    ถึงทุกข์โศก โรคภัย ทำให้หนาว.............กุศลผ่าว เร่าอุ่น ละมุนหนา
ถึงบอบช้ำ กรำตรม กรมกายา.....................แต่อุรา ผาสุก สนุกนอง

    เครื่องกันหนาว คลุมกาย ไม่กลัวหนาว.....ชมหมอกขาว เช้าตรู่ สู่ฉลอง
กุศลธรรม ค้ำใจ เกรียงไกรจอง...................วิบากท่อง ผ่องทิศ ชีวิตเทอญ ฯ


๒๖ มีนาคม ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557

เหลือบสังคม : กาพย์ยานี ๑๑



เหลือบสังคม : กาพย์ยานี ๑๑

    สังคม อุดมเหลือบ....................เฝ้าแฝงเคลือบ พุทธศาสนา
ครองผ้า กาสาวา..........................โกนศีรษะ เลียนระบิล(กาสาวา=กาสาวะ)

    จากคน เคยจนตรอก.................พงศ์ขี้ครอก บ้านนอกสิ้น
บวชมา มุ่งหากิน..........................แสวงลาภ และสักการ

    สัมมา จริยวัตร.........................เว้นปฏิบัติ ปทัสถาน(ปทัสถาน=แบบแผนแนวปฏิบัติ)
ชอบทำ ตามสันดาน......................โฉดสามานย์ เช่นพาลชน

   หมั่นแต่ แบมือขอ......................พูดหลอกล่อ จ้อบุญผล
สร้างสวรรค์ วิมานดล.....................ให้คนจง หลงมัวเมา

    ข้าวปลา อาหารเลิศ..................ถวายข้าเถิด คนโง่เขลา
เงินทอง ต้องนำเอา.......................มอบให้ข้า บูชาคุณ

    ยกตน ล้นวิเศษ........................ทรงฤทธิเดช เลศสถุล
เป็นเชื้อ เนื้อนาบุญ.......................มาโปรดสัตว์ ทรรศไนย

    กินอยู่ อย่างหรูหรา...................ยกฐานะ ราชะไหว้
เบียนเบียด เสนียดจัญไร................ไถคนยาก ถากคนจน

    อ้างเพื่อ เอื้อพุทธศาสน์.............อวดอุบาทว์ อำนาจล้น
สร้างทำ กรรมสัปดน.....................จนคนเลื่อม(ใส) เอือมระอา

    อย่าว่า แต่จะไหว้.....................แค่เห็นได้ ให้เหม็นหน้า
อลัชชี มีมารยา............................เสมือนเหลือบ เขมือบสังคม ฯ


๒๕ มีนาคม ๒๕๕๗

วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2557

ทำวันนี้ให้ดีที่สุด : กลอนคติสอนใจ



ทำวันนี้ให้ดีที่สุด : กลอนคติสอนใจ

    ฝนตก เมื่อคืน.................ยังความ ชุ่มชื้น ยามเช้า
ร้อนพลัน บรรเทา................ลมหนุน เนื่องเนา เบาหวิว
ใบไม้ แห้งเกลื่อน................ถูกลม พัดเคลื่อน เลื่อนปลิว
ดินรอย พร้อยริ้ว..................ฝนหยาด วาดพลิ้ว พรรณราย(พรรณราย=งามผุดผ่อง)

    (ฤดู)หนาวที่ ผ่านมา........หนาวกัน นานกว่า ทุกปี
แล(ฤดู)ร้อน ปีนี้..................(คง)ร้อนนาน กว่าปี มีหลาย
เวลา เดินหน้า.....................ไม่เคย ว่าจะ กลับกลาย
จะดี หรือร้าย......................สุดท้าย (ต้อง)ยอมรับ กับ(ความเป็น)จริง

    อยู่กับ วันนี้....................ให้มี ความสุข ที่สุด
อย่ามัว ยื้อยุด.....................จงหลุด จากสรรค์ ฝันสิง
อดีต ผ่านใด.......................มิอาจ เอื้อมใช้ อ้างอิง
อนาคต (ทั้ง)หมดยิ่ง............ล้วนสิ่ง ยากจัก คาดเดา

    ควรทำ ขณะนี้.................ให้ดี สุดความ สามารถ
แม้มี ผิดพลาด....................เกินคาด ก็อย่า ขลาดเขลา
เรียนรู้ แก้ไข......................หนักแน่นไว้ มิใจเบา
ชีวิต คนเรา........................คงทำ ผิดเท่า ตราบตาย

    อุตส่าห์ พยายาม.............ทำความดี มีศีลสัตย์
อิทธิ จริยวัตร......................ขจัด ทุกข์เศร้า โศกหาย
กุศล ดลดาล......................ให้สุข สำราญ (ตราบ)บั้นปลาย
ชีวา สบาย.........................ใจ-กาย บริสุทธิ์ ดุษฎี ฯ (ดุษฎี=ความยินดี)


๒๔ มีนาคม ๒๕๕๗

วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2557

เมื่อโลกวิปริต : กลอนคติเตือนใจ



เมื่อโลกวิปริต : กลอนคติเตือนใจ

    เกิดพายุ ฤดูร้อน ก่อนหัวค่ำ................ลมกระหน่ำ คร่ำครวญ ชวนผวา
เมฆสีเทา เข้ากุม คลุมนภา.....................เสียงสายฟ้า ผ่า-แลบ แทบตกใจ

    มิทันไร ไฟฟ้า ก็มาดับ.......................ความมืดมิด สนิทนับ สิ่งสรรพไม่
นภามี แสงผ่อง ส่องอำไพ......................บันดาลให้ ได้เห็น ความเป็นจริง

    ต้นไม้โดน ลมทึ้ง รึ้งลากฉุด................กิ่งใบหลุด ร่วงลิ่ว ปลิวว่อนวิ่ง
ฝุ่นดินพุ่ง ฟุ้งกระจาย เรือนไหวติง............เผลอตัวพิง เสาไว้ ไม่(ให้)โอนเอน

    ฝนรินโรย โปรยปราย ไม่กี่เม็ด............แต่ฤทธิ์เดช แรงลม โถมถาเห็น
พลังพายุ ฤดูร้อน สะท้อนเป็น.................ธรรมชาติสูญ สมดุลเร้น เซ่นเภทภัย

    โดนพายุ ลูกเห็บ ก็หลายแห่ง.............มีบางแหล่ง ไม่เบา (ขนาด)เท่าไข่ไก่
ทะลุหลังคา บ้านช่อง ต้องบรรลัย............ผลผลิต เสียหาย พ่ายหมดตัว

    ยิ่งนับวัน มหันตภัย ในธรรมชาติ..........ยิ่งอุบาทว์ รุนแรง แปลงเปลี่ยนทั่ว
(แต่)คนโลภมาก ทั้งหลาย กลับไม่กลัว....เห็นแก่ตัว ชั่วกล้า หล้าทำลาย

    อนาถใจ ประเทศไทย แทบไร้ป่า........อนิจจา ป่าสงวน ล้วนหดหาย
ถูกบุกรุก ต้นน้ำ ตามสบาย....................ข้าราชการ ตัวร้าย ช่วยนายทุน

    เมื่อป่าสิ้น ดินไม่คลุม (ย่อม)หมดชุ่มชื้น....ทั่วทั้งพื้น พสุธา ชีวาสุญ
อากาศปรวน รวนแปร แลชุลมุน...............พายุหมุน-น้ำท่วม อ่วมอรทัย

    ธรรมชาติ ทั่วโลกา วิปริต.....................ทุกชีวิต คิดหนี (ไป)อยู่ที่ไหน ?
ล้วนแต่ต้อง พ้องพาน มหันตภัย................ปราศจากสุข ทุกข์ไส จวบตายเอย ฯ


๒๓ มีนาคม ๒๕๕๗

วันเสาร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2557

พวกกูไม่ผิด : กลอนการเมือง



พวกกูไม่ผิด : กลอนการเมือง

    โดนไม่โดน เลขบน-ล่าง กูยังล็อก..............(ขายข้าว)จีทูจี กูหลอก บอกเห็นๆ
ฉีกกฎหมาย รัฐธรรมนูญ สูญกฎเกณฑ์...........M79 เอา(มา)ยิงเล่น ไม่เป็นไร ฯลฯ

    พวกกูทำ กรรมใดๆ ไม่เคยผิด....................แม้ทุจริต คดโกง ก็โปร่งใส
ดูขนาด ราชประสงค์ กูจงใจ...........................ปล้น-เผาไหม้ กูยังได้ เป็นรัฐบาล !

    ก็แค่เอา เงินมากมี ที่โกงมา.......................ซื้อขี้ข้า ขี้โกง พงศ์ควายขาน
ยศ-ตำแหน่ง แต่งบรรดา ข้าราชการ-................โสเภณี ขี้คร้าน กรานกราบกู

    ใครมีเงิน มีอำนาจ ในชาตินี้........................ควายยินดี เป็นขี้ข้า หาอดสู
สั่งให้ทำ ตามทุกอย่าง ช่างชื่นชู......................คนอย่างกู จึงอยู่ยง คงกระพัน

     "เป็นประชา ธิปไตย" คล้ายคำสั่ง.............."มาจากการ เลือกตั้ง" อ้างขยัน(ขยันอ้าง)
(กู)ผิดกฎหมาย ใครฟ้อง ยิงพ่องมัน..................ยิงทุกวัน มั่นใจ (ตะกวด)ไม่จับกู

    ศาลตัดสิน ไม่ถูกใจ (กู)ไม่ยอมรับ................"สองมาตรฐาน" สวนกลับ ขับเคลื่อนสู้
"แยกประเทศ ล้านนา" ท้าทายชู....................."สงครามกลาง เมือง"ขู่ สูต้องตาย

    พวกกูทำ อะไร ไม่เคยผิด...........................ถ้ากูผิด ก็โทษ ที่กฎหมาย
โทษองค์กร อิสระ ตามสบาย...........................สูทั้งหลาย แลผิด (อย่า)คิดเถียงกู ฯ


๒๒ มีนาคม ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557

ไร้กลีบกุหลาบ : กลอนคติสอนใจ



ไร้กลีบกุหลาบ : กลอนคติสอนใจ

    ตะวัน ยอแสง..................จำแลง นภา ผ่องศรี
ใกล้ตรา ราตรี......................รุจี จรัส ประภัสสร
ขอบฟ้า ประจิม....................เปรมปริ่ม สีสัน บัญชร
สัญญาณ์ หน้าร้อน................สะท้อน ขอบฟ้า นภดล

    สิ้นสุด อุตส่าห์.................ภาระ หน้าที่ อาชีวะ
ถึงแม้ ว่าจะ.........................ประสบ ขรุขระ ตลอดหน
ไร้กลีบ กุหลาบ....................ยล(แต่)หนาม หยาบกล้า ระคน
ก็พอ ผ่านพ้น.......................ชีวา ถนน ทนทาน

    ทบทวน หวนคิด...............ทำผิด พลาดบ้าง อย่างไร ?
เหตุหา ไฉน ?......................แก้ไข ใคร่ครวญ ทวนฐาน
บทเรียน เพียรพิศ.................ชีวิต จิตใจ ชัยชาญ
เอาประ สบการณ์..................เสมือน อาจารย์ อัญชุลี

    เรียนรู้ อะไร ?...................จากใคร ได้บ้าง หรือเปล่า ?
อย่ามัว มึนเมา......................เอาแต่ ถนัด บัดสี
กามา วิสัย...........................หลงใหล ไม่หนุน คุณมี
ล่อลวง ฤดี...........................ให้เสีย สติ ศีลธรรม

    เวลา ผ่านไว.....................อย่าให้ ผ่านไป เสียเปล่า
กิจผอง ของเรา.....................จงเอา ใจใส่ ให้สำ-
คัญทุก ๆอย่าง.......................เพราะต่าง สร้างวิ บากกรรม
บาปหนา อย่าทำ....................กุศล กลพร่ำ บำเพ็ญ

    รชนี ทีไร.........................จะได้ นิทรา ตาหลับ(รชนี=กลางคืน)
ตราบใด ตายดับ.....................ใจกลับ ไม่กลัว ทั่วเห็น
บุญทาน ที่ทำ........................น้อมนำ งามพบ สงบเย็น
กำเนิด เกิดเป็น.......................ว่างเว้น ทุคติ วิบูล ฯ


๒๑ มีนาคม ๒๕๕๗

วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2557

จับปลาสองมือ : กาพย์ฉบัง๑๖



จับปลาสองมือ : กาพย์ฉบัง๑๖

    สายตาที่เธอทอดให้.................บอกความในใจ
ทำไมฉันจะไม่รู้

    แต่เดินข้างเธอเคียงคู่................ควงแขนแน่นอยู่
ใครดูก็รู้(ว่าเป็น) " คนรัก "

    เหตุไฉนใจเธอจึงจัก..............ทอดสะพานทัก
อยากรักกับฉันงั้นหรือ ?

    เข้าตำรา " จับปลาสองมือ ".............หลายใจร้ายคือ
ท่านถือว่าไม่ซื่อสัตย์

    หากไม่มั่นใจใคร่คัด(เลือก).................อย่ารีบเร่งรัด
ผูกมัดใครให้เป็นแฟน

    เมื่อรักกันมานหวงแหน................ถูกทิ้งทอดแม้น
จักเจ็บแค้นแสนเสียใจ

    อาจจะนำพาเภทภัย...............อันตรายมาให้
ฆ่ากันถึงตายหลายเห็น

    ทิ้งคนรักทักเป็นเวร..............เป็นกรรมลำเค็ญ
หาใช่เช่นเร้นบาปผล

    ก่อนคิดคบใครสักคน...............เธอจงอดทน
ศึกษามานจนมั่นใจ

    เมื่อคบหาคู่คราใด..............รักหนักแน่นไว้
อย่าเปลี่ยนไป-มา...นะเออ ฯ


๒๐ มีนาคม ๒๕๕๗

วันพุธที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2557

ทาสน้ำนม : กลอนคติเตือนใจ



ทาสน้ำนม : กลอนคติเตือนใจ

    มีลูกเพื่อ พึ่งพา แก้อัตภาพ............ความคิดบุญ หรือบาป พอทราบไหม ?
คนเราควร เกิดมา เพื่ออะไร ?..................ใช่หรือไม่ (ควร)ตรามาตร " ทาสน้ำนม " ?

    มีเงินถุง เงินถัง ก็ช่างเถอะ..................(เกิด)เป็นลูกท่าน หลานเธอ ปรนเปรอะถม
กองมรดก ตกทอด ยอดนิยม...................ชีวิตชม รมย์ชื่น รื่นอุรา

    แต่คนยาก คนจน คนลำบาก................ไม่กระดาก มากลูก ผูกปัญหา
เลี้ยงตัวเอง ยังไม่รอด ขอดปัญญา............ยังผลิตลูก เพื่อมา ช่วยหาเงิน

    ลูกเป็นแค่ เครื่องมือ หรือสินค้า............หรือยิ่งกว่า ข้าทาส แก้ขัดเขิน
เลี้ยงอดๆ อยากๆ ตรากตรำเกิน................ให้ประเชิญ ปัญหา สารพันมี

    เอาระบาย อารมณ์-ข่มขืน-เฆี่ยน............ขายบริการ พาลเสี้ยน เพียรบัดสี
ขายแรงงาน เด็กน้อย ถ่อยเถื่อนที.............ใช้เยี่ยงสัตว์ วัตรกดขี่ นี้หรือคน ?

    กตัญญู กตเวทิตา วจีกรอก..................คอยลวงหลอก บอกสู่ เป็นกุศล
ชีวิตลูก ถูกถ่อง ต้องอดทน......................เท่ากับทาส อนาถตน จนตราบตาย

    มันชอบธรรม หรือไม่ ควรใคร่คิด...........บังคับ(เกิดมา)มี ชีวิต ติดเป้าหมาย
เห็นแก่ตัว ชั่วช้า (เพราะพ่อแม่)อยากสบาย...ไม่ละอาย ใจหยาบ บาปโสมม

    ไร้บุญคุณ ข้องแวะ มีแต่เวร..................เปลี่ยนลูกเป็น ปศุสัตว์ อุบาทว์สม
ทำลูกเกิด เพื่อมา ทุกข์ระทม....................บาปกรรมกรม ห่มไห้ คงได้คืน ฯ


๑๙ มีนาคม ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2557

จงทำเช่นนี้ แล้วคนดีจะตีจาก : กาพย์ยานี ๑๑



จงทำเช่นนี้ แล้วคนดีจะตีจาก : กาพย์ยานี ๑๑

    จงเป็น หญิงใจง่าย.................ปวงโฉดชาย ชอบกรายหา
ลิ้มกอง ลองกายา.......................ก่อนอำลา ละเหลียวแล

    คนดี จะตีจาก........................(เพราะ)รังเกียจซาก ไม่อยากแม้
พบ-ปัน สัมพันธ์แปร....................มีแต่ตรม ซมน้ำตา

    จงเป็น คนทุจริต.....................สามานย์ชิด จิตชั่วช้า
คนพาล ลานหลากพา..................(จะ)ร่วมคบหา สมาคม

    คนดี จะตีจาก.........................เพราะไม่อยาก กักขฬะสม
คบ(คน)ชั่ว ทั่วระทม....................ปราชญ์อบรม มานมนาน

    จงเป็น (คน)เห็นแก่ได้..............จิตสาไถย จัญไรหาญ
ทำชั่ว ทั่วชำนาญ........................แลกกับการ (ได้)ผลตอบแทน

    (จะ)ไม่ขาด คนบัดซบ..............เวียนมาคบ สมทบแสน
ชวนทำ ชั่วทั่วแดน.......................ไป่คลาดแคลน แหนประจำ

    คนดี จะตีจาก..........................(เพราะ)กลัวลำบาก หากเกลือกกล้ำ
(คน)เห็นแก่ได้ หัวใจดำ................อำมหิต ผิดผู้คน

    จงเป็น คนสับปลับ....................(จะ)ไร้คนนับ ถือชื่อฉล
คบใคร ไม่ทานทน........................มีแต่คน เมินไว้ใจ

    คนดี จะตีจาก...........................(เพราะ)เชื่อใจยาก คบไม่ได้
ตนโฉด อย่าโทษใคร.....................อยู่ต่อไป ตายทั้งเป็น ฯ


๑๘ มีนาคม ๒๕๕๗

วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2557

วีรชน คนไทย : กลอนการเมือง



วีรชน คนไทย : กลอนการเมือง

    เราไม่ใช่ สมาชิก ประชาธิปัตย์...........แต่รักชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ นิรัติศัย
สำนึกถึง คุณธรรม ความเป็นไทย............เมื่อมีภัย มุ่งร้ายชาติ มิอาจละเลย

    ภัยเกิดจาก ทักษิณ โกงกินชาติ..........ทั้งก่ออาช (ชะ)ญากรรม ลุกลามเฉย
ละเมิดหมด กฎหมาย ตามใจเกย............อย่างเปิดเผย เคยตัว ชั่วสิ้นดี

    เราไม่ได้ ไปแย่ง แบ่งประโยชน์..........แต่ต้องโอด ครวญว่า ณ บัดนี้
ประเทศไทย ใกล้กาล มิคสัญญี..............เพราะไพร่ผี เผาไทย ใคร่(รักษาอำนาจ)ปกครอง

    สามปีที่ อีโง่ อวดโอหัง.....................ดันทุรัง บริหาร ด้านสมอง(สมองด้าน)
สร้างปัญหา สารพัด อุบาทว์ นอง.............จนพี่น้อง ผองไทยไร้อภิรมย์

    มีแค่พรรค พวกมัน ที่สันติสุข.............(แต่)คนทั่วไทย ได้ทุกข์ รุกทับถม
นโยบาย ตายห่า ประชานิยม..................สร้างหนี้จม สมใจ ไพร่สารเลว

    เมื่อพบว่า อนาคต สิ้นสดใส...............เห็นถนัด ชาติไทย ใกล้ดิ่งเหว
เสื้อแดงผยอง ครองเมือง เฟื่องเย้ยเย้ว....บ้านเมืองแตก แยกเหลว เป็นเปลวไฟ

    สำนึกบอก จงออกมา รักษาสิทธิ์.........รักษาชีวิต อิสระ อย่าหวั่นไหว
รักษาแผ่น ดินทอง ถิ่นของไทย..............เพื่อลูกหลาน บั้นปลาย ได้อยู่เย็น

    เราเป็นไทย ใจงาม รักความสงบ..........แต่เมื่อพบ การกดขี่ ริปูเข็ญ
ก็ไม่ยอม ก้มหน้า น้ำตาเน้น.....................ขอสู้เช่น วีรชน คนไทยเอย ฯ


๑๗ มีนาคม ๒๕๕๗

วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2557

คุณค่าน้อยกว่าแมลง : โคลงสี่สุภาพ



คุณค่าน้อยกว่าแมลง : โคลงสี่สุภาพ

. แลตะวันล่วงพ้น..................ขอบ นภา
ใบ(ไม้)ใหม่ในพนา.................ผลิแย้ม
คาบจักจั่นลอกคา...................คบ(ต้น)พอก
ชีวิตใหม่เริ่มแต้ม....................แต่งร้องบรรเลง ฯ

. เป็นบทเพลงกล่อมให้...........คิมหันต์
เสมือนสิ่งอัศจรรย์...................เอ่อท้น
สิบกว่าปีชีวัน(ตัวอ่อนจักจั่น)......ซ่อนแอบ
แทบไม่เห็น(สิ่ง)ใดพ้น.............เพียงพื้นพสุธา ฯ

. จักจั่น(โผล่)มาเพื่อพ้อง........ผสมพันธุ์
ก่อนที่คราคิมหันต์...................สุดสิ้น
ปัจฉิมแห่งชีวัน.......................บรรจบ
ลบเลือนการรนดิ้น...................ด้วยซากสังขาร ฯ

. ชาติมนุษย์แตกต่างล้วน........เหล่าแมลง
หากแต่ยังสำแดง....................ส่วนคล้าย
(บางคน)ฝักใฝ่ผสมพันธุ์แฝง....วิกฤติ
ชีวิตต่ำตกร้าย........................ถึงสิ้นลมปราณ ฯ

. (บางคน)สมองมีมิชอบใช้......ตรึกการณ์(การณ์=เหตุ,เค้า,มูล)
ทรงแต่สัญชาตญาณ................เชิดหน้า
ทำตนเยี่ยงเดรัจฉาน.................สัตว์ป่า
กรำแต่ราคะกล้า.......................มืดหน้าตานัว ฯ

. เมามัวฝักใฝ่(เรื่อง)ไร้.............ประโยชน์
ทำแต่กรรมเป็นโทษ..................แผ่กว้าง
นิสัยสันดานโฉด.......................ฉลชั่ว
หัวคิดสามานย์สร้าง...................เสาะเว้นศีลหวัง ฯ

. ประเมินคุณค่าน้อย.................กว่าแมลง
ผลาญทรัพยากรแปลง................เปลี่ยนย้าย
ประดุจกาฝากแฝง.....................เป็นอยู่
ตกสู่ทุคติท้าย...........................หลังไร้ชีวา ฯ


๑๖ มีนาคม ๒๕๕๗

วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557

วัยเยาว์ อย่าเอาแต่เล่น : กลอนหก



วัยเยาว์ อย่าเอาแต่เล่น : กลอนหก

    ปิดเทอม อย่าเริ่ม แต่เล่น.............ดั่งเช่น เฉกลิง สิงค่าง
ช่วยงาน ครอบครัว ตัวบ้าง...............เราต่าง (ต้อง)พึ่งพา อาศัย

    ลองนำ ความคิด พิศดู.................ใครอยู่ รอดด้วย (แค่การ)หายใจ ?
เป็นคน ไม่พ้น กิน-ใช้......................ปัจจัย จำเป็น เฟ้นหา

    เกื้อหนุน จุนเจือ ชีวิต..................คิดเผื่อ เมื่อ(ยาม)แก่ ชรา
เจ็บไข้ ไม่แจ้ง ล่วงหน้า...................เงินตรา หาเผื่อ เหลือออม

    ครอบครัว ญาติมิตร สหาย............มากมาย แวะเพียร เวียนพร้อม
ร่วมใช้ ร่วมกิน ยินยอม.....................ถนอม ไมตรี ปรีดา

    กำลังทรัพย์ กำลังใจ....................ล้วนได้ ด้วยการ ศึกษา
พื้นฐาน บันเทิง อุรา.........................ใช่ว่า ด้วยทำ ตามสบาย

    ฝึกตน เสียแต่ วัยเยาว์...................คอยเอา ใจถ้วน ขวนขวาย
ทักษะ ชีวา ประปราย........................ต้องตาย ถ้าใคร ไม่มี

    สัตว์เล่น เห็นการ เรียนรู้.................เพื่อสู้ อยู่รอด หลบหนี ฯลฯ
คนเล่น ประโยชน์/โทษมี ?.................(ถ้า)ได้ดี เล่นเทอญ เชิญชวน

    เวลา-อายุ จำกัด..........................ผ่านไป ไม่อาจ พัดหวน
เลือกทำ เลือกขบ ทบทวน.................ให้ควร คลองธรรม์ จรรยา

    เมื่อใคร วัยเยาว์ เมาเล่น................เติบใหญ่ (ย่อม)ไม่เร้น ปัญหา
ตัวอย่าง มากมาย นัยนา....................อุตส่าห์ อย่าเล่น เช่นลิง ฯ

*เล่นบ้าง อย่างสร้างสรรค์
เล่นได้ แต่ให้แบ่งเวลาอย่างเหมาะสม
เล่นแต่พอสมควรแก่ กาละ เทศะ ภาระ หน้าที่
อย่าเล่น จนทำให้ตัวเอง-คนอื่นเดือดร้อน ลำบาก
อย่าเล่น จนละเลยการสร้างอนาคตที่มั่นคง
อย่าเล่น จนทอดทิ้งการพัฒนาสติปัญญา อารมณ์ ความคิด จิตใจ
อย่าเอาแต่รักสนุก อนาคตจะเดือดร้อน

๑๕ มีนาคม ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2557

สิ่งล่อใจวัยรุ่น : กาพย์ยานี ๑๑



สิ่งล่อใจวัยรุ่น : กาพย์ยานี ๑๑

    ป.๕ ใส่น้ำหอม..........................แต่งตัวพร้อม (ไป)เรียนหนังสือ
เป้าหมาย อะไรฤา ?........................ถือผดุง สิ่งจรุงใจ

    ลูกจ๋า อย่าเบาจิต........................มัวเมาคิด ผิดวิสัย
โลกา คละเภทภัย...........................สิ่งล่อใจ ให้หลงทาง

    คนหลาย ใคร่ราคี........................ใจกาลี เยี่ยงผีสาง
ชั่วฉล สนแต่ย่าง.............................ทางทุจริต ผิดจรรยา

    คิดใกล้ ใคร่สนุก..........................ไม่มีสุข (กับ)การศึกษา
ไม่ชอบ มีวิชา.................................ไม่พัฒนา ทักษะตน

    ไม่(ชอบ)คิด ชีวิต(จึง)โง่...............ถูกล่ามโซ่ ตะพายสน
รักสนุก จึงทุกข์ทน...........................(ยาก)จน-ลำบาก ต้องตรากตรำ

    ไม่รู้ ละเรื่องชั่ว............................เข้าพันพัว หัวจิตพล้ำ(พล้ำ=พลาดถลำ)
ติดใจ จนใฝ่ต่ำ................................ชีพ(จึง)ระกำ ทุกข์ลำเค็ญ

    คนใด ใคร่ความดี.........................จึงจักมี สิริเห็น
เพลิดเพลิน จำเริญเป็น......................อยู่เย็นสุข ทุกคืนวัน

    เป็นคน ปองค้นคิด........................ความถูก-ผิด (ส่งผลให้)ชีวิตผัน
ละเขลา รู้เท่าทัน..............................หันห่างจริง สิ่งล่อใจ ฯ


๑๔ มีนาคม ๒๕๕๗

วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2557

ถอนรากทักษิณ : กลอนการเมือง



ถอนรากทักษิณ : กลอนการเมือง

    กลอนแต่ง ร่วมแสดง ความยินดี........คนไทย ไร้หนี้  2.2 ล้านๆ
อิดหนา ระเหี่ย ดอกเบี้ยบาน.................รัฐมาร หมั่นกู้ ลุโกงกิน

    มีอีก มากมาย หลายข้อหา...............รอฟัง พิพากษา ว่าโกง(ทั้ง)สิ้น
เพื่อไทย ? เพื่อใคร ? เพื่อทักษิณ !! ......แผ่นดิน ภินท์พัง ช่างชาติไทย(ภินท์=แตกทำลาย)

    อ้างว่า มาจาก การเลือกตั้ง...............ดันทุรัง สร้างแส่ แต่สาไถย
ทุกสิ่ง ที่ทำ ล้วนตามใจ.......................ละเมิด กฎหมาย ไร้ขื่อแป

    สมญา นายกฯ โลกเรียก "(อี)โง่"........ชอบโร่ โชว์แรด และตอแหล
พูดผิด ทำผิด คือกิจ(ของ)แก..............เที่ยวแต่ ต่างแดน แสนด้านชา(ละทิ้งหน้าที่)

    เผาไทย จนได้ เป็นรัฐบาล...............ผลาญไทย ให้ลาญ ล้นปัญหา
ค่าแรง ค่าข้าว ฯลฯ(มอม)เมามายา.........รากหญ้า รากเลือด แห้งเหือดตาย

    ยุไทย ให้แตก แยกแผ่นดิน...............ทักษิณ ชาติชั่ว ทั่วชาติขาย
ขนเขมร เข้ามา ฆ่า-ทำลาย....................คนไทย วายวอด ทอดชีวี

    จะมี (แผ่นดิน)ที่ไหน ให้ไทยอยู่ ?......จงสู้ มุไป ไม่ถอยหนี
ถอนราก ถอนโคตร คนอัปรีย์.................อย่าให้ ได้มี ที่ยืนเอย ฯ

๑๓ มีนาคม ๒๕๕๗