ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ทำชั่วไม่ใช่กำไรชีวิต : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



ทำชั่วไม่ใช่กำไรชีวิต : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    ................................" ฉันได้ กำไร "
คิดอ่าน มั่นใจ..................เมื่อไร ทำชั่ว
กมล คนเขลา..................โฉดเฉา เมามัว
เห็นแต่ แก่ตัว..................ชั่วช้า สามานย์

    ................................ยกการ เอาเปรียบ
เฉลียว ฉลาดเพียบ...........เฉียบแหลม ฉาดฉาน
เป็นประ โยชน์ผล.............ที่ดล บันดาล
มอบสุข สำราญ................ไพศาล พิจิตร

    .................................คนดี คิดได้
ทำชั่ว มิใช่.......................กำไร ชีวิต
หากเป็น อกุศล.................โฉดฉล ทุจริต
บาปกรรม ตามติด..............ลิดรอน ชอนไช

    .................................." ทำชั่ว=ขาดทุน "
อุรา อาดุร.........................คุณค่า หา(มี)ไม่
ก่อทุกข์ แก่เขา..................ย้อนเรา กลับไป
บ่มี กำไร..........................อันใด ได้แทน

    ..................................ต้องการ กำไร
" ดี " สร้าง ตั้งใจ................อย่าได้ หวงแหน
ทำดี แด่เขา.......................เราไม่ ขาดแคลน
สิ่งดี ดื่นแสน......................มาดแม่น คืนมา

    ..................................." ทำดี ได้ดี "
กำไร มากมี........................ปานที่ ปรารถนา
ตามกฎ แห่งกรรม................ธรรมชาติ สัจจา
ศีลวัตร ศรัทธา....................สุขสบาย ใจเอย ฯ

๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ปลดปล่อย : กลอนคติชีวิต



ปลดปล่อย : กลอนคติชีวิต
(ฉันทลักษณ์ที่ผมคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง)

    ครึ้มฟ้า ครึ้มฝน................ครึ้มจน สุริยน ห่างหาย
เมฆา กระจาย......................เรียงราย ไคลรอบ ขอบนภา

    รอฟ้า รอฝน....................รอจน รนนาถ ปรารถนา(นาถ=ที่พึ่ง)
เหม่อมอง ท้องนา.................ไม่มี ชีวา ชัชวาล

    อุรา สงบ........................ประสบ สัจจะ สังสาร
มัวทุกข์ ทรมาน....................ไม่เห็น เป็นการ กระไร

    เมื่อฝน ไม่ตก..................กลุ้มอก มิแล แก้ไข
ตกลง ปลงใจ.......................อย่าไป พิไร รำพัน

    เมื่อฝน จะตก...................อย่าปก อย่าคิด ปิดกั้น
จะไม่ มีวัน...........................มีอัน สมหวัง ดั่งจินต์

    ชะตา ลิขิต.......................ชีวิต ปานฝน ชลสินธุ์
(บางครา)ไหลเฉื่อย เรื่อยชิน....บางครั้ง หลั่งริน ภินท์พา(ภินท์=ทำลาย)

    บ้างสุด หยุดนิ่ง.................ทอดทิ้ง ธรรมชาติ วัสสา(วัสสะ=ฤดูฝน)
ทอดทิ้ง ท้องนา.....................ทอดทิ้ง ชีวา ชลาลัย

    เป็นเรื่อง ปกติ....................วิถี โลกา นราศัย(นราศัย=นร+อาศัย)
ประจำ ทำใจ..........................อย่าไป ยึดมั่น บันเทิง

    ไร้แสน แก่นสาร..................ชีพวาร อันร้าง ว้างเวิ้ง
เกิด-ตาย กายเบิ่ง....................ยุ่งเหยิง(ใจ)อยู่ใย ให้รำคาญ

    อุรา สงบ...........................ประสบ พบสุข ปลุกศานติ์
ปลดความ ต้องการ..................ทะเยอ ทะยาน มลานเอย ฯ(มลาน=เหี่ยว,แห้ง,ตาย)

๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

อยู่เย็น อย่าเป็นทุกข์ : กาพย์ยานี ๑๑



อยู่เย็น อย่าเป็นทุกข์ : กาพย์ยานี ๑๑

    ฟ้าใส ชายคาส่อง...................สวยผุดผ่อง รองอุษา
ชื่นชู สุริยา................................รุจิรา อาภาเรือง

    ปักษา ประสานเสียง................สุขสำเนียง เพรียงพร้องเนื่อง
พนัส ภัทรประเทือง......................ฟุ้งเฟื่องให้ ได้อภิรมย์

    วันวาร ผันผ่านไว.....................มิทันไร ก็สายสม
มุ่งหน้า มิปรารมภ์.........................ระดมกิจ พิชยา

    วันใหม่ มากมายมี.....................สิ่งใหม่ที่ ชีวีท้า-
ทายพบ ประสบพา........................ประเชิญใจ ไปประจัญ

    มีทั้ง สิ่งสร้างเสริม....................นวเริ่ม เพิ่มหฤหรรษ์
มีทั้ง สิ่งสร้างทัณฑ์.......................กดดันจิต คิดใคร่ครวญ

    ปรับตัว กับหัวจิต......................ปรับชีวิต ทิศถ่องถ้วน
คิดสรร สิ่งอันควร..........................กระบวนกรรม ธรรมจารี(ธรรมจารี=ผู้ประพฤติธรรม)

    อยู่เย็น อย่าเป็นทุกข์..................ร้อนเร่ารุก ผูกโลกย์นี้
ต่อให้ ใครไร้ / มี...........................แก่นชีวี มิต่างกัน

    สูง-ต่ำ-จน-ร่ำรวย......................ขี้เหร่-สวย->ม้วยอาสัญ
ฉลาด-เซ่อฯลฯ เสมอกัน..................กลาย(เป็น)เถ้าถ่าน ณ เชิงตะกอน ฯ

๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗

วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

กิเลสจูงเจตทุกข์ : กลอนเจ็ด



กิเลสจูงเจตทุกข์ : กลอนเจ็ด

    อาทิตย์ อัศดง องค์ปัจฉิม................สุดริม ขอบฟ้า ชลาศัย
พรายพรรณ พวยพลุ่ง รุ่งอำไพ..............ค่อยเลือน เคลื่อนไหล ให้ราตรี

    นกเขา เจ่าจับ ไม่ขับกู่.....................เคียงคู่ อยู่นิ่ง ยิ่งสักขี
ความหนาว เข้าคลุม สุมทวี...................ป่าดง พงพี ใกล้นิทรา

    คืบคลาน เข้าสู่ ความสงบ.................พิภพ ลบเลือน วิหิงสา
หรีดหริ่ง เรไร ไพรพนา.........................เริงร่า ประเลง เพลงระงม

    หัวใจ ไพรพง คงคลายผ่อน...............เข้านอน แนบนิ่ง อิงแอบสม
หัวใจ คนพลอย คล้อยภิรมย์..................อุดม สุขะ สงบระงับ

    ราคะ โทสะ พยาบาท ฯลฯ.................สร้างทุกข์ สุขขาด ไปปราศสรรพ
สติ ปัญญา มาย่อยยับ...........................งามใจ หายวับ เลือนลับลา

    ปรุงแต่ง ด้วยใจ ใจกำหนด.................จะหมด / จะมี สิเนหา
ประโยชน์ อันใด ใยอัตตา.......................ต้องมา สร้างสรรค์ สำราญ(ใน)ตน ?

    เห็นโทษ โฉดหลาย ในราคะ...............โทสะ พยาบาท ฯลฯ พาขัดสน
ตั้งจิต ตั้งใจ ไกรถกล.............................เว้นห่าง ว่างหน อกุศลธรรม

    จึงจะ สงบเย็น อยู่เป็นสุข....................ไร้ทุกข์ โทษทัณฑ์ มานงามขำ
สะอาด อุรา ทิวา-ค่ำ..............................เลิศล้ำ สัมฤทธิ์ ชีวิตเอย ฯ

๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

อิ่มบุญ : กลอนจรรโลงใจ



อิ่มบุญ : กลอนจรรโลงใจ

    เมล็ดข้าวสรร พันธุ์ดี ที่หว่านไว้............ถูกคราดไถ ไขว้กลบ หลบปักษี
ทุนรอนลง ปลงหลาย ใต้ปัถพี..................รอวันที่ พิรุณ กูลเกื้อริน

    รอวันแล้ว วันเล่า เฝ้าแต่รอ..................เดือนหกก็ ผ่านไป ไร้ฝนสิ้น
ข้าวสารเก่า เก็บใกล้ ไม่พอกิน..................ธรณิน แห้งผาก ร้อนกรากกรู

    เก็บผักป่า คว้าได้ ไข่มดแดง................เอามาแกง กินกัน ชีวันสู้
กินไปพราง มองพราง คคนางค์ดู...............ให้หดหู่ สุริยน รนร้อนเฟือน

    คิดหาทาง อย่างไร ให้อยู่รอด...............ไม่ทิ้งทอด ศีลธรรม สำคัญเหมือน
สมบัติที่ มีค่า หาลืมเลือน.........................(ต่อให้)แผ่นดินไหว ไคลเคลื่อน บ่เบือนดี

    ทำความดี มีสุข ทุกวันได้.....................แช่มชื่นใจ ประจักษ์ เป็นศักดิ์ศรี
ต่อให้เงิน ขาดกระเป๋า ข้าวไม่มี(กิน)...........(จะ)ไม่ทอดทิ้ง ความดี นิรันดร

    แม้นต้องตาย ไม่คิด ทุจริตคด................ซื่อกิน-(หา)ได้ ไม่หมด ธรรมบทสอน
กุศลประเสริฐ เกิดก่อ การบวร.....................ผลบุญย้อน ทอนทุกข์ สุขสมใจ

    กินข้าวปลา อาหาร พานท้องอิ่ม..............ที่จะอิ่ม ทั้งวัน นั้นหาไม่
ทำความดี ปรีชา สาธุชัย............................จะอิ่มอก อิ่มใจ ไปอีกนาน

    ขาดน้ำฝน จนผิน ดินแห้งผาก.................จะไม่จาก น้ำใจ เนื่องไพศาล
แม้นธรรมชาติ ขัดสน จนกันดาร...................นฤมาน นั้นปริ่ม อิ่มปุญเอย ฯ

๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๗

วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ความคาดหวังต่อคณะปฏิวัติรัฐประหารไทย



ความคาดหวังต่อคณะปฏิวัติรัฐประหารไทย

หลายคนคงคาดหวังว่า 
การปฏิวัติรัฐประหารโดยทหารในเย็นวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗
จะมีการปฏิรูปโครงสร้างการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจและสังคมไทย ให้มุ่งสู่ความสุขความเจริญก้าวหน้า ถอนรากถอนโคนอำนาจชั่วให้หมดไปจากแผ่นดินไทย
....
ผมไม่คิดหวังอะไรขนาดนั้นหรอกครับ เหตุผลเพราะ

๑.ทหารไทย ยังมีความคิด มีวัฒนธรรมองค์กรแบบเดิมๆ เหมือนเมื่อตอนปฏิวัติ พ.ศ. ๒๔๗๕
คือ ยังเป็นแบบอำนาจนิยม พยายามแทรกแซง-เข้ามามีอิทธิพลในอำนาจการเมืองการปกครอง
...
๒.การเมืองการปกครองไทย ไม่เคยพ้นจากการกำหนด-บงการ จากชนชั้นสูง นักการเมืองระดับสูง ข้าราชการระดับสูง นักธุรกิจระดับสูง ที่ชี้นำการเมืองไปในทิศทางที่เอื้อประโยชน์แก่ตัวเองและพวกพ้อง ไม่ใช่เพื่อชาติ ไม่ใช่เพื่อประชาชนโดยรวม
....
๓.บุคคลชนชั้นสูงเหล่านี้ จะแย่งชิง-ต่อรอง-แลกเปลี่ยน ผลประโยชน์และอำนาจการบริหารการปกครองประเทศ ระหว่างกันเท่านั้น ไม่ได้มีการกระจายอำนาจสู่ประชาชนทั้งประเทศอย่างแท้จริง โดยใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้นๆ คนที่บาดเจ็บล้มตาย ได้รับความเดือดร้อน ก็มีแต่ประชาชนทั่วไป ไม่ใช่บุคคลชนชั้นสูง
....
๔.ประชาชนทั่วไป ยังขาดจิตสำนึก ขาดความรู้ ความคิด ความสามารถ ความพยายาม ความสามัคคีและการรวมพลังอย่างเพียงพอ ที่จะต่อรอง-แบ่งปันอำนาจจากชนชั้นสูงเหล่านั้น ทำได้เพียงเป็นผู้รับใช้ รับสนองนโยบายที่ถูกส่งลงมาจากเบื้องบน
...
๕.คนไทยส่วนใหญ่ ยังไม่มีความรู้ ความพร้อม สำหรับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
หากต้องการให้การเมืองการปกครองของไทยเป็นประชาธิปไตย ที่มีการบริหารการปกครองเพื่อประชาชน คนไทยต้องพัฒนาความรู้ ความคิด ทัศนคติ ค่านิยม มโนธรรม ฯลฯ ที่สอดคล้องกับหลักการระบอบประชาธิปไตย ต้องทำอย่างเข้มแข็งและจริงจัง ไม่ใช่คิดหาแต่ประโยชน์ใส่ตัว ดำเนินชีวิตอย่างไร้สาระไปวันๆ เช่นที่ผ่านมา
....
สรุปว่า ความห่างของช่องว่างแห่งความเท่าเทียมทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและการจัดสรรแบ่งปันประโยชน์ของชาติไทย จะคงความกว้างอยู่เช่นเดิม ประชาชนยังคงถูกละเลย หลอกใช้....ไปอีกนาน

๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗

ความพยายาม-ความสำเร็จ : กลอนจรรโลงใจ



ความพยายาม-ความสำเร็จ : กลอนจรรโลงใจ
(ฉันทลักษณ์ที่ผมคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง)

    ...................................จงรัก ความก้าวหน้า
แต่อย่า ยึดติดว่า.................ชีวิตจะต้องก้าวหน้า เสมอไป

    ...................................อันความคิดอ่าน ฝันใฝ่
วาดหมดจด เพียงใดก็ได้.......แต่อาจเป็นจริงได้ สักแค่ไหนกัน ?

    ....................................ทุกคนต่าง วิ่งไล่ตามความฝัน
แต่มี ไม่กี่คนเท่านั้น..............ที่สามารถฝ่าฟัน จนบรรลุความสำเร็จ

    ....................................ประโยชน์อะไร ในความฝันอันเป็นเท็จ
หลอกกมล ว่าตนวิเศษ...........สร้างสุขที่น่าสมเพช เวทนา

    .....................................มุ่งสู่ความจำเริญ กันเถิดหนา
อวิรุทธ์ อุตส่าห์.....................จนกว่าชีวา นี้จะมลาย(อวิรุทธ์=มีอิสระ)

    .....................................ความพยายาม อยู่ที่ไหน
พัฒนาศักยภาพเรื่อยไป..........ความสำเร็จไซร้ ย่อมอยู่ที่นั่น

    .....................................ไม่ใช่มัวเอาแต่ ใฝ่ฝัน
ไม่ใช่ไร้ความมุ่งมั่น................จะไม่มีวัน บรรลุความจำเริญ

    .....................................คนอุตสาหะ นั้นน่าสรรเสริญ
อุปสรรคหนัก-เบา เฝ้าเผชิญ.....เพลิดเพลินในความ พยายามร่ำไป

    ......................................สร้างสุจริต ให้เป็นนิสัย
อย่าทุจริต คิดคดใคร...............บาปกรรมตามให้ ไม่คุ้มกัน

    ......................................ทุกชีวา ฤาอาจหนีอาสัญ
ทำดี ไม่มีโทษทัณฑ์...............มีแต่ความสุขสันติ์ ทุกวันเอย ฯ

๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ชะตาปรารมภ์ : โคลงสี่สุภาพ



ชะตาปรารมภ์ : โคลงสี่สุภาพ

  ♫    ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตกพรำๆ     
   กบมันก็ร้องงึมงำ ระงมไปทั่วท้องนา    

. ย่างเดือนหกตกพร้อย...............พรำฝน
เพลงเก่าเยาว์ยามจล..................จิตก้อง
ปัจจุบันเดือนหกยล....................ย่างผ่าน
มิพานพบพิรุณพ้อง.....................เนื้อร้องเพลงหวัง ฯ

. กลางคืนมีแต่เพี้ยง...................จิ้งหรีด
เสียงส่งประจงกรีด......................ประณีตร้อง
ข้าวกล้าย่อมมีขีด........................จำกัด
ขาดฝนเกินทนต้อง......................เหี่ยวแห้งเหือดตาย ฯ

. ชาวนามิวายน้ำ-.......................ตาริน
ผิว่าขาดเมฆิน.............................ฝนพร้ำ(พร้ำ=พร้อม)
ผลผลิตดั่งชีวิน............................แขวนฝาก
เมตตาจากนภาค้ำ........................ชีพให้ไคลเข็ญ ฯ

. พึงรักความก้าวหน้า...................ความเจริญ
อุตส่าห์ฝ่าเผชิญ...........................มุสู้
บันเทิงจิตเพลิดเพลิน.....................พิศสนุก
แรง(กาย,ใจ)รุกและความรู้..............สิสร้างทางสม ฯ

. ปรารมภ์สัจจาไซร้......................ไกล-ลึก
เกินกว่าการตรองตรึก.....................ล่วงหน้า
ชะตาชีวาผนึก...............................วิบาก
ฉุดกระชากลากกล้า........................หาให้เลือกสรร ฯ

. ชีวันจึงอาจพ้อง..........................ผิดหวัง
หยุดชะงัก-พลัดพราก-พัง................ลื่นล้ม
สถานะอาจถอยหลัง........................ตกต่ำ
กรรมตามติด;จงก้ม.........................หน้ารับกับชะตา ฯ

. ความทะเยอทะยานจักต้อง............ควบคุม
สงบจิตอย่าคิดสุม............................รุ่มร้อน
อดทนและสุขุม...............................สู่สันติ
ประสบการณ์สิสะท้อน......................ผ่านพ้นเภทภัย ฯ

๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗

วันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สายพันธุ์/สายทัณฑ์ : กลอนคติชีวิต



สายพันธุ์/สายทัณฑ์ : กลอนคติชีวิต

    อยากเกิดมา ไหมเจ้า ยอดเยาวมาลย์?.......เพื่อประสบ พบพาน กาลสมัย
สภาวะ โลกร้อน สะท้อนภัย..........................ธรรมชาติใกล้ วิกฤติ ชีวิตกรม(กรม=ระทม)

    คนครึ่งโลก โศกเศร้า เคล้าอดอยาก...........เป็นอยู่อย่าง ลำบาก พรากสุขสม
คนชั่วชุม คลุ้มคลั่ง ทั่วสังคม...........................สงครามดู อุดม ข่มฆ่าฟัน

    อาชญากรรม ลำพอง ครองพิภพ................เสรีภาพ ความสงบ ยากสบสันติ์
ผู้คนคอย เอาเปรียบ เหยียบย่ำกัน..................เหมือนสัตว์ร้าย ใจผลาญ สรรสร้างภัย

    ความซื่อสัตย์ อัชฌา แสนหายาก...............ที่ล้นหลาก คือกลลวง กลวงสาไถย
มากมีเห็น เป็นจริง (คน)ไม่จริงใจ...................เอาแต่ได้ เห็นแก่ตน ท้นสามานย์

    หลัก "ตัวใคร ตัวมัน" ครรลองโลกย์.............ความโลภโกรก โกรธกราด อาฆาตขาน
เอา(แต่)ตัว(กู)รอด ยอดดี วิถีดาล...................เมตตาไร้ ใจมาร สันดานมล

    ความรักที่ เห็นทั่ว=รักตัวเอง......................ไม่กลัวเกรง บาปทำ กรรมอกุศล
ทุจริต มิจฉา สาละวน....................................แม้กับคน ข้างกาย(ยัง)ไม่ปราณี

    (ส่วน)มากไม่ทำ หน้าที่ ที่ถูกต้อง................คอยหาช่อง ฉ้อฉล ค้นวิถี
ความสัมพันธ์ สรรพ์พาล ประจานพี..................หลากพาลชน ล้นทวี ทุกวี่วัน

    ถ้าถามพ่อ ก็ตอบได้ "ไม่อยากเกิด"..............."การไม่เกิด" ประเสริฐแท้ แก้โศกศัลย์
เมื่อเกิดมา จะขอไม่ สร้างสายพันธุ์..................เป็นสายทัณฑ์ ปันลูก จงสุขเทอญ ฯ

๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗ 

วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

รสดี : กาพย์ฉบัง๑๖



รสดี : กาพย์ฉบัง๑๖

    " ความดี " มิมีลิ้นรส.................(แต่)สรรพสิ่งทั้งหมด
รสใจ(เลิศ)ยกให้ " ความดี "

    เป็นรสา(รส)ประเสริฐศรี................รู้ด้วยฤดี
ไม่มีใดเทียบเปรียบปาน

    หมดจดโดดเด่นเป็นประธาน................เหนือทรัพย์ศฤงคาร
(ที่)กล่าวขาน ณ ประดาหล้านี้

    สดใสเกิดในชีวี.................เพราะคุณความดี
เปรมปรีดิอิ่มเอมสรวง

    บางเบาเสาวรสโชติช่วง................สุกสว่างดั่งดวง
ปวงดารา ศศิวิมล(ศศิวิมล=บริสุทธิ์เพียงจันทร์)

    สัมผัสอ่อนโยนเสียจน................อบอุ่น อนล(อนล=ไฟ)
มิ ดลอุ่นได้ใกล้เคียง

    สุขสงบภายในใจเพียง................สู่สวรรค์ยานเยี่ยง
มิเอียงโอนให้ใหลหลง

    โสตถิปริยธรรมดำรง.................สืบสานมั่นคง(โสตถิ=ความเจริญรุ่งเรือง)
ประจงหฤทัยให้หาญ

    ประเชิญสัจจาอาจาร.............สง่าสะคราญ(อาจาร=ความประพฤติดี)
จวบอวสานภวันดร ฯ(ภวันดร=ภพหน้า)

๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๗

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เมืองไทย เมืองพุทธ ? : กลอนหก

                                        ขออภัยที่ตัวหนังสือในภาพไม่ชัดเจน แต่ดูใน Photoshop ,Windows ชัดเจนดี

เมืองไทย เมืองพุทธ ? : กลอนหก

    เมื่อศึกษา หาคำสอน...................แห่งบวร พุทธศาสนา
ธรรมวินัย ใสสุทธา..........................อัจฉริยะ น่าเลื่อมใส

    เพ่งมองดู เพื่อรู้ความ...................เกิดคำถาม ว่าทำไม ?
มีวัดวา คลาคล่ำไป..........................(แต่)เหตุไฉน ไทย(วุ่นวาย)ขัดสน

    (ใน)น้ำมีปลา (ใน)นามีข้าว............คือคำกล่าว เก่าถกล
แผ่นดินไทย ไพบูลย์ผล....................สมบูรณ์ท้น ล้นทั่วแดน

    (แต่)ไทยกลับรุ่ง เรื่องยุ่งยาก..........ปัญหา(ซ้ำ)ซาก ลำบากแสน
ความสงบ สบขาดแคลน....................และแร้นแค้น ความปลอดภัย

    ช่างเหลือล้น คนใจดำ...................อำมหิตห้ำ เลวทรามไซร้
ช่างหลากล้น คนจัญไร......................ทำตามใจ ไร้ศีลธรรม

    เห็นแก่ตัว เห็นทั่วทิศ.....................ละเมิดสิทธิ์ วิกฤติกล้ำ
ทุกเพศ-วัย ไม่พานำ(นำพา)................สุจริตทำ หน้าที่ตน

    ความคดโกง (ยัง)คงระบาด.............ช่างอุกอาจ ชาติฉ้อฉล
ความยุติธรรม ดำมืดมน.......................ทุกแห่งหนท้นอันธพาล

    เพราะพุทธะ ศาสนา(ของ)ไทย.........มีเนื้อใน สาไถยฐาน
ซ่อนไสยศาสตร์ อุบาทว์บาล................ไร้แก่นสาร สติ+ปัญญา

    ประชาชน ล้นงมงาย.......................กิเลสหลาย ไตรตัณหา
เอิบทุจริต อวิชชา..............................ไม่ศรัทธา กฎแห่งกรรม

    จึงอย่าต้อง ตรึกข้องใจ....................ทำไมไทย ไม่เลิศล้ำ
นับวันยิ่ง วิ่งตกต่ำ...............................ทุกข์ระกำ เกินร่ำเอย ฯ

๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗

วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ผลพวงของความดี : กาพย์ยานี๑๑



ผลพวงของความดี : กาพย์ยานี๑๑


    มะม่วง หลุดร่วงหล่น.................รอบโคนต้น ล้นผลสุก
(ย่าง)หน้าฝน หน้าผลชุก...............เมล็ดถูกฝัง ตั้งต้นเป็น

    ไม่ต้อง ข้องรดน้ำ.....................ไม่ต้อง(จุน)ค้ำ ข้ามผ่านเข็ญ
ไม่ต้อง สอดส่อง ; เว้น..................ว่างบำรุง ยุ่งยากยล

    ต้นกล้า มะม่วงแกร่ง..................รากแก้วแทง แสวงหน
ชีพรอด ตลอดจน..........................ออกผลให้ ขยายพันธุ์

    เป็นคน ควรสนใจ......................อุตส่าห์ไป ใจแข็งขัน
ตั้งหน้า ตั้งตากัน...........................คุณธรรม์หัด คอยพัฒนา

    อย่าให้ ใครเคี่ยวเข็ญ.................ทำตัวเช่น เร้นไร้ค่า
อย่าให้ ใครต้องมา.........................ดุด่าว่า ไม่รักดี

    ฝึกแด แต่เยาว์วัย......................สำนึกใส่ ในหน้าที่
สุมน กุศลมี...................................วิริยา ก้าวหน้าไกร

    เหินห่าง หนทางชั่ว.....................ละอาย-กลัว (ความ)ชั่วสาไถย
ทำดี มิท้อใจ..................................ในอุปสรรค หนักแน่นทรวง

    ศรัทธา สาธุธรรม.........................ชีวีนำ ล้ำเลิศล่วง
อนาคต จะหมดห่วง..........................(เพราะ)ผลพวงกรรม ที่ทำเอย ฯ

๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

โลกย์ที่วิปริต-วิตถาร : กลอนคติเตือนใจ


ที่มา : ภาพจากการประกวด Miss Universe Thailand 2014


โลกย์ที่วิปริต-วิตถาร : กลอนคติเตือนใจ

    หนูจ๋า (จง)อุตส่าห์ เข้าใจ................โลกย์ใหญ่ ใบนี้ วิตถาร
หลากคน ล้นจิต พิสดาร.......................สามานย์ สันดาน มากมี

    คนมาก (ใจ)มักคุด ทุจริต................วิปริต ผิดธรรม งามศรี
ไม่ถือ ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี..........................ชอบที่ สิทำ ตามใจ

    แม้ได้ รับการ ศึกษา........................ก็หา ได้แก้ นิสัย
(จึงพบ)คนเพียร เรียนจบ มหา'ลัย...........มารยา สาไถย ใคร่ทราม

    ขนาด ชาติเฟื่อง(ชื่อว่า)เมืองพุทธ.......ยังสุด(จะ) ทุจริต ผิดหลาม
กฎหมาย ตราไว้ ก็ตาม..........................(คน)พยายาม ข้ามหมด กฎเมิน

    (แม้)ระเบียบ เพียบพร้อม ห้อมผิด........(เมื่อ)ความคิด จิตใจ ไร้เขิน
มักจะ กระทำ กล้ำเกิน............................ประเชิญ (เป็น)ปกติ นิตยา

    " คนผิด "บิดเบือน เหมือน" ถูก ".........." คนถูก " กลับพลั้ง กังขา
คล้อยตาม อำนาจ เงินตรา.......................ศักดา สถิต อิทธิพล

    ทุกการ ประกวด แข่งขัน......................อย่ามั่น มุ่งหมาย ในผล(ที่ซื่อตรง)
(เพราะ)ทุกกระ บวนการ พานกล..............ฉ้อฉล ล้นเล่ห์ เพทุบาย

    ทุจริต ผิดอย่า เอาอย่าง.......................(เพราะ)เป็นทาง สร้างเสื่อม เสียหาย
(จง)เกรงกลัว ชั่วช้า ละอาย......................สุดท้าย (จะ)ได้ดี มีเอย ฯ

๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗

วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ความรู้สึก : กลอนเจ็ด



ความรู้สึก : กลอนเจ็ด

    ขอบฟ้า ราตรี มีแสงวาบ.................ฟ้าแลบ แปลบปลาบ กำซาบสี
จดจ่อ รอฝน เยือนยลที......................กลับมี แต่ลม โถมพัดปลิว

    เช้าชวน ชื่นชม โสมนัส..................ลมรำ เพยพัด สัมผัสผิว
กิ่งไม้ ไหวโยก ใบโบกพลิ้ว.................งามลิ่ว พิไล ในอารมณ์

    สูรย์แอบ แนบซ่อน หลังก้อนเมฆ......สรรค์เสก แสงสร อ่อนโยนสม
เย็นกาย ใจกรุ่น อุ่นวิกรม.....................อุดม เอมอิ่ม พริ้มเพริศเพรา

    สัมพันธ์(ระหว่างกัน)สรรพ์พา อุระแผก....ต่างแตก ตามคน กมลเค้า
ผิดรส พจนีย์ ฤดีเนา.............................สุข/เศร้า เสาวดล/วิกลดาล ฯลฯ

    เอาอก เอาใจ เอาใส่จิต...................เอาความ นึกคิด พิษฐาน(พิษฐาน=มุ่งหมาย)
เอาความ รู้สึก ตรึกต้องการ...................ลึกล้ำ สำคัญ สานสายใย

    แม้นเมิน มองข้าม ความรู้สึก.............สัมพันธ์ สานลึก ผนึกไว้
กลายขื่น ตื้นเขิน สะเทินไคล.................จะไร้ จีรัง หยุดยั่งยืน(สะเทิน=ครึ่งๆกลางๆ)

    (กับคนที่)ไม่คิด คำนึง ถึง(ความ)รู้สึก.......สำนึก สึกหรอ มิขอขืน
คบหา (มีแต่)ระกำ คอยกล้ำกลืน............สะอื้น อกตรม ซมเศร้าทรวง

    ปัจจัย ภายนอก บอกเล่าไป...............หาซาบ ซึ้งใจ อาลัยล่วง
เอาใจ ใส่ใจ ไม่หลอกลวง.....................เหนือสิ่ง ทั้งปวง ห่วงหาเอย ฯ

๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

วิถีแห่งเสรีวิหค : โคลงสี่สุภาพ



วิถีแห่งเสรีวิหค : โคลงสี่สุภาพ

. สุริโยโผล่พ้น....................ภูผา
มวลหมู่สกุณา......................เพรียกพร้อง
ทำนองแห่งหรรษา................ขานขับ
สดับสะดวกซ้อง...................รับฟ้าอโณทัย ฯ

. นภาใสสีฟ้า......................หน้าฝน
มีแต่ความระรน.....................รุ่มร้อน
แดดสาดส่องไพรสณฑ์..........ระอุ
ปะทุอุณหะย้อน....................แมกไม้เหี่ยวเฉา ฯ

. ภุมดลเล่าเหือดแห้ง...........กันดาร
ติณชาติเหลืองกรอบปาน........ชีพไร้
เลียบเลาะแหล่งลำธาร...........ธุลีผาก
หากแต่คนยังไร้....................ตัดไม้สำนึกเห็น ฯ

. จึงเป็นความยากแค้น..........แสนเข็ญ
ขาดที่พักพิทักษ์เย็น...............ร่มไม้
อาหารกระซ่านกระเซ็น............หายห่าง
ทำอย่างไรจะได้.....................อิ่มท้องตรองหา ฯ

. อีกาเหิมแห่ก้อง..................ผองไกร
ก่อการพาลจัญไร....................รุกล้ำ
ตามสันดานนิสัย.....................ถ่อยเถื่อน
เสมือนว่าระบิลค้ำ...................ป่าไร้มลายสูญ ฯ

. อาดูรได้แต่ต้อง...................ทำใจ
ระมัดระวังระไว.......................อยู่-ใช้
รักษาตนผ่านภัย.....................มิประมาท
พัฒนาสามารถให้...................สอดคล้องวิกฤติ ฯ
. เผชิญชีวิตด้วย...................ปัญญา
มิรอแต่โชคชะตา....................เกียจคร้าน
สุจริต-อหิงสา.........................สืบส่ง
อลงกรณ์สิริสะท้าน..................ตราบสิ้นชีวินสูญ ฯ

๘. วิถีวิหคผู้...........................เสรี
เป็นอยู่อย่างตามมี...................ตามได้(สันโดษ)
พอใจในวิถี............................สันติสุข
บ่ทุกข์จิตใจให้.......................เดือดร้อนตัวเอง ฯ

๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗

วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

บันทึกผู้เดินทาง : กลอนคติชีวิต



บันทึกผู้เดินทาง : กลอนคติชีวิต
(ฉันทลักษณ์ที่ผมคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง)

    ฝนตก ที่ไหน ?...................อากาศ เย็นไหล ย้ายสู่(ที่นี่)
คลายร้อน ฤดู.........................ให้ผู้ เดินทาง ห่างหน
ห่มผืน นภา............................ฝากกา ยากับ ภุมดล(ภุมดล=แผ่นดิน)
ภยา ผจญ..............................อดทน หนทาง อลังการ

    เดินด้วย ดวงใจ...................ไปตาม วิถี ชีวิต
(ชีวิต)แม้นเหมือน น้อยนิด.........แต่จิต ติดใจ ไพศาล
หนทาง บ้างลุ่ม.......................บ้างชุ่ม แฉะและ กันดาร
บ้างก็ เปรียบปาน....................ต้องผ่าน ภูเขา ลำเนาไพร

    มีโชค ชะตา.......................เป็นผู้ นำพา ประสิทธิ์
ฤดี ลิขิต................................กำหนด ทิศทาง สั่ง-ไส
มีบุญ หนุนนำ..........................พบสุข เลิศล้ำ ฉ่ำชัย
บาปกรรม ทำให้.......................ทุกข์ได้ พ่ายแพ้ แก่โลกา

    ทางใคร ทางมัน...................ทางชีวัน อันวิจิตร
(อาจ)ผ่านไป ใกล้ชิด................เป็นมิตร ติดต่อ เสาะหา
ก่อนแยก จากกัน......................ตามครร ลองของ มรรคา
วิบาก จักพา............................จัดสรร บัญชา ประจญ

    วิถี ชีวิน..............................ไม่สิ้น ไม่สุด รุดหน้า
สืบสัจจ์ วัฏฏา..........................เกิด-แก่-ชรา-พยาธิ์ผล
อาสัญ คั่นสาย.........................(แล้ว)เกิดใหม่ กายใหม่ ว่ายวน
ชีวัน ดั้นด้น.............................จวบจน....พ้นจิต พิชยา

    หยุดเดิน วันใด ?..................ณ ที่ แห่งไหน ?...ไม่รู้
พุทธสอน พรสู่.........................(การ)เกิดคู่ กิเลส ตัณหา
หมดความ ยึดมั่น......................ถือมั่น สัญชาติ อัตตา
หลักเบิก เลิกรา........................อำลา บันทึก ผู้เดินทาง ฯ

๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ชีวิตรักของแมวสาว : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



ชีวิตรักของแมวสาว : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    .............................แมวสาว พราวเสน่ห์
เกกมะเหรก เกเร...........กาเม เหลวไหล
(เมื่อ)ตัวผู้ กลุ้มรุม.........ชื่นชุ่ม ภูมิใจ
สนุกวัน วันไป...............อย่างไร้ สาระ

    .............................มิรู้ สู่หา
ชีวิต พิทยา..................คร้านอุต สาหะ
หมกมุ่น ลุ้นรัก..............คึกคัก มากคละ
เฉกเช่น ชัยชนะ............ชีวะ ถกล

    .............................ผลเขลา เมามัว
มีลูก หลายตัว...............จากผัว หลายตน
อยู่อย่าง อัตคัด.............อึดอัด ขัดสน
อนาคต มืดมน...............ผจญ เภทภัย

    ..............................อดๆ อยากๆ
ลูกที่ มีมาก...................ลำบาก ฝากไส้
ขาดการ อบรม...............บ่มเพาะ จิตใจ
ชั่วช้า สาไถย.................จัญไร ทวี

    ...............................กระจัด กระจาย
ลูกต่าง สูญหาย..............บ้างตาย ก็มี
ครอบครัว แตกร้าว...........โฉ่ฉาว บัดสี
โศกเศร้า โศกี.................ขาดที่ พึ่งพา

    ................................(แก่)เฒ่ายิ่ง รันทด
มิตรไร้ หายหด................หมดความ หรรษา
ชีวิต แมวสาว...................ถึงคราว ไร้ค่า
สมเพช เวทนา.................อย่าได้ ลอกเลียน ฯ

๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ภัยใกล้ตน คนใกล้ตัว : กาพย์ฉบัง๑๖



ภัยใกล้ตน คนใกล้ตัว : กาพย์ฉบัง๑๖

    กระแตคึกคักแต่เช้า..................ส่งเสียงเรียงเร้า
แหลมราวนกร้องก้องใส

    เล่นเลาะเกาะกิ่งวิ่งไล่.................แคล่วคล่องว่องไว
สายตาสาดส่องป้องกัน

    ศัตรูผู้อาจรุกรัน.................ราวีชีวัน
ไพรสัณฑ์พลันสบพบเห็น

    มีมากมายมิวายเว้น.................แอบซุ่มซ่อนเร้น
ความเป็น-ความตายไม่แน่นอน

    ชีวิตคนหวนยลย้อน................สังคมซมซอน
ศัตรูอยู่สลอนรอบหลาย

    แม้ปราศสัตว์ป่าหน้าลาย...............(แต่)คนชั่วตัวร้าย
คลึงคล้ายคนดีคลุกคลีเคล้า

    (เช่น)คนรู้จักมักออก-เข้า...............เรือนชานบ้านเรา
ญาติพี่น้องผองเพื่อนพันธ์

    รู้จักหน้าคาดตากัน................แต่นิสัยนั้น
สันดานรู้แน่แค่ไหน ?

    ความคุ้นเคยเลยวางใจ................วันหนึ่งวันใด
กลับกลายภัยเป็นเช่นผี

    ข่าวอาชญากรรมทรามมี...............ในทุกวันนี้
เกิดที่ใกล้บ้านกวดขันเทอญ ฯ

๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗

นายสุวัฒน์ รำนา พ่อของน้องเพลง ได้เปิดใจต่อผู้สื่อข่าวเป็นครั้งแรก
หลังจากน้องเพลง ได้หายตัวไปจากบ้าน และพบเป็นศพ ถูกฆ่าข่มขืน
หลังจากนำไปพิสูจน์ศพโดยทราบว่าเป็นการกระทำของเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด
แต่นายสุวัฒน์ ก็ยังไม่เชื่อว่าเพื่อนบ้านที่บ้านติดกัน จะเป็นคนก่อเหตุฆ่าลูกสาวของตน
และตนเองก็ไม่ทราบว่าเพื่อนบ้านคนนี้ติดยาเสพติด
หากไม่มีหลักฐานที่เป็นแผลจากรอยข่วน และการสารภาพของคนร้าย
ตนแทบไม่เชื่อเลยว่าคนร้ายซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่ลูกสาวไปเล่นอยู่ตลอด
ตนและครอบครัวก็ให้ความเคารพนับถือ ทำให้นึกไม่ถึงว่าเพื่อนบ้านคนนี้จะทำกับลูกของตนได้ลงคออย่างไร

รวบตัว น้าเขยโหดที่ก่อเหตุฆ่าข่มขืนหลานสาววัยเพียง 13 ปี ก่อนโยนศพทิ้งร่องน้ำในสวนมะพร้าว