ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ฤดูใบไม้ผลิบาน : โคลงสี่สุภาพ



ฤดูใบไม้ผลิบาน : โคลงสี่สุภาพ

. อากาศอันอบอ้าว..................ผ่าวผัน
หนาวค่อยคลายกลายวัน...........กลับร้อน
ลมพัดฝุ่นหุนหัน......................ลอยฟ่อง
นาทุ่งแดดสะท้อน....................แผดเนื้อเผาหนัง ฯ

. ใบไม้ผลิบานแล้ว..................รื่นฤดู
พฤกษชาติทัศนาชู....................กิ่งก้าน
ทยอยสะพรั่งพรู.......................ใบผลิ
สีอ่อนแลสลอนล้าน..................นับล้านลานไสว ฯ

. นกแข่งเสียงเคียงซ้อง............ขับขาน
ระงมทั่วพนาพาน......................เพรียกก้อง
แหนหาคู่สู่สมาน.......................พันธุ์สืบ
บรรยากาศอึกทึกข้อง.................ทั่วท้องธรณิน ฯ

. ประเพณีท้องถิ่น.....................อีสาน
เดือนสี่ฤกษ์เแต่งงาน...................เลิศครั้น
เด็ก-สาว-หนุ่ม-เฒ่าขาน..............คึกช่วย
เตรียมสิ่งของทองหมั้น................เสื้อผ้าสาละวน ฯ

. เป็นวัฏจักรเริ่มต้น....................ชีวา
สืบสังสารวัฏฏา..........................ใหม่ซ้ำ
เกิด-โต-แต่ง-แก่ชรา...................ตายดับ
เดินตามวิถีค้ำ............................คู่เชื้อนราฉันท์ ฯ

. เกิดทดแทนเหล่าผู้..................วายชนม์
ตายเพื่อลดปริมาณคน.................หลากหล้า
สุข-ทุกข์ว่ายเวียนวน...................เกิด-ดับ
เหมือนกับฤดูกาลกล้า.................แกร่งก้าวกงไกร ฯ

๗. อีกมินานใบไม้........................เติมเต็ม
เป็นป่าดก รกเอม........................อวดฟ้า
กลางปีวัสสะเกษม.......................เขียวชอุ่ม
ปลายปีมิคลาดหน้า.....................ร่วงไร้ใบสูญ ฯ

๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

แรงรัก : สาลินีฉันท์



แรงรัก : สาลินีฉันท์
(ละเลยฉันทลักษณ์บางตำแหน่ง เพื่อรักษาเนื้อหา)

    แรงรัก ผลักดันให้..................ฤดีใคร่  พยายาม
ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตาม...........นรา(ที่)รัก ประสงค์สม

    เพื่อคน รักพอใจ....................(ตน)จะพลอยได้ สุขารมย์
บังเกิด ความเกลียวกลม..............ปฐมสู่ สโมสร

    แรงใจ ได้จากรัก....................ประสิทธิ์ศักดิ์ พระพรหมพร
สมบูรณ์ ดั่งกุญชร.......................พลาเพริศ พหุลหรรษ์(พหุล=มาก)

    ยอมตรำ ทนลำบาก................ผิเหนื่อยยาก จิบากบั่น
ยอมพลี แม้ชีวัน.........................เสมือนพาน สวรรค์ผล

    ทุ่มเท เรรวนไร้.......................สละให้ มิใฝ่ตน
งานหนัก จักเบานนท์...................เพราะโดนรัก พิทักษ์ไส

    ความรัก คือสักขี.....................สิปรีดี มิมีภัย
จิตจง อย่าหลงใหล.....................(ใคร)จิทำร้าย เพราะ(อ้างว่า)ใจรัก

    แรงโกรธ แรงโฉดชั่ว...........เห็นแก่ตัว มิกลัวผลัก-
ทุกข์ภัย ให้คนรัก........................ตระหนักแล รักแต่ตน

    แรง(ความ)รู้ คู่แรงรัก...............ประเสริฐฝัก สมัคร(ฝึก)ฝน
ทางให้ เกริกไกรบน.....................ถนนรัก มิพักเอย ฯ


๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

คนไทย ไม่ใช่ทาส : กลอนการเมือง



คนไทย ไม่ใช่ทาส : กลอนการเมือง

    อำนาจใด ที่ได้มา.....................โดยเข่นฆ่า ประชาชน
(คือ)อำนาจมาร อันมืดมน...............ตั้งอยู่บน ท้นทุกข์เข็ญ

    ประสาทแสง แห่งความกลัว........สถิตทั่ว ชั่วกรรมเวร
กดขี่คน ให้โอนเอน.......................ยอมตนเป็น เช่นทาสผัน

    แม้มีปาก (แต่)ไม่มีเสียง.............มีแค่เพียง เคียงชีวัน
คอยสดับ รับใช้มัน........................ห้ามขืนขัน ตราบบรรลัย

    ชะตากรรม หรือความขลาด ?.......สืบชีวาตม์ สมชาติไหม ?
ประกาศตน เป็น " คนไทย "...............แต่ไฉน " ไท " ไม่มี ?

    ต่างอะไร (กับ)ตายทั้งเป็น ?........ชีวีเห็น เช่นทาสผี
ถูกทรชน คนอัปรีย์.........................คอยกดขี่ เบียนบีฑา

    การลุกขึ้น เพื่อขับไล่..................ทรราชไป ใจอุตส่าห์
ทวงอำนาจ กลับคืนมา....................คือหน้าที่ เสรีชน

    กำลังกาย อย่าได้ลด...................ใจทรหด ไม่หมดหน
ความกล้าหาญ บันดาลดล................ประสิทธิผล จนกำชัย

    ประชาชน เป็นอำนาจ..................ประเทศชาติ ผงาดใส
เพื่อรักษา อธิปไตย.........................จงสู้ไป ไม่ท้อเทอญ ฯ


๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

อดทน : กลอนคติสอนใจ


อดทน : กลอนคติสอนใจ 
    ชีวีผอง ต้องอดทน แต่ต้นเกิด...............จำจากครรภ์ อันเลิศ ประเสริฐศรัย
มาสู่โลก ลำบาก ล้นหลากภัย...................สิ่งแวดล้อม  ห้อมกาย ให้ระกำ

    ท้องหิวคอย คลุกทราม ความเป็นสุข......เหน็ดเหนื่อยล้า พาทุกข์ มาลุกล้ำ
การเอาชี วี รอด ยอดเวรกรรม....................ความขาดแคลน แร้นกล้ำ ค้ำโลกา

    อดทนเรียน เพียรรู้ สู้ชีวิต.....................ควบคุมจิต อารมณ์ ปมปรารถนา
ปรับตัวเข้า สังคม สมคณา........................การศึกษา อาชีพ ฯลฯ บีบคั้นทรวง

    อดทนมุ มานะ หาเป้าหมาย..................ถึงสุดปลาย จะพ่ายแพ้ ไม่แม้ห่วง
อดทนฝืน ยืนยัน ฝันทั้งปวง......................แม้น้อยดู ลุล่วง (ดั่ง)ลวงฤดี

    สารพัน ปัญหา และอุปสรรค.................เป็นประจักษ์ ขากหนาม ตามวิถี
อดทนท้า ชะตากรรม ตรำชีวี....................อย่าเศร้าสร้อย ถอยหนี สู้วิริยา

    สัญชาตญาณ บัญชา ภาวะจิต...............ความรู้คิด เท่าทัน ข่มตัณหา
ศีลธรรม ค้ำจุน หนุนปัญญา......................ให้แกร่งกล้า กว่ากิเลส เฉทวิกล

    สรรพสิ่ง อิงสถิต อนิจสัจจ์....................ปริวรรต ปัจจัย ในเหตุ-ผล(ปริวรรต=เปลี่ยนแปลง)
ก่อประโยชน์-โทษภัย หลายหลากดล.........ต้องอดทน อดกลั้น ฟันฝ่าไป

    เวลาเคลื่อน เลื่อนพา อายุพลัด..............ชราภาพ ฉับชัด ตัดสงสัย
หลงยึดมั่น ถือมั่น สิ่งอันใด........................ล้วนไม่ใช่ ตัวตน ต้องทนเอย ฯ


๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ศีลธรรมคือทรัพย์อันประเสริฐ : กาพย์ฉบัง๑๖



ศีลธรรมคือทรัพย์อันประเสริฐ : กาพย์ฉบัง๑๖

    มวลหมอกฟอกดงพงไพร.................ยามอรุโณทัย
ขาวไปจนสุดสายตา

    ครั้นต้องแสงทองส่องทา...............สีสุริยา
(เกิดเป็น)ละอองทองพร่าพราวเห็น

    หมอกลูบไล้กายสบายเย็น..............แดดส่องต้องเป็น
อุ่นไอให้เบนเย็นฉวี

    สันติสิล้นดลฤดี...............สุขเกษมเปรมปรีดิ์
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน

    ศีลธรรมล้ำเลิศประเสริฐไกร................สรรค์สังคมให้
หยุดการทำร้าย-โฉด-ฉล

    คงความหมายความเป็นคน...............ประเสริฐเลิศชน
พ้นความเป็นสัตว์ดิรัจฉาน

    กรรมกุศลกลบันดาล...............เกิดสุขสำราญ
ประสบศานติอภิรมย์

    หาใช่เมามายโง่งม.............หมั่นสร้างสั่งสม
อุดมปัญญาอัชฌาศัย

    ปราศศัตรูอยู่ปลอดภัย..............ศีลธรรม+น้ำใจ
ยังให้ได้ดีศรีสนอง

    เสมือนหมอกขาวพราวครอง..............แสงสุรีย์สีทอง
เกิดเป็นละอองทองอุไร

    ศีลธรรมสำคัญสรรใฝ่...............เหนือทรัพย์สิ่งใด
มีไว้ย่อมได้ดีเอย ฯ


๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ลมหายใจของเวลา : กลอนเปล่า



ลมหายใจของเวลา : กลอนเปล่า

    ตะวันใกล้กาลอัศดงแล้วหรือ ?
แสงทองเรืองรองส่องคือ...
ถ้อยคำอันน่าเชื่อถือ
ของธรรมชาติผู้ชื่อว่า...เวลา

    เฝ้ามองความเป็นไปของท้องนภา
พินิจพิจารณา
เห็นความเชื่องช้าของเวลาที่ค่อยๆดำเนินไป

    ย้อนคำนึงถึงห้วงลึกแห่งหทัย
เหมือนเผลอไผลไปชั่วขณะ
กาลก็กลับล่วงละ
สู่เวลาสายัณห์อย่างรวดเร็ว

    ถอนใจเฮือกใหญ่ให้แก่สัจจา...
ที่มอบชีวามา...
แล้วกลับพรากพา
จากไปอย่างเย็นชาไม่ใยดี

    สังขาร...
เปรียบเสมือนพันธนาการ อันจองจำจิตวิญญาณมิให้หนี
เพื่อพลีการอันใด ?
คิดเท่าไรก็ยังไร้คำตอบ...

    โซ่ตรวนแห่งตัณหา
ฉุดกระชากลากพาอุราอย่างไม่ปราศรัย
มีที่มาประการใด ?
เหตุใด..จิตใจจึงต้องข้องอยู่มิรู้เลือน

    ด้วยเหตุฉะนี้...
ปราชญ์เมธีตั้งแต่อดีตกาล
จึงขนานฉายาให้แก่การมีชีวา ว่า...
คือ..." สังสาร / สงสาร "
เพราะสร้างความทุกข์ทรมาน มากกว่าศานติสุข

    ความทะยานอยากมากมายไม่สิ้นสุด
ประดุจลมหายใจแห่งจิตวิญญาณ
ชักใยให้กระหายในความต้องการ
เพื่อสืบสานสิ่งอันใด ?

    เมื่อการทำตามใจ
รังแต่จะนำความวุ่นวายมากมายมาให้
การฉุกคิด รู้เท่าทัน
และหยุดความกระสัน ดิ้นรนของจิตใจ
ละวาง...อย่างตั้งใจ
จะช่วยถากถาง ลบล้างความทะยานอยากได้
ไม่ยากเย็น...

    เมื่อลมหายใจของสังขาร
สอดคล้องส้องประสาน
กับลมหายใจของเวลา...
ชีวาอันศานติสุข ปลอดทุกข์เข็ญ
ก็จะเป็นไป...
ตามจังหวะแห่งอายุขัย...อย่างไร้ความกังวล ฯ


๒๓ กุมพันธ์ ๒๕๕๗  

วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ห้ามใจมิให้รัก : กาพย์ยานี ๑๑



ห้ามใจมิให้รัก : กาพย์ยานี ๑๑

    เธอมี ดีตรงไหน ?....................หรือชั่วร้าย นิสัยเสีย ?
รูป(งาม)ล้ำ (แต่)ใจต่ำเตี้ย.............รักเรี่ยราด ขาดศีลธรรม

    รู้จัก(กันดี) หรือสักแต่ว่า...........เพิ่งพบหน้า ใจก็ระส่ำ?
ชั่ว/ดี มิน้อมนำ...........................คือ(ความ)" หลงใหล " หาใช่ " รัก "

    สถานะ-ฐานะ-วัย.....................สมควรไหม ? ให้ตระหนัก
วัยเรียน อย่าเพียรรัก..................ยังลำบาก(ยากจน) อย่าอยาก รน

    ความรัก ที่ลักลอบ...................ย่อมมิชอบ ยอบฉ้อฉล
(รัก)หลบซ่อน สะท้อนมน..............อกุศล ล้นราคี(ลักลอบรักกัน ไม่ใช่แอบรักอยู่ในใจไม่แสดงออก)

    รักเหลือ เพื่ออะไร ?.................ประโยชน์ใส พิไลศรี ?(รักเหลือ=รักมาก)
หรือโฉด โทษภัยมี.......................อย่าเสียสติ สิเสียน้ำตา

    อุปสรรค หนักแค่ไหน ?.............แม้มาก-ใหญ่ หลายปัญหา
ยากเกิน มิเพลินพา.......................ก่อทุกขา->เลิกราครัน

    รักเรา ยืนยาวไหม ?..................(หาก)เดี๋ยวบรรลัย อย่าใฝ่ฝัน
อนาคต (ต่างฝ่าย)หมดสำคัญ.........อย่ารักกัน (ก่อนจะ)ทรมานใจ

    พ่อแม่ ผู้ปกครอง.....................ญาติพี่น้อง เห็นพ้องไหม ?
สายเลือด มิเหือดไร้......................สายใยรัก มิภักดิ์เพียง

    เป้าหมาย ในชีวิต.....................รักนิรมิต สัมฤทธิ์เลี้ยง ?
หรือหยัด ขัดขวางเยี่ยง.................อย่าได้เสี่ยง หลีกเลี่ยงสรร

    ห้ามใจ มิให้รัก........................สิประจักษ์ มิยากครัน
ตัดใจ ไม่ยึดมั่น............................เพื่อชีวัน สันติ์สุขเอย ฯ


๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ใจแลแปรปรวนง่าย : กลอนคติสอนใจ



ใจแลแปรปรวนง่าย : กลอนคติสอนใจ

    หนาวหวน กวนให้ กายระส่ำ.............หลังฝน หล่นกรำ ร่ำอุษา
ยิ่งคล้อย ยามค่ำ ย่ำสนธยา..................ลมโหม โถมถา น่าสะพรึง

    ในความ มืดมน อนธการ..................เสียงลม ผสมผสาน หนาวซ่านซึ้ง
ใบไม้ ไหวพลิ้ว ปลิวอึงคะนึง.................น่าทึ่ง อากาศ ประหลาดแล

    เมื่อวาน ยังร้อน นอนเหงื่อซก............เมื่อเช้า ฝนตก ยกใหญ่ ; แต่
สายัณห์ ผันผวน ลมปรวนแปร...............สุดแท้ ธรรมชาติ น้อมอัชฌา(อัชฌา=ความยอมผ่อนปรน)

    อากาศ ปราดแปร ยังแพ้พ่าย............ใจแล แปรง่าย ไร้กังขา
ไม่เลือก ฤดูกาล วารเวลา.....................เหตุผล ค้นหา น่าเหนื่อยใจ

    " อย่าถือ(สา) " คือวิธี ดีที่สุด............ประดุจ อากาศ อัชฌาศัย
เล็กน้อย ปล่อยวาง " ช่างประไร "..........(ถ้า)เรื่องใหญ่ ใคร่ครวญ (ทบ)ทวนสัมพันธ์

    (คน)เอาแน่ ไม่ได้ อย่าใคร่คบ...........เพราะจะ มิพบ ประสบสันติ์
(คน)เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย อย่าใกล้กัน...........เสมือน เฟือนฟั่น สิอันตราย

    สำรวจ ตรวจตรา ภาวะจิต(ของตน).....อารมณ์ ความคิด มีฤทธิ์หลาย
อย่าให้ ผันผวน รวนง่ายดาย..................(เพราะ)สุดท้าย ร้ายผล ต้องตนเอง

    สติ สมาธิ เป็นที่ตั้ง..........................จิตหยั่ง สุญญา สงบเพ่ง
ข่มใจ ให้นิ่ง คลายกริ่งเกรง...................กุศลธรรม์ บรรเลง สุขเบ่งบาน ฯ


๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ 

วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ความรักที่ไร้ความศักดิ์สิทธิ์ : กาพย์ยานี ๑๑



ความรักที่ไร้ความศักดิ์สิทธิ์  : กาพย์ยานี ๑๑


    มือไซร้ หากให้จับ....................จะขยับ ไปรับแขน
โอบกอด มิรอดแม้น......................ไม่แหนหวง ให้ควงกร

    ปากไซร้ จะได้จูบ.....................หลังได้ลูบ แก้มขวัญอ่อน
คลึงกาย ไล้บังอร.........................คือขั้นตอน โอนอ่อนตาม

    ไฟรา คะคุข้อง.........................การปกป้อง ไม่ต้องถาม
เคลิบเคลิ้ม เริ่มคล้อยลาม...............กามอารมณ์ เร้าโรมใจ(ใช้กามอารมณ์ เพื่อให้พ้องเสียงกับ ลาม)

    เสื้อผ้า ถ้าถูกถอด.....................ยากหลุดรอด โดนสอดไส้
เสียตัว จะเสียใจ...........................เพราะไร้ค่า (ใน)สายตาครัน

    คือรัก ไร้ศักดิ์สิทธิ์.....................สิ้นความคิด มิจฉาฉันท์
ละเมิด เพริศพรหมจรรย์..................สะท้อนทัณฑ์ สะท้านกาย

    เสียตัว เสียแต่ต้น......................แต่งงานหม่น พ้นความหมาย
พลาดท่า น่าเสียดาย...........................ความเสียหาย ไม่คลายคืน

    (ถูก)แลเป็น เหลือเดนไป............หวังรักใคร ยากได้ขืน
สัมพันธ์ มิสรรค์ชื่น...........................ขมขื่นมาน สะท้านสะทก

    แค่ของ มือสอง-สาม...................หรือลุกลาม สี่-ห้า-หก ฯลฯ
อัปลักษณ์ ใครอยากยก....................จากนรก โศกเศร้าเอย ฯ


๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วัยรุ่น วัยเปลี่ยนผ่าน : โคลงสี่สุภาพ



วัยรุ่น วัยเปลี่ยนผ่าน : โคลงสี่สุภาพ

. สุกใส ณ ขอบฟ้า........................ภาสกร
สีสันแสงบัญชร...............................ร้อนหน้า
อรุณรุ่งจรุงจร..................................จำรัส
อบอุ่นละมุนหล้า..............................เชื่องช้าสะศานติ์ ฯ

. หมอกหนาว ณ ทุ่งหญ้า.................คงขจร
ความเย็นเยือกเสือกซอน...................แทรกย้ำ
หนาวยังสืบสังวร..............................เวียนอยู่
อรุณรุ่งอร่ามล้ำ................................อุ่นให้หทัยหนอ ฯ

๓ รอยต่อระหว่างร้อน........................แลหนาว
ธรรมชาติพิลาสราว...........................ล่วงรู้
ประดุจดั่งหนุ่มสาว............................วัยรุ่น
รอยต่อเปลี่ยนผ่านผู้-........................ใหญ่พ้นชนม์เยาว์ ฯ

. ยังคิดยังจิตเพี้ยง..........................ดรุณ
กรรมกิจพิศโทษ-คุณ........................แค่น้อย
ความสุขสนุกหนุน............................เนื่องเสาะ
สัญชาตญาณคล้อย..........................อ่อนด้อยประสบการณ์ ฯ

. การรักดีช่วยพ้น............................เภทภัย
การข่มจิตคิดไกร..............................อดกลั้น
จึงจักเอาชนะใจ...............................ใฝ่ต่ำ
กับดักสังคมดั้น................................วางไว้(ให้)ใหลหลง ฯ

. มิรักดีมิพักต้อง.............................เสียคน
โฉดเขลาเมากมล............................ชั่วช้า
อนาคตย่อมมืดมน............................ตกต่ำ
ครวญคร่ำกำสลดว้า-.........................วุ่นเศร้าโศกศัลย์ ฯ

. กว่าจะพึงผ่านร้อน.........................ผ่านหนาว
กี่ร่องรอยด่างพราว............................เปรอะผ้า ?
มลทินกลิ่นโชยฉาว...........................เท่าไหร่ ?
ฤาประเสริฐเชิดหน้า...........................อย่างพร้อมภาคภูมิ ?


๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เสบียงบุญ : กลอนคติเตือนใจ



เสบียงบุญ : กลอนคติเตือนใจ

    ดูทีท่า จะหมดหนาว เข้าหน้าร้อน..............สายลมอ่อน พัดเย็น มิเห็นแห้ง
เลิกควานหา ผ้าห่ม ประทมแปลง..................สัญญาณแล้ง แฝงไว้ ให้กังวล

    ดอกมะม่วง พวงพาน เริ่มบานเบ่ง..............ลั่นทมไร้ ใบเคว้ง คอยเร่งฝน
หากทว่า เมฆาไคล ในนภดล........................ความร้อนวน เริ่มท้นถา ทั่วธานี

    ชั่วประเดี๋ยว เดียวก็พ้น ผจญหนาว.............อากาศอ้าว อบอวล ชวนหลบลี้
แดดแผดเผา เร่าร้อน ทอนกายี.....................แทบไม่มี เรี่ยวแรง สู้แสงทน

    ประเดี๋ยวประด๋าว เข้าสู่ ฤดูร้อน.................สัจจ์สะท้อน เวลา รุดหน้าล้น
อย่ามัวหลง ระเริง บันเทิงชนม์......................ความเป็นคน คงได้ อยู่ไม่นาน

    หากไม่ตุน บุญไว้ ใช้(เป็น)เสบียง..............สะสมเพียง บาปให้ ใจเหิมหาญ
เกิดชาติหน้า อย่าหวัง (เป็น)ดั่งต้องการ..........ไป(เกิด)เป็นสัตว์ เดรัจฉาน/ โลกันตร์ไกล

    สุขที่ได้ จากการ สรรค์เวรกรรม.................(คือ)สิ่งชักนำ ทุกข์ผล หนทางให้
ทรัพย์ที่คด โกงมา อย่าดีใจ..........................ต้องตามใช้ หลายเท่า เร่าทวี

    การทำดี มิได้ ไร้สาระ..............................คือพาหนะ พาสู่ อุกฤษฏ์ศรี
กุศลกรรม นำไปหา สุขาวดี...........................อเวจี ลี้หลบ ประสบชัย

    หลังความตาย ใครว่า จะสูญสิ้น.................การได้ยิน คำเตือน เหมือนแสงไสว
ส่องมรรคา สวัสดี นิรภัย...............................จงตั้งจิต สุจริตไป ไม่ปล่อยเอย ฯ


๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ 

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ปัญหารัก : กลอนคติเตือนใจ



ปัญหารัก : กลอนคติเตือนใจ
(ฉันทลักษณ์ที่ผมคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง)

    ความรัก..............................เกิดมา ประจักษ์ พร้อมจิตใจ
ไม่ต้อง มีใคร...........................มาสอน สั่งให้ ก็รักเป็น

    ปัญหา................................เกิดเพราะ อุรา พาทุกข์เข็ญ
รักไร้ กฎเกณฑ์.........................และการ ทำเล่น ไม่จริงจัง

    มองข้าม (ความ)เหมาะสม.......รักจึง ลาญล่ม ซมสิ้นหวัง
ขาดซึ่ง พลัง.............................ไม่ตั้ง ใจย่อม (รัก)ไม่ยั่งยืน

    ไร้ซึ่ง ความรู้(รัก)...................อย่าสู้ ใฝ่ฝัก รักใครอื่น
ไร้หน ผลรื่น..............................รังแต่ จะสะอื้น ขื่นดวงมาน

    รักแต่ ตัวเอง.........................ไม่กริ่ง ไม่เกรง เพ่งอาจหาญ
ไข่วข้อง ต้องการ.......................แต่สุข สำราญ สานแก่ตน

    ไม่ซื่อ สัตย์-ตรง....................รักคง เป็นได้ แค่ใคร่ฉล
เอาแต่ ใจตน............................ไม่พ้น พิบัติ ยากวัฒนา

    สารพัด เหตุผล.....................ที่บัน ดาลดล ผจญปัญหา
ตากตรำ น้ำตา..........................ชีวา วิกฤติ จิตวิกล

    ไม่พร้อม อย่าพลี...................อย่ารี่ ล่ารัก จักขัดสน
หมกมุ่น(แต่รัก) มืดมน................(เท่ากับ)รักตน ไม่เป็น ลำเค็ญเอย ฯ


๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รุ่นสู่รุ่น : กลอนคติสอนใจ



รุ่นสู่รุ่น : กลอนคติสอนใจ

    ภาสกร อ่อนแรง แสงจำรัส.................ไม่แจ่มชัด เพราะหมอก พรางพอกหนา
รุ่งอรุณ อร่ามมี รุจิรา.............................ที่พร่างพร่า เพียงเพรา ขาวผ่องพรรณ

    ป่าลับเร้น เป็นเงา เซื่องเซาสบ...........หมอกตลบ อบไอ ทั่วไพรสัณฑ์
ทัศนีย์ ธรรมชาติ ช่างอัศจรรย์.................เป็นรางวัล ปันสุข ปลุกชีวี

    กิ่งก้านที่ เกิดก่อน อยู่ซ้อนต่ำ.............(กิ่ง)อ่อนจรุง สูงล้ำ ตามวิถี
แจ้งธรรมา อานิสงค์ พงไพรมี.................ชักชวนชี้ พิเคราะห์ เพาะปัญญา

    คนรุ่นใหม่ ให้พัฒนา กว่ารุ่นเก่า...........มิเชือนแช (เพราะ)แค่เทียมเท่า=ไม่ก้าวหน้า
คนรุ่นเก่า เขาคิด-สร้าง อย่างไรมา...........ต้องตั้งตา ต่อยอด ถ่ายทอดไป

    องค์ความรู้ สู่สาน หมั่นศึกษา..............จริยา จิตจรัส ดัดนิสัย
ศีลธรรม สัมมา ศรัทธาไท.......................จงใส่ใจ ให้มี ดีกว่าเดิม

    มรดก ตกทอด อย่ามอดไหม้...............ของมีค่า อย่าขาย ใช้จ่ายเหิม
เกียรติศักดิ์ รักษา กล้าต่อเติม.................คุณความดี ทวีเพิ่ม เสริมอำไพ

    อย่าได้หยุด อุตส่าห์ สุดสามารถ..........ธีรชาติ ทัศนา อดิศัย
อย่ากลัวความ ลำบาก (จง)ภาคภูมิใจ...........จึงจักไม่ เสียที ที่เกิด-เป็น

    ทำให้คน รุ่นเก่า เขายอมรับ.................กับคุณสมบัติ พัฒนา โสภาเห็น
ให้คนรุ่น ต่อไป ได้บำเพ็ญ......................ทำประโยชน์ โดดเด่น อย่างเช่นเรา ฯ


๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ความเมตตากรุณา : กาพย์ยานี ๑๑



ความเมตตากรุณา : กาพย์ยานี ๑๑

    โรยริน ยินหยาดฝน..................หลั่งร่วงหล่น ปนความหนาว
ราตรี นี้เกรียวกราว.......................ราวจะร่ำ คำอำลา

    คาดจง หนาวคงจาก................น้ำตาพราก นองฟากฟ้า
สู่ผืน พสุธา................................เป็นสัญญา สายสัมพันธ์

    เกิดมา ณ โลกนี้.....................ทุกชีวี มีอาสัญ
ดิ้นรน ดั้นด้นกัน..........................เพื่อสรรสร้าง พร่างสุขพี

    แล้วใย ไม่ยอมลด...................ยอมละคด ความกดขี่
(เอาแต่)ไตร่ตรอง จ้องจับบี-..........ฑาว่าร้าย ให้แก่กัน

    หาใช่ วิสัยสุด.........................ของมนุษย์ (ที่จะ)รุดขยัน
พอมี เลี้ยงชีวัน...........................และแบ่งปัน จรรโลงใจ

    อยู่ร่วม สำรวมกรรม..................กุศลทำ จำเริญได้
มิต้อง คับข้องใคร........................เป็น-มี-ได้ หลายกว่าเรา

    ของเขา เราอย่าแย่ง.................อย่ากลั่นแกล้ง ให้โศกเศร้า
(เอา)ใจเขา ใส่ใจเรา....................อย่ามัวเมา เบาปัญญา

    โลกหล้า จะน่าอยู่....................รอยยิ้มสู่  คู่ใบหน้า
ทุกคน ท้นศรัทธา........................กรุณา เมตตาเทอญ ฯ


๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ไม่รักดี : กลอนคติเตือนใจ



ไม่รักดี : กลอนคติเตือนใจ

    เสียงใบไม้ ไหวพลิ้ว ลมลิ่วพัด..............ในราตรี ที่สงัด นิรัติศัย
ความหนาวเย็น เป็นเสมือน สิ่งเตือนไตร......ต้องใส่ใจ สุขภาพ ตราบชีวี(ไตร=ไกร)

    เรื่องบันเทิง เริงให้ ได้สนุก...................หมกมุ่นมัก จักทุกข์ ไร้สุขี
แย่งเวลา พักผ่อน นอนหลับพี...................บ้างยังมี เบียดบังงาน ทาน(อาหาร)เวลา

    สิ่งบันเทิง ส่วนใหญ่ ไร้สาระ.................โหมโมหะ พาฤดี สิเน่หา
อย่าติดอก ติดใจ ในมายา........................ฉุดชีวา วิปริต จิตวิกล

    หลง Social Medea มากเสียหาย..........ผิดพลาดย่าง ทางอบาย กลายโฉดฉล
ค่านิยม รมย์ทราม ลามเสื่อมซน................ทำอุบาทว์ ประหลาดล้น ไม่ยลเกรง

    ล่า " ติดตาม-กดไลค์ " กันใหลหลง.......มุ่งประสงค์ ประสา ตนกล้าเก่ง
แพร่ภาพเปลือย เปลื้องผ้า บ้าละเลง...........อลวน อลเวง มิเพ่งภัย

    ปราศประโยชน์ โทษหา มาใส่หัว...........ประพฤติตัว ชั่วช้า ช่ำสาไถย
ยอมเสียตัว เสียตน จนเสียใจ....................เสียอนาคต หมดได้ (เพราะ)ไม่รักดี

    รักกินเหล้า เมายาฯ กีฬาบัตร ฯลฯ..........ภัยพิบัติ พัดกราก ยากหลีกลี้
ค่านิยม สังคม(สมัย)ใหม่ ใยอัปรีย์..............ทิ้งความดี ศีลธรรม ตกต่ำตรอง

    ไม่รักดี (มัก)รักเล่น เป็นนิสัย.................ผลสุดท้าย ได้ทราม ตามสนอง
ไม่ทำดี แล้วได้ดี มิ(มีวัน)สมปอง................กฎแห่งกรรม นำครรลอง ถ่องแท้เทอญ ฯ


๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ชีวิตคู่คืองานยาก : กลอนคติเตือนใจ



ชีวิตคู่คืองานยาก : กลอนคติเตือนใจ

    เรียนหนังสือ ถือว่าง่าย.................อย่าเบื่อหน่าย การอ่านเขียน
สิบกว่าปี ที่พากเพียร.......................สร้างเสถียร เจียรชีวัน

    มีเพื่อนผอง สนองสนุก.................แสนเป็นสุข ทุกสิ่งสรรพ์
ย้อนรำลึก ตรึกสัมพันธ์.....................ยังอัศจรรย์ บันเทิงใจ

    ทำงานการ วัน-เดือน-ปี................แม้ยากมี ฤดียังไหว
พบอุปสรรค หนักเพียงใด..................บากบั่นได้ ไม่ยากเย็น

    งานทำให้ ได้เรียนรู้......................สังคมสู่ ปูทางเห็น
โลกธรรม สำคัญเป็น.........................ความรู้เช่น เกณฑ์ชีวี

    มีรักไซร้ ง่ายที่สุด........................ใจไม่หยุด ผุดผลิตผัน
รักใหม่ชื่น ชั่วคืนวัน..........................รักเก่านั้น ต้องหมั่นเติม

    ชีวิตคู่ คืองานยาก........................อิสระพราก งานหลากเพิ่ม
ความเคยชิน ชีวินเดิม.......................ปรับปรุงเสริม เริ่มใหม่วัน

    เผยส่วนดี ชี้ส่วนเสีย.....................ให้ระเหี่ย หรือหฤหรรษ์
เห็นแก่ตัว/ เห็นใจกัน........................สื่อสัมพันธ์ สรรค์สายใย

    คุณธรรม ความเสียสละ..................ต่อภาระ อันยิ่งใหญ่
ชีวิตคู่ อยู่หรือไป ?............................ขึ้นกับใจ-การก่อกรรม์

    ก่อนจะรัก(ใคร) อย่ามักง่าย.............หากแพ้พ่าย ไห้โศกศัลย์
การหย่าร้าง สร้างสรรพทัณฑ์...............ฝืนอยู่กัน ลาญร้าวทรวง ฯ


๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ความจริง...สิ่งต้องเลือก : กลอนคติชีวิต



ความจริง...สิ่งต้องเลือก : กลอนคติชีวิต

    (ลม)หนาวใย ยังไม่ หมดฤทธิ์..............พัดหวน ชวนจิต พิษฐาน์
เพิ่งย่าง กลางเดือน กุมภาฯ.....................ร้อนอย่า เพิ่งเคลื่อน เยือนเคย

    หลายวัน ผันรวน ผวนร้อน...................แล้วย้อน หนาวเย็น เช่นเฉลย
(ฤดู)หนาวจะ ยังคง ยงเคย......................ลมเอื้อน เลื่อนเชย รำเพยพา

    รวี หรี่แสง แรงส่อง............................อรุณ ผุดผ่อง รองฟ้า
หมอกสุม นุ่มยวน นวลตา........................แปดนา ฬิกา ยังซึมเซา

    เลือกจะ ละซึ่ง บางสิ่ง........................เพื่ออิง แอบงาม ยามเช้า
เลือกละ ช้าชั่ว มัวเมา.............................เพื่อเพรา เพริศสวย ด้วย(ความ)ดี

    ความจริง เป็นสิ่ง ต้องเลือก.................จะเกลือก กลั้วทราม/ กล้ำศรี
เลือกทั้ง สองทาง ลางที.........................ชั่วได้ ไม่ดี มีงาม

    สังคม อุดม สมสัจจ์............................สารพัด วัฒนธรรม นำหลาม
ต้องเลือก ต้องสรร ต้านทราม...................หรือเลือก คล้อยตาม ต่ำไป

    เท่ากับ รับปาน การเป็น.......................คนเดน/คนดี วินิจฉัย
แลต้อง รองกรรม ทำไกร.........................ที่เรา ก่อไว้ ได้-มี

    ละทราม ธรรมสรร บรรเจิด...................จะเกิด เพริศหลาย ภัยลี้
ชีวิต พิศพัฒน์ สวัสดี..............................สุคติ ศรีใส ไพบูลย์ ฯ


๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รักเพียงเธอ : กลอนรัก



รักเพียงเธอ : กลอนรัก

    ใจดวงนี้ จิไร้ ใครให้รัก.........................เพราะสมัคร รักเธอ พร่ำเพ้อฝัน
แต่อดีต ติดตรึง ถึงปัจจุบัน........................มีเพียงเธอ เท่านั้น (รัก)มั่นหมดใจ

    อยู่กับเธอ ทีไร ใจอบอุ่น.......................รักละมุน สุนทรีย์ สุขีไฉน
มิกังวล กลทราม ความปลอดภัย.................เราต่างใฝ่ ในศีล จินต์จรรยา

    เอาใจใส่ ในกัน และกันเสมอ.................ปรึกษาเธอ ช่วยแปร แก้ปัญหา
คิดสุขุม รอบคอบ ชอบธรรมา.....................ทรงสติ มีปัญญา ใช่อารมณ์

    ซื่อสัตย์ตรง ต่อกัน สัมพันธ์ก่อ...............ไม่คิดฉ้อ ล่อฉล รนขื่นขม
ไม่ผันผวน รวนเร เล่ห์ระดม.......................สิเกลียวกลม เสมอต้น เสมอปลาย

    ให้เกียรติกัน และกัน หรรษ์วิถี................ไม่กดขี่ บีฑา เมตตาขยาย
เฝ้าไถ่ถาม ทุกข์สู่ อยู่สบาย.......................เวียนเอาอก เอาใจ บ่วายเว้น

    ได้ร่วมสุข ร่วมทุกข์ ผูกพันจิต................รวมชีวิต ไว้ด้วยกัน มิหวั่นเข็ญ
เหมือนดวงดาว พราวพันธ์ เพียงจันทร์เพ็ญ....สงบเย็น เห็นชื่น ทุกคืนครัน

    อยู่ที่ไหน ก็ได้ ให้มีเธอ..........................แม้ต้องเจอ เหนื่อยยาก จะบากบั่น
ความดีงาม นำพา มารักกัน........................คู่ประสงค์ คงประสาน นิรันดร

    มิใช่เธอ จะขอไม่ มีใครอื่น.....................แม้ยามตื่น มิได้มา สโมสร
รอยามฝัน รักหวานชื่น รื่นอมร.....................ไม่แคลนคลอน จรจิต จวบนิตยา ฯ


๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗