ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เริ่มต้นวันใหม่ : กลอนแปด



เริ่มต้นวันใหม่ : กลอนแปด

    รุ่งทิวา มาแทนที่  นิศากาล............มวลหมอกม่าน ดาลดล พิมลเห็น
ลมพัดแผ่ว แผ้วพา พนาเย็น...............ปานเฉกเช่น ปลุกใจ ให้ชีวี

    ลุกขึ้นมา ร่าเริง บันเทิงเถิด.............โลกประเสริฐ รอเรา เสลาศรี
ความสามารถ ความรู้ คู่ความดี.............คือวสี วิสุทธิ์ วุฒิธรรม(วสี=ผู้ชำนะตน)

    ตั้งกุศล ต้นเหตุ เจตนา...................ก่อกิจจา สุจริต พิสิฐล้ำ(พิสิฐ=ประเสริฐ)
ไม่พันพัว ชั่วหยาบ บาประยำ...............สรรสร้างทำ สิ่งที่ ทวีคุณ

    มอบเมตตา อารี ทุกชีวิต..................ดุจญาติมิตร สหาย หทัยอุ่น
คอยเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ แลเจือจุน.............เท่าทำบุญ สุนทาน สวรรค์ทาง

    ศีลธรรม ดำริ ละกิเลส....................ปฏิเสธ เฉทก่อ ฉลฉ้อสร้าง
อุปาทาน ตัณหา เพียรละวาง................จักสงบ สบสล้าง สว่างจินต์

    ความละโมบ โลภมาก พรากสันติสุข....ร้อนเร่ารุก ทุกข์หลาย ถอนไม่สิ้น
หยุดละโมบ สยบมาน สราญริน..............จักสุขี ชีวิน จินดามัย(จินดามัย=สำเร็จด้วยใจ)

    ประโยชน์ตน ยลหา อย่าละเมิด.........สาธารณะ ประเสริฐ ประสงค์ใส
อาชีวะ สะอาด เป็นปัจจัย.....................ปลอดเวรภัย ไปปราศ ป้องวัฏฏา

    ความเบียดเบียน เจียรให้ เจ็บไข้ป่วย....ขจัดด้วย จิตติ อหิงสา
หยุดก่อกรรม ทำเวร เป็นปรัชญา.............ศาสนา พระพุทธ พิสุทธิ์เอย ฯ

๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วัยเยาว์เฝ้าเพียรศึกษา : กาพย์ฉบัง ๑๖



วัยเยาว์เฝ้าเพียรศึกษา : กาพย์ฉบัง ๑๖

    ลูกสัตว์กัด-เล่นเป็นการ.................ฝึกหัดอาจหาญ
พร้อมพานเผชิญชีวี

    พากเพียรเรียนรู้วิธี................กิน-อยู่สู่มี
ปฏิสัมพันธ์ไพรสัณฑ์สม

    เก็บงำความรู้อุดม................สิสุขารมณ์
เพาะบ่มประสบการณ์ชาญชัย

    ลูกคนหนทางห่างไม่.................ตั้งแต่เยาว์วัย
ต้องไขว่ต้องคว้าหาความรู้

    ไปโรงเรียนเพียรพากสู้..................ศึกษาจากครู
วิชาเชิดชูวุฒิฐาน

    เล่าเรียนประดาวิชาการ................ฝึกหัดคิด-อ่าน
มุ่งมีงานการอนาคต

    เพื่อพัฒนาจะต้องอด-................ทนทานจรรย์จรด
อย่าดื้อถือพยศคดคว้า

    เด็กที่ไม่มีปัญญา..................ไม่ชอบวิชา
จะขาดอนาคตสดใส

    ครั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่................หางานอะไร ?
เมื่อไร้ปริญญาวิชาการ

    ตกระกำลำบากดักดาน.................(ความ)ยากจนผลผลาญ
สุขศานติ์เสื่อมสิ้นถวิลหวัง

    จนตรอกชอกช้ำจำบัง................(ถูก)รังเกียจเดียดชัง(จำบัง=ศึก)
จากสังคมโสมมเอย ฯ

๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

โลกร้อนย้อนความโลภ : กาพย์ยานี๑๑



โลกร้อนย้อนความโลภ : กาพย์ยานี๑๑

    ใบไม้ บ่ไหวติง.....................อากาศนิ่ง หยุดเยือนย้าย
แดดสะท้อน ร้อนแทบตาย..........แม้นั่งใน ใต้เรือนชาน

    หน้าหนาว รวดร้าวร้อน...........สลับย้อน เย็นซ้อนซ่าน
โลกา เกิดอาการ.......................อาพาธพาน สัญญาณเตือน

    ยามหนาว ไม่ยอมหนาว..........วิปริตคราว ป่าวเสมือน
ปัญหา เริ่มมาเยือน.....................อย่าแชเชือน เบือนใส่ใจ

    มีใคร ได้สมดั่ง.......................ทุกสิ่งหวัง ก็หาไม่
ได้บ้าง พลั้งพลาดไป...................เป็นปัจจัย ใช้ชีวี

    หากให้ ความสำคัญ................ให้รางวัล ตัณหาปรี่
สงบใจ จะไม่มี...........................อยู่ทุกที่ ทุกเวลา

    ชีวัน คนสั้นนัก........................จงรู้จัก-รู้รักษา
อยู่ดี อย่าบีฑา............................สร้างปัญญา กล้าคุณธรรม

    ความเมา เอาแต่ได้.................เอาแต่ใคร่ โลภหลายส่ำ
จะพา พบระกำ............................พบระยำ ทุกข์ย่ำยี

    โลกร้อน บ่อนทำลาย...............สุขทั้งหลาย สลายหนี
อดอยาก โรคหลากมี....................ภัยพิบัติ พินาศเอย ฯ

๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิธีกำจัด Omiga-Plus และ Malware ที่แอบแฝงก่อความรำคาญในคอมฯ โดยไม่ต้องไปลงโปรแกรม Windows ใหม่



วิธีกำจัด Omiga-Plus และ Malware ที่แอบแฝงก่อความรำคาญในคอมฯ โดยไม่ต้องไปลงโปรแกรม Windows ใหม่

-เป็นประสบการณ์ส่วนตัว ผมไปให้ร้านลงวินโดว์ 8.1
ร้านเขาลง Baidu , PC Fast ,โปรแกรมแต่งภาพของจีน ฯลฯ ซึ่งแอบก็ยัด Omiga-Plus และ Malware แถมมาด้วย
ผมพยายามลบโดย Uninstall ก็ไม่หาย
สแกนด้วย Antivirus, ใช้ Anti Malware ชื่อดัง ก็ยังอยู่
พยายามหาคำแนะนำจากเน็ตแล้วทำตามก็ยังไม่ได้ผล 


-ผมจึงลองสืบค้นหาวิธีเอาเอง จนสามารถหยุดการรบกวนได้ในระดับที่น่าพอใจ(ผมไม่ได้เรียนจบด้านคอมพ์)


1.ต้องหาชื่อของ Malware ที่รบกวนเราให้ได้ก่อน Uninstall ให้หมด


2.กรณี Windows เข้าไปที่ ปุ่ม สามเหลี่ยมเล็กๆตรงแถบด้านล่างขวามือเลือกกด Hide icon and notificatons หลังโปรแกรมที่รบกวนเรา มันจะหยุดกวนเรา


3.ไปที่ File Explorer เข้า Drive/:C
หาใน File ที่ชื่อ Program พบชื่อโปรแกรมรบกวนแล้วให้ลบทิ้ง


4.คลิกในช่อง Search ซึ่งอยู่มุมบนขวามือ
พิมพ์์ คำว่า Omiga-Plus
รอระบบหามาให้จนหมด แล้ว delete ลบทิ้ง
อันไหนที่ระบบบอกว่า ลบไม่ได้ ก็ให้คลิกขวา แล้วเข้าไปใน Property แล้วเลือก Hidden ทิ้ง
(และค่อยทำกับโปรมแกรม Malware ที่ละตัว )
ลอง Search หาอีกที จะเห็นว่าหายไปหมด (ซึ่งอาจจะไม่หมดไปจริงๆ แต่ไม่รู้มันอยู่ไหน)


5.เข้าไปค้นที่ User/My_user/Appdata หาเจอแล้วลบให้หมด

6.สำหรับ Google Chrome ไปที่ปุ่มรูปเส้น 3 เส้นซ้อนกันมุมบนขวามือ
เข้าไปหา More Tool เลือก Extension หาโปรแกรมเสริมที่รบกวนเรา คลิกรูปถังขยะ ลบทิ้งไป
ไปที่ Setting ตั้งค่า Set page หน้าแรกใหม่
และระบบ Search ต้องลบ Search engine ที่ไม่ต้องการทิ้ง ตั้ง Make Default ที่ต้องการ


7.สำหรับ Firefox ไปที่ปุ่มรูปเส้น 3 เส้นซ้อนกันมุมบนขวามือ
เลือก Option(ส่วนเสริม) แล้วกด "เอาออก" ลบโปรมแกรมที่รบกวนเรา


8.สำหรับ IE จนปัญญาครับ แก้ยังไงก็ไม่หาย Omiga-Plus ยึดหน้าแรกอย่างถาวร
ปกติผมก็ไม่ใช้ IE อยู่แล้ว เลยปล่อยมันไป


-ลองดูนะครับ ใครมีวิธีอื่นๆที่ได้ผลก็เชิญนำมาเล่าสู่กันฟัง ขอให้แก้ปัญหากวนใจได้สำเร็


๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

วิกฤติศีลธรรม : กลอนสะท้อนสังคม




วิกฤติศีลธรรม กลอนสะท้อนสังคม

    ตีห้า..........................ฟ้าเริ่ม กระจ่าง
ส่ำสัตว์ ต่างๆ...................สร้างเสียง เรียงใส
เสน่หา............................ป่าดง พงไพร
ไม่มี สิ่งใด.......................พิไล เทียบทาน

    อากาศ........................สะอาด หน้าหนาว
ประดุจ ผุดราว...................พิมาน สถาน
อายเย็น...........................เช่นฝัน บันดาล
อุระ สะคราญ.....................ณ วาร ใหม่มี

    วัดวา...........................คอยหา แค่เงิน
เณรพระ ก็เพลิน.................วัตถุ วิถี
รถยนต์.............................สมาร์ทโฟน ดนตรี
เล่นเกม เปรมปรีดิ์...............ทุกวี่ ทุกวัน

    ศีลธรรม........................คำนึง ที่ไหน ?
มารยา สาไถย....................ไสยศาสตร์ ผาดผัน
เลิกยึด..............................ประพฤติ พรหมจรรย์
โลกีย์ สีสัน.........................หรรษา อาวรณ์

    ดวงแด...........................มีแต่ ตัณหา
กิเลส เจตนา........................พูดจา สั่งสอน
อาสวะ................................(คือ)อาชีวะ บัญชร(อาสวะ=กิเลสที่หมักดองอยู่ในหัวใจ)
สติปัญ ญาอ่อน....................ซ่อนเลศ เปรตหทัย

    สงฆ์เป็น..........................เสื่อมเช่น อัปรีย์
ผู้นำ ความดี.........................หามี ที่ไหน ?
เด็กน้อย...............................คล้อยตาม ผู้ใหญ่
จิตรั้น จัญไร..........................แพร่ไว ภัยทวี

    สังคม..............................สั่งสม ความชั่ว
คนเห็น แก่ตัว........................เมามัว บัดสี
อยู่ห่าง.................................สรรทาง สุทธี
วิเวก วิถี................................สวัสดี มีเอย ฯ

๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ความจนความรวย : กลอนคติสอนใจ



ความจนความรวย : กลอนคติสอนใจ

    ใต้ร่มไม้ ชายทะเล คลื่นเห่ซัด....................เงียบสงัด สัตว์-คน คำรนเสียง
ที่เสนาะ เพราะหู อยู่ก็เพียง...........................พระพายเรียง แรงชื่น รื่นแผ่วเบา

    สองตา-หลาน หรรษา ริมทะเล...................ชมคลื่นเห่ ฟ้าคู่ เคียงภูเขา
สนทนา ภาษิต จิตใจเกลา.............................คลายความเขลา เข้าใจ ในสัจจา

    คำบอกเล่า เยาว์ยาม (คุณ)ตาลำบาก...........พ่อแม่จาก ยากจน ยอมทนหา
ขายแรงงาน ขันเพียง เลี้ยงชีวา.......................สู้อุตส่าห์ ฝ่าทำ ผลร่ำรวย

    หลานฉงน จน-รวย วัดด้วยอะไร ?...............ใครต่อใคร อ้างความจน จึงฉลฉวย
หลายคนมุ่ง ฟุ้งเฟ้อ เห่ออวดรวย....................คุณตาช่วย ตอบหนู ให้รู้ที

    (คุณตาตอบ)ขัดสนสิ่ง ต้องมี ที่ต้องใช้.........เพื่อคงไว้ ความปกติ ชีวะนี้
คือยากจน ข้นแค้น แร้นฤดี............................มิใช่มี เงินน้อย ด้อยทรัพยา

    มีสิ่งที่ ต้องมี ที่ต้องใช้..............................ธำรงไว้ ชีวี รี่รักษา
ไม่เดือดร้อน ขัดสน จนอุรา...........................ย่อมนับว่า ร่ำรวย อำนวยพอ

    ความพอใจ เท่าที่ เรามี-เป็น......................เพียรบำเพ็ญ หาได้ ไม่ย่อท้อ
คือความเป็น คนมี เศรษฐีส่อ..........................และเกิดก่อ เพาะสุข ทุกวี่วัน

    ส่วนใครที่ มีเท่าไร ไม่พอจิต......................คอยโลภคิด ริษยา ใคร่กระสัน
ไม่พอใจ ในสิ่งมี มิแบ่งปัน.............................ควรโจษจัน ยากจน ขัดสนจริง ฯ

๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗    

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สามัญสำนึก : โคลงสี่สุภาพ



สามัญสำนึก : โคลงสี่สุภาพ

. ทะเลหมอกล่วงล้ำ.....................ชโลทร
อรุณรุ่งอร่ามรอน...........................เอิบหล้า
เหมือนม่านแห่งบัญชร....................ศักดิ์สิทธิ์
นิรมิตเหมันต์หน้า..........................หลุดห้วงสรวงสวรรค์ ฯ

. อายเย็นโอบกอดเอื้อ..................อุ่นอบ
เป็นหนึ่งกับผืนพิภพ.......................ป่าไม้
ติณชาติ-สัตว์สงบ..........................อาบแดด
แวดเวลาสละไร้.............................เชื่องช้าชัวชมฯ(แวด=รักษา,ชัวชม=รื่นรมย์ )

. แสงสุรีย์ส่องล้ำ..........................ยามสาย
หมอกม่านพลันสลาย......................เสื่อมเร้น
ทัศนียะขยาย................................สุดขอบ นภา
รายรอบราวเลือกเฟ้น......................แต่ล้วนพรรณรายฯ(พรรณราย=งามผุดผ่อง)

. ม่านหมอกของจิตใต้...................สำนึก
ครอบครองความรู้สึก......................ลึกล้ำ
บงการมานตรองตรึก.......................ตัดสิน(ใจ)
ตราบชีวินคาดค้ำ............................ชั่วฟ้าวิญญาณ์สลาย ฯ

. ขวนขวายใคร่ความรู้....................คุณธรรม
สติสัมปชัญญะนำ...........................ปลุกสร้าง
จิตสำนึกตรึกตรำ............................กำหนด
ไพโรจน์จินดาสล้าง.........................ส่องแท้ธีรธรรม ฯ

. สามัญสำนึกใช้............................ตัดสิน
สุขุมาล/มลทิน...............................ชาติเชื้อ
พฤติกรรมพร่ำถวิล..........................ตีแผ่
ดวงแดแลชัดเรื้อ.............................ยากป้องปิดบัง ฯ

. ทรัพย์สิน-(การ)ศึกษาไร้...............ประโยชน์
หากสันดานมานโฉด........................ชั่วช้า
พยาบาทอาฆาตโกรธ.......................อำมหิต
ทุจริตทำผิดท้า................................แถกหน้าประจาน ฯ(แถก=กางออก)

๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ริมทางรางที : กลอนหก



ริมทางรางที : กลอนหก

    เอนกาย ได้หลัก พักพิง..................กระดิ่ง สายลม พรมเสียง
ศาลา ริมทาง ดั่งเพียง........................เพื่อนเคียง คลายเหงา เข้าใจ

    เดินทาง กลางแดด แผดเผา............แค่เรา เท่านั้น ขันไขว่
รถรา ผ่านมา ผ่านไป..........................ยังไร้ เงารถ ประจำทาง

    รถเรา จอดไว้ ในบ้าน.....................ต้องการ ประหยัด ทุกอย่าง
โลกร้อน ย้อนร้าย วายวาง...................ต้องสร้าง สำนึก ตรึกตน

    เศรษฐกิจ ติดๆ ขัดๆ.......................ผลชัด ของความ ฉ้อฉล
ปัญหา ไม่เปลี่ยน เวียนวน....................เพราะคน มนมาร พาลมี

    ทั้งๆ พรั่งดา ประกาศ.......................ธรรมชาติ วิกฤติ ทิศถี่
ผู้คน รณรงค์ บ่งชี้...............................ชาติมี ปัญหา อันตราย

    แต่มอง ทางใด ในโลก....................ล้วนบ้า บริโภค มิหาย
ทรัพยา(กร)ธรรมชาติ วอดวาย..............ละลาย เยี่ยงไร้ ราคา

    ราชการ พ่อค้า ประชาชน.................ยังฉ้อ ห้อฉล หนหา
โกงชาติ กาจกิน ชินชา........................ภายหน้า พากัน บรรลัย

    เหมือนบ่น คนเดียว เปลี่ยวเปล่า.........ต้องเอา ตัวรอด ให้ได้
สติ ปัญญา ประไพ...............................ศีลธรรม นำให้ สุขใจเอยฯ

๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

อิสราอารมณ์ : กาพย์ฉบัง๑๖



อิสราอารมณ์ : กาพย์ฉบัง๑๖

    ลมหนาวเป่าพัดปัฏพี..................ปลุกปั่นธุลี
เกิดกรีฑาฟุ้งคลุ้งเวหน

    พฤกษาแทบจะทั้งต้น.................โยกย้ายส่ายยล
สะบัดใบไหลหล่นอลหม่าน

    ยอดหญ้าระบำสำราญ...............คลื่นลิ่วพลิ้วพาน
สะท้อนพระจันทร์ผันแสง

    เฉกเช่นเป็นการแสดง.................ราตรีตกแต่ง
ฤดูแห้งแบ่งปันหรรษา

    เผื่อแผ่แด่คนธรรมดา.................อาศัยชายป่า
เป็นที่ปรีดาพิสมัย

    สันติสุขปลุกขวัญจรรโลงใจ..............ปริบทสดใส
ยากหาสิ่งใดวิไลเสมือน

    มโหรีเรไรไล่เอื้อน...............คลอ ดาวเคล้าเดือน
กลบเกลื่อน อราดี วิกาล(อราดี=ความไม่ยินดี)

    บังเกิดพิเศษสถาน................เลอล่วงดวงมาน
อภิบาลอิสราอารมณ์

    เพิ่มพูนสุนทรีย์นิยม................ธรรมชาติชื่นชม
ประโคมโลกาคุณากร

    วิถีเรียบง่ายถ่ายถอน.................บรรเทาทุกข์ร้อน
บวรชีวาตม์สะอาดเอย ฯ

๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ความขัดแย้ง : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



ความขัดแย้ง : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    .....................................ผิวดิน ผืนว่าง
พฤกษ์สัณฑ์ พันธุ์สร้าง............หยั่งราก ปักฐาน
ผลิยอด สอดใบ.....................ไปหา คคนานต์
แก่งแย่ง แสงปาน..................รณราญ ชาญชัย

    ......................................สารพัด สัตว์ป่า
ธำรง ชีวา.............................พนา อาศัย
หวงแหน แดนดิน...................ถิ่นจอง คล้องใจ
ขัดแย้ง-ขับไล่.......................ไปมา ราวี

    ......................................ประวัติ ศาสตร์คน
ดำเนิน อยู่บน.........................หนทาง ดั่งนี้
แยกเขา แยกเรา.....................ถือเอา วิธี
เข่นฆ่า-อารี............................ปกติ มีเป็น

    .......................................ยังเห็น แก่ตัว
ยังเขลา เมามัว........................(ให้คน)หยุดชั่ว ยากเห็น
กิเลส ตัณหา...........................อัตตา ประเด็น
ขัดแย้ง-แย่ง-เข็ญ.....................เจนชัด ปัถพี

    ........................................ซ้ำบาง ศาสนา
อ้างคำ ศาสดา.........................อาฆาต บัดสี
" ฆ่าเพื่อ พระเจ้า....................เราจะ ได้ดี "
ทั่วโลก (ทุก)วันนี้.....................(จึง)ไม่มี สันติธรรม

    ........................................หากอยาก อยู่รอด
จงอย่า ทิ้งทอด........................" ป้องกัน ตัว "ค้ำ
โลกมาก หลากคน....................กมล ระยำ
คอยจ้อง จะทำ........................ส่ำร้าย ใส่เรา

    ........................................มนุษ (สะ)ยธรรม
ประเสริฐ เลิศล้ำ.......................ทำไป ให้เขา
สิ่งที่ คืนกลับ...........................อาภัพ อับเศร้า
จึงอย่า มัวเมา..........................เอาแต่ ฝันเอย ฯ

๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เงิน : กลอนคติเตือนใจ



เงิน : กลอนคติเตือนใจ

    ฤดูหนาว คราวก่อน ย้อนหนึ่งปี..............ความหนาวมี มาประจำ สม่ำเสมอ
แต่ความหนาว คราวนี้ มิค่อยเจอ................ร้อนคละฝน ปรนเปรอ เล่อปลายปี

    ลมหนาว(จากจีน)พัด ไปหา ตะวันออก....นานๆดอก ไหลลง ตรงไทยนี้
ทางสหรัฐฯ-แคนาดา หิมะมี........................(เร็ว-มาก)กว่าปกติ ชี้ว่า โลกา รวน

    ทรัพย์หมั่นหา มาเก็บไว้ ให้มากๆ............แต่ความอยาก-โลภลด จดขวายขวน
การทำมา หาเงิน เพลิดเพลินควร................แต่การจ่าย ให้ทวน หวนหลายที

    ใช้เงินตรา ไปหาเงิน จำเริญจิต...............ใช้ความคิด หาทาง สร้างวิถี
ใช้เงินตน จนสิ้น หนี้สินพี...........................(เท่ากับ)ใช้ชีวี ริยำ ช่างลำเค็ญ

    ความร่ำรวย ช่วยชง มั่นคงชีพ.................แต่ความรีบ อยากรวย ยากช่วยเห็น
เพียรเก็บหา ทีละน้อย คอยบำเพ็ญ..............ถึงไม่เป็น เศรษฐี (ก็)มั่งมีพอ

    ยามหนุ่มสาว เอาใจใส่ ในการกิจ.............อย่าหลงผิด ชั่วช้า อาชญาก่อ
อบายมุข ไม่ยุ่ง ไม่มุ่งรอ.............................วาสนาขอ ปาฏิหาริย์ บันดาลชัย

    บ่คบคน ชั่วช้า บูชามิตร.........................บ่ทุจริต คดโกง หลงเหลวไหล
ถือความดี ศีลธรรม ประจำใจ.......................ชีวิตไม่ มีวัน กันดารเงิน

    มีทรัพย์สิน มากโข อย่าโอ้อวด................มีทรัพย์น้อย อย่ารวด ร้าว-เก้อเขิน
มีเท่าไร ตายแล้ว ไม่แคล้ว(เป็นส่วน)เกิน.......วิญญาณเพลิน เผชิญกรรม ตามบาปบุญ ฯ

๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

มุ่งสู่ยอดภูศรี : กาพย์ยานี ๑๑



มุ่งสู่ยอดภูศรี : กาพย์ยานี ๑๑

    ยืนยล บนเนินไพร...................มองลงไป ในทางผ่าน
ที่เรา ทอดเท้าลาน......................ปีนป่ายปาน ฟันฝ่าเป็น

    บางแห่ง แหล่งพักผ่อน............บางจุดย้อน วนซ่อนเร้น
บางช่วง ล่วงลำเค็ญ....................บางส่วนเช่น เดินเล่นสบาย

    บางครั้ง เคยพลั้งพลาด............หกล้มฟาด บาดเจ็บหลาย
บางครั้ง แทบวางวาย...................รอดมาได้ คล้ายบุญมี

    เหตุผล ที่ทนสู้........................เพื่อมุ่งสู่ ยอดภูศรี
เพราะอยาก จักได้ดี......................เชิดชีวี ศิวิไลส์

    ปัญหา ปวงอุปสรรค..................ปรากฏหนัก ปักหลักไข
ทุ่มเท ทั้งกายใจ...........................ไม่ออกนอก ลู่นอกทาง

    บ่คร้าม ความเหน็ดเหนื่อย..........แม้ปวดเมื่อย มิอาจขวาง
บ่พรั่น มารหนทาง.........................ยากเย็นบ้าง ตั้งพากเพียร

    ที่สุด ของอุตส่าห์......................คือสุธา ประพรมเศียร(สุธา=น้ำอมฤต)
รางวัล การวิเชียร...........................วิชยะ วเนจร(วเนจร=เที่ยวไปในป่า)

    อย่าหลง ทาง-หลงผิด................ย่อมประสิทธิ์ อดิศร
นภา นคราทร................................บวรเลิศ ประเสริฐเอย ฯ(นคราทร=นคร+อาทร)

๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ขาดเธอฉันคงขาดใจ : กลอนเจ็ด



ขาดเธอฉันคงขาดใจ : กลอนเจ็ด

    รูปสวย รวยศรี บริสุทธิ์...................ประดุจ อวตาร์ จากสวรรค์
ลักษณ์ล้ำ จำเริญ เกินจำนรรจ์..............รัญจวน ชวนฝัน ทุกวันคืน

    กลิ่นหอม กล่อมให้ ใคร่โหยหา.........ปรารถนา ประพัทธ์ ไม่อาจฝืน(ประพัทธ์=ผูกพัน)
อบอวล ยวนแย้ม ช่างแช่มชื่น...............ยั่งยืน วิญญาณ์ เสาวคนธ์

    เสียงใส ไพเราะ เพาะเสน่ห์..............มิเร รวนรัก สมัครล้น
ติดตรึง จิตติ นิรมล.............................เลอล้น รัตนา มโหรี(รัตนะ=ของทีมีค่ามาก)

    สัมผัส สรรพางค์ สะอางอุ่น...............ละมุน ละไม ไร้บัดสี
ซาบซึ้ง ซ่านทรวง ดวงฤดี....................ไม่มี ใดเทียบ เปรมเปรียบทาน

    ขอร่วม ทัศนีย์ ถึงที่สุด.....................จวบหยุด ชีวา อวสาน
รักเดียว ใจเดียว เด็ดเดี่ยวปาน...............ชั่วกัป ชั่วกาล ฉันรักเธอ

    ขาดเธอ ฉันคง ต้องขาดใจ................สุขได้ ด้วยใกล้ ชิดเสมอ
คณานับ สรรพล้น สิ่งปรนเปรอ................ล้วนมา จากเธอ มิเผลอใจ

    เธอคือ ธรรมชาติ พิลาสรส.................ศรีส่ง อลงกต แสนสดใส
บ่อเกิด ชีวิต ประกฤติวัย........................ตลอดไป ตลอดกาล (ละ)นานมี(ประกฤติ=ความเป็นไปตามธรรมดา)

    ขออยู่ ดูแล และรักษา.......................บูชา ค่าคุณ พิบุลศรี(พิบุล=กว้างขวาง,มาก)
เพื่อความ สมัต สวัสดี............................แด่ทุก ชีวี นิรันดร ฯ(สมัต=บริบูรณ์)

๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แก่นแท้กำลังใจ : โคลงสี่สุภาพ



แก่นแท้กำลังใจ : โคลงสี่สุภาพ

. การเล่นกีฬาสร้าง...................กำลัง
ร่างกายแข็งแกร่งดัง...................นักสู้
ทรวดทรงองค์เอวยัง...................สวยเด่น
ไม่เป็นโรคภัยผู้..........................อยู่ยั้งยืนชนม์ ฯ

. คนใดคอยเกียจคร้าน...............กีฬา
ร่างกายอ่อนแอพา......................โรคแพ้
รูปร่าง บ่ งามตา.........................สมส่วน
ไม่ชวนมองหมายแล้...................ง่ายม้วยมรณา ฯ

. จิตใจก็ต้องการ.......................กำลัง
หาใช่คอยใครหวัง.......................เอื้อเฟื้อ
ฝึกตนเป็นหนขลัง........................แข็งแกร่ง
แรงใจจากตนเรื้อ.........................แก่นแท้สถาพร ฯ

. ความอดอยากผลักให้................คิดหา
ของกินกันชีวา.............................มอดม้วย
ความอิ่มอุทรพา...........................กายเกียจ
เดียดการออกแรงด้วย....................อ่อนล้าอยากสบาย ฯ

. ความลำบากกอบกู้.....................กำลัง
ความขาดแคลนเสมือนดัง...............เครื่องสร้าง
แรงฮึกเหิมเพิ่มยัง..........................ดวงจิต
ความคิดพลอยเปิดกว้าง..................ทางค้นทนเข็ญ ฯ

. ความสุขสบายทำร้าย...................ความเพียร
ความร่ำรวยเบียดเบียน.....................ใจสู้(ความยากลำบาก)
ความสมบูรณ์สูญเตียน.....................(ความคิดสร้าง)สรรค์ใหม่(ๆ)
ใครต่อใครควรรู้..............................สัจแท้แลสกล ฯ

. ความสำเร็จเสร็จด้วย....................ง่ายดาย
ความภาคภูมิใจคลาย.......................เคลื่อนคล้อย
หากพยายามแทบตาย......................จึงเผด็จ
วิเศษสิทธิ์จิต ร้อย............................สุขสล้างสบาย ฯ

๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

นี่คือประเทศไทย : กลอนหก



นี่คือประเทศไทย : กลอนหก

    ประเทศไทย ที่ไพศาล....................โบราณกาล บรรพชนสร้าง
เผ่าพงศ์พี ถิ่นที่ทาง............................แผ่นดินกว้าง ทุกอย่างอุดม

    น้ำมีปลา นามีข้าว...........................ทิวทัศน์ราว สวรรค์สม
ทรัพยากร บวรบรม..............................วัฒนธรรมชม รมย์รื่นงาม

    ประเทศไทย สมัยนี้.........................เรื่องบัดสี มีล้นหลาม
ติดอันดับ สิ่งสรรพทราม.......................ที่ลุกลาม ความทุรพล

    ประชากร อ่อนสำนึก........................ส่วนมากตรึก แต่ฉ้อฉล
เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตน............................ชาติพิกล ชนพิการ

    ธรรมชาติราพ (พะ)ณาสูญ.................ความบริบูรณ์ จำรูญผลาญ
ความทุจริต แพร่พิษลาญ......................สืบดักดาน สามานย์มี

    ขายชาติไทย ให้ต่างชาติ..................ยังองอาจ มาดศักดิ์ศรี
ทรยศ ทรพี........................................เมืองแม่นี้ (ยัง)มีสุขใจ

   ผู้ปกครอง ลำพองฉาว.......................มือยืนยาว รีบสาวใส่(ปาก)
อนุชน คนต่อไป..................................(ต้อง)ตามใช้หนี้ มโหฬาร

    ประเทศไทย ประเทศที่....................คอยแค่มี อภินิหาร
ช่วยทุกข์พ้น ดลบันดาล.......................อนาถมาน อันธการเอย ฯ(อันธการ=ความมืดมน)

๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

"คลังต้องวางแผนบริหารหนี้จากจำนำข้าวอย่างรอบคอบ 
แต่คงไม่สามารถตั้งงบประมาณมาใช้หนี้สินในจำนวนมหาศาลได้ 
จะทำได้เฉพาะส่วนที่เป็นภาระดอกเบี้ย 
โดยอาจจะต้องแบ่งเป็นการกู้เงิน ระยะยาวไม่มาก และไม่ใช่ 30 ปีทั้งหมด 
อาจออกพันธบัตร เป็นระยะ 3 ปี 5 ปี หรือ 7 ปี 
เป็นการกู้ครบก็กู้ใหม่ หรือ rollover เมื่อครบอายุสัญญา" 
http://www.naewna.com/business/130914

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สว่าง ณ กลางกมล : กาพย์ฉบัง๑๖



สว่าง ณ กลางกมล : กาพย์ฉบัง๑๖

    ใบโมกโบกโบยโรยร่วง..................ลมพัดปัดควง
ด้วยท่วงท่าน่าพิสมัย

    มวลอากาศเย็นเป็นใจ................พฤกษ์พันธุ์พงไพร
มากหลายใบผลัด ; ประหวัดหวน

    คำนึงถึงชีวีชวน................เหตุการณ์รัญจวน
ผันผวนพลิกแพลงแสลงไส

    ทุกครั้งพลั้งจิตผิดไป..................มิเคยเลยไคล
เพราะแสงไสวแห่งกุศล

    ส่องสว่าง ณ กลางกมล.................เตือนรู้สึกตน
เห็นหนทางชัฏบัดสี

    กลับกมลตั้งต้นอีกที................กระทำความดี
มีศีลธรรมประจำจินต์

    จริยาพาพ้นมลทิน...............เปรียบปานปีกบิน
โผผินดินผละสละสม

    สัทธรรมจำเริญเพลินรมย์................สติวิกรม
อบรมบ่มจิตอานิสงส์

    เพียรหัดดัดใจให้ตรง.................คุณธรรมดำรง
อลงกตพรตกรรมอำไพ

    สุขศานติ์สืบซ่านทรวงใน..................ชีวีมีชัย
ไม่สะทกสะท้าน...สำราญเอย ฯ

๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ทำอะไรให้แก่โลก ? : กลอนคติเตือนใจ



ทำอะไรให้แก่โลก ? : กลอนคติเตือนใจ

    เมล็ดข้าว เหล่านี้ ที่เราหว่าน................สามเดือนผ่าน สานพวง เป็นรวงเหลือง
อาศัยดิน กินน้ำ แดดลามเนือง..................ก็ฟูเฟือง เขื่องครื้น เต็มผืนนา

    วัวควายอ้วน ท้วนพี มีพลัง...................มิได้สั่ง ทั้งสิ้น แค่กินหญ้า
ไก่คุ้ยดิน กินแมลง แกร่งกายา...................ถึงเวลา กลับเล้า เข้านอนเอง

    สมัยก่อน ย้อนกาล เด็กบ้านเก่า..............ไม่ต้องเร้า เฝ้าเพียร พากเรียนเก่ง
เด็กวันนี้ วิปริต คิดนักเลง..........................ริรีบเร่ง มีรัก และมักพาล

    ครูแต่ก่อน สอนดี มีสำนึก......................ให้รู้สึก เคารพ ขบ(คิด)ลูกหลาน
ครูวันนี้ มีมาก เหมือนยักษ์มาร....................คอยเกียจคร้าน หาญแส่ หาแต่เงิน

    หลวงตาเถร-เณร-ชี กิเลสหนา................ทำชั่วช้า อาบัติ มิขัดเขิน
คิดถึงพระ ในอดีต ผิดแผกเกิน....................ไม่เล่อเลิน เมินข้าม ธรรมวินัย

    คนทำงาน กาลก่อน สอนไม่ยาก..............ทนลำบาก บ่ถอย น้อยรายได้
คนทำงาน วันนี้ มิทันไร..............................อยากจะได้ เงินมาก ไม่อยาก(ทำ)งาน

    คนด้อยสมรรถ (ถะ)ภาพ การผลิต.............(กลับ)เอาแต่คิด กิน-ใช้ ใคร่ล้างผลาญ
ลอบหลบพัก รักสนุก อยู่ทุกกาล...................อายุผ่าน วารวัย ไร้ค่ามี

    เกิดมาแล้ว ทำอะไร ให้แก่โลก ?...............(ดีแต่)บริโภค-ทำลาย ไร้ราศี
เกิดมาควร กระทำ แต่กรรมดี........................รักษ์โลกนี้ ให้อยู่ คู่นิรันดร์ ฯ

๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ปีกแห่งปัญญา : กลอนคติเตือนใจ



ปีกแห่งปัญญา : กลอนคติเตือนใจ

    อาทิตย์ อัศดง.................รองรงค์ คงเลือน เคลื่อนไร้
ปัจฉิม พิมพ์ใจ.....................ปรากฏ สดใส สีสัน
นกเริ่ม กลับรัง.....................ร้องดัง พลีให้ ไพรวัน
ก่อนจะ เงียบงัน...................อัศจรรย์ ป่าดง พงพี

    ผีเสื้อ กลางคืน................เพิ่งตื่น จากการ นอนหลับ
ปีกค่อย ขยับ......................ปุบปับ ลับตา ผละหนี
สายัณห์ สวัสดิ์....................ปริวรรต ทัศนา ราตรี(ปริวรรต=หมุนเวียน,เปลี่ยนแปลง)
ชักชวน ชีวี.........................เข้าสู่ สันติ นิทรา

    ไตร่ตรอง มองตน.............เป็นคน ดีขึ้น หรือเปล่า ?
สะอาด ขัดเกลา...................ใจเรา เบาคิด มิจฉา ?
กิจกรรม คำพูด....................ดึงดูด ทุจริต อวิชชา ?
(หรือ)ยึดมั่น ธรรมา..............เป็นหลัก ศักดา อาทร ?

    เข้าใจ สัจจะ...................โลกทัศน์ พัฒนา หรือไม่ ?
เหตุผล กลไก.....................เหตุการณ์ ผ่านไป ให้สอน ?
เรียนรู้ ชีวิต.........................ถูก-ผิด วินิจฉัย ไม่คลอน ?
ศีลธรรม์ บัญชร....................สุโข สโมสร จรจินต์ ?

    อุปาทาน-ตัณหา..............(เมื่อ)บรรเทา เสาวภา พิสุทธิ์
ฤดี อวิรุทธ์..........................ประดุจ วิหค ผกผิน
ปีกแห่ง ปัญญา....................พิทักษ์ ชักพา ชีวิน
ข้ามทุกข์ สุขินทร์.................อาจิณ ภิญโญ วโรดม ฯ(สุขินทร์=สุข+อินทร์,วโรดม=เครื่องป้องกัน)

๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗