ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

ทำไมร้อนจัง ? : กลอนแปด



ทำไมร้อนจัง ? : กลอนแปด

    ยินแต่คน บ่นว่า อากาศร้อน.............เคยคิดย้อน คอนหา สาเหตุไหม ?
ว่าอากาศ บัดนี้ มีอะไร ?......................บันดาลให้ ได้ผิด วิปริตเป็น

    ถึงหน้าร้อน ร้อนจน ทุรนทุราย..........ผืนดินกลาย แห้งผาก ลำบากเห็น
แม่น้ำขอด ทอดยาว ราวกับเป็น............ทะเลทราย วายเว้น เร้นชีวี

    หวังฝนฟ้า มาริน แผ่นดินรด..............ไล่ร้อนหมด อดอยาก พรากทุกข์หนี
กลับพบพาน พายุ ประทุที....................บ้านช่องโดน ป่นปี้ บี้แหลกลาญ

    ถึงหน้าฝน ทิ้งช่วง ล่วงเวลา..............พอฝนมา บ่าท่วม อ่วมเภทผลาญ
มิดเรือกสวน ไร่นา ดูจะปาน...................มหาสมุทร สุดสถาน บาดาลแดน

    ถึงหน้าหนาว หนาวบ้าง ไม่หนาวบ้าง...แต่ค่อนข้าง สร้างร้อน ย้อนยอกแสน
ครวญคำนึง ครึ่งปี มิคลาดแคลน.............คือหน้าร้อน ค่อนแร้น แสนทรมาน

    ขนาดคน ชนบท อดมิได้...................คิดสงสัย ใยร้อน ? อยากย้อนขาน
ป่าไม้เคย มากมี บริบาล........................รอบหมู่บ้าน ชนบท หมดหรือยัง ?

    ตัดจนเหี้ยน เตียนโล่ง อย่าสงสัย.........เอาอะไร บังแดด แผดร้อนรั้ง ?
ไร้ป่าไม้ ไร้ชื้น พื้นดินพัง........................ความอุดม สมสั่ง สิ้นร้างรา

    ฝนตกมา ป่าไร้ ไม่ดูดซับ....................มวลน้ำสรรพ กลับไหล ทลายถลา
ท่วมบ้านเมือง-ชนบท หมดไร่-นา.............สมน้ำหน้า ดีไหม ? คนไทยเอย ฯ

๓๐ เมษายน ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2557

ไม่รวยให้มันรู้ไป : กาพย์ฉบัง๑๖



ไม่รวยให้มันรู้ไป : กาพย์ฉบัง๑๖

    เยาว์วัยตั้งใจศึกษา.................(ความ)สามารถพัฒนา
ทักษะแสวงมาประดับ

    ศีลธรรมสัมมาคณานับ.................กุศลา สดับ
กำกับความคิดจิตใจ

    รักดีมิหาสาไถย................ชั่วล้างห่างไกล
ไม่คบคนพาลอัญชลี

    ครรลองคลองธรรมนำวิถี.................ธำรงชีวี
มิออกนอกลู่นอกทาง

    มุ่งความเจริญมิเหินห่าง...............เพียรงานสรรสร้าง
อยู่อย่างประหยัดมัธยัสถ์

    อบายมุขอย่ามาผูกมัด.................ทุจริตจิตตัด
ซื่อสัตย์รัถยาประสงค์(รัถยา=ทางเดิน)

    กิจการงานเยี่ยงเที่ยงตรง................คุณงามดำรง
จำนงน้ำใจไมตรี

    ฐานะมั่นคงค่อยมี.................คู่ครองส้องศรี
เป็นคนดีมีปัญญา

    เลี้ยงลูกด้วยความอุตสาห์...............ถ่ายทอดธรรมา
อย่าปล่อยตามบุญตามกรรม

    ไม่โลภมากอยาก(รีบ)รวยร่ำ................ขยันงานทำ
ทุ่มเท-อดทน-สนใจ

    ไม่รวยให้มันรู้ไป................เงินทองเหลือใช้
ไร้ความกังวลวิมลเอย ฯ

๒๙ เมษายน ๒๕๕๗

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557

ไม่จนให้มันรู้ไป : กาพย์ฉบัง๑๖



ไม่จนให้มันรู้ไป : กาพย์ฉบัง๑๖

    วัยเยาว์เอาแต่เที่ยว-เล่น................การศึกษาเห็น
เป็นสิ่งขวางกั้นหรรษา

    ทักษะ(ความ)สามารถไม่พัฒนา...............ทอดทิ้งวิทยา
ทำตัวชั่วช้าสาไถย

    หลากการกระทำตามใจ................อันธพาลจัญไร
ไม่คิด(ถึงความ)ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี

    พฤติทราม+ความรู้ไม่มี...............หาเลี้ยงชีวี
เกียจคร้านมิอยากตรากตรำ

    รายได้น้อยพลอยระกำ...............กลางคืนกลางค่ำ
เที่ยวย่ำราตรีราคีหลง

    หมั่นสร้างหนี้มิพะวง................ชดใช้ไม่ตรง
ขึ้นโรงขึ้นศาลพบพาลภัย

    รีบมีคู่(เพราะ)ราคะใคร่...............ยั่วตายั่วใจ
มิทันไร้หย่าร้างผัน

    คบ(คน)ใหม่แค่ไม่กี่วัน................ล่วงเพศสัมพันธ์
ท้องยันหัวปีท้ายปี

    (ปล่อย)ยะถากรรมตามวิถี..............เลี้ยงดูรู้ดี
ไม่มีอนาคตสดใส

    หลงการพนันบรรลัย...............คดโกงลงไป
งมงายแต่ไสยศาสตร์

    อาภัพอัปรีย์ชีวาตม์................(เพราะ)ทำตัวชั่วชาติ
(เอาแต่)วาดฝันพานโชคโภคผล

    ลูกหลานพาลเพียรเวียนวน.................หล่นไม่ไกลต้น
ไม่จนให้มันรู้ไป ฯ

๒๘ เมษายน ๒๕๕๗

วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557

เสียน้ำตา ตอนแก่ตัว : กาพย์ยานี ๑๑



เสียน้ำตา ตอนแก่ตัว : กาพย์ยานี ๑๑

    ตอนเรา ยังเยาว์วัย....................ถูกผู้ใหญ่ (บังคับ)ให้อุตสาห์
พากเพียร เรียนวิชา.......................ฝึกจรรยา อุปนิสัย

    เห็นเด็ก คนอื่นๆ........................เล่นสดชื่น รื่นเริงไป
(เรา)รู้สึก นึกน้อยใจ.......................ในฤดี สิสับสน

    ล่วงสู่ เป็นผู้ใหญ่........................จึงเข้าใจ ในบัดดล
เล่าเรียน เพียรพากผล.....................ดลได้ดี มีฐานะ

    ส่วนเด็ก เอาแต่เล่น.....................บัดนี้เป็น ปานสวะ
คับแค้น แร้นชีวะ.............................ตกระกำ ลำบากเข็ญ

    พากเพียร เล่าเรียนไซร้................(เท่ากับ)ทำดีไป ใกล้เคียงเป็น
ผลดี (แรก)ยังมิเห็น.........................เช่นทำดี มิได้ดี ?

    ต่อเมื่อ เกื้องานทำ.......................ปัญหาห้ำ จำเริญศรี
สุขมา ฐานะมี..................................ทึ่งผลดี ที่พากเรียน

    ต่อเมื่อ เรื้อลำบาก.......................จึงรู้หาก รักอ่านเขียน(เรื้อ=รก)
จะไร้ ทุกข์ว่ายเวียน..........................เปลี่ยนชีพเห็น เป็นอีกคน

    แก่มา อายุมาก............................ต่อให้อยาก เรียนอีกหน
ยุ่งยาก ลำบากยล.............................ไม่เกิดผล ดลชีวา

    ยามเรา ยังเยาว์วัย.........................จงตั้งใจ เรียนเถิดหนา
จะได้ ไม่ต้องมา................................เสียน้ำตา ตอนแก่ตัว ฯ

๒๗ เมษายน ๒๕๕๗

วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557

ผิดเป็นครู : โคลงสี่สุภาพ



ผิดเป็นครู : โคลงสี่สุภาพ

. เกิดทำรอยเลอะผ้า....................อาภรณ์
อุตส่าห์พากเพียรรอน....................ซักล้าง
หากติดอยู่ยากถอน.......................สนิทแน่น
ก็บ่ควรปล่อยคว้าง........................(รอย)ใหม่ให้มีมา ฯ

. พัสตร์ผองย่อมเปรอะเปื้อน..........เป็นธรรมดา
ควรปกปักรักษา............................แปดป้อง(แปด=เปื้อน)
จึงจักใส่สบายตา...........................สบายจิต
เพ่งพิศมิผิดผร้อง(พร่อง).................พาลให้ละอายเห็น ฯ

. ดำเนินชีวิตพลั้ง..........................พลาดมี
ความผิดคู่ธาตรี.............................ตอกย้ำ(ธาตรี=โลก)
พิจารณาหาวิธี...............................บำบัด
อย่าผิดพลาดสาตซ้ำ.......................โฉดช้าตราตน ฯ(สาต=ยินดี)

. คนเคยผิดพลาดพลั้ง....................ควรพึง
เตือนจิตคิดคำนึง.............................ตรึกรู้
หยุดคิดอ่านดันดึง............................ถลำล่วง
ยิ่งลึกยิ่งยากกู้.................................กลับคล้อยคืนหลัง ฯ

. ทำผิดศีลธรรมแท้.........................ถ่องเทอญ
ปราศโทษกฎหมายเกิน.....................ก่ายกล้ำ
หากกฎแห่งกรรมเผชิญ.....................เฉกชนัก
ตามติดชีวิตห้ำ.................................ห่อนให้พิไรผล ฯ(พิไร=ร่ำร้อง)

. ผิดเป็นครูสู่แพร้ว...........................พัฒนา
เชิดชีวิตพิชยา...................................ยิ่งล้ำ
สำเหนียกในศรัทธา............................สุจริต
อุกฤษฏ์หฤษฏ์ค้ำ...............................คุณได้ฤทัยสม ฯ(อุกฤษฏ์=สูงสุด,หฤษฏ์=สบายใจ)

๒๖ เมษายน ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2557

เลียบกลางทางกุศล : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



เลียบกลางทางกุศล : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    ...............................ฝนตก ตอนบ่าย
แม้มิ มากมาย.................(พอ)ช่วยสลาย คลายร้อน
ค่ำคืน ชื้นเย็น.................เป็นที่ ชวนนอน
ได้กลิ่น เกสร.................อ่อน(ดอก)โมก อกเอม

    ...............................คนจร หมอนหมิ่น
ขอแค่ (พอ)อยู่-กิน..........ชีวิน ก็เกษม
ไม่คิด เทียบชั้น...............เธอท่าน สรรเปรม
ไม่เหิม เติมเต็ม...............โลกีย์ นิยม

    ...............................เกิดมา ตัวเปล่า
ตายไป ใครเอา...............เหล่าไร ไปสม ?
แม้แต่ ร่างกาย................คล้ายทอด ทิ้งรมย์
เปื่อย-เน่า-เผา-ถม...........จมสิ้น ภินท์พาน

    ...............................เส้นทาง ชีวิต
(คือ)ทางผ่าน ธารพิศ.......พิจิตร สังสาร
อย่ามัว ยึดติด.................ประดิษฐ์ พิสดาร
อย่าเมา เถ้าถ่าน..............ขับขาน (คือ)ตัวตน

    ...............................บันเทิง เริงธรรม
ไม่เคย ระกำ...................ตามทาง กุศล
(แม้)โลกนี้ มีร้าย.............(หาก)ไม่กราย ระคน
ก็ไม่ กังวล.....................ถึงผล เภทภัย

    ...............................วิญญู สุจริต
แจ้งสัจจ์ จัดจิต...............มิคิด พิสมัย
ประดา โลกธรรม.............สำคัญ อันใด
เพียงลม ชโลมไล้...........ผิวกาย ไปเอย ฯ

๒๕ เมษายน ๒๕๕๗

วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2557

น้ำผึ้งเดือน ๕ : กลอนแปด



น้ำผึ้งเดือน ๕ : กลอนแปด


    ในเดือน ๕ หน้านี้ มีน้ำผึ้ง(ดี).................รวงรังพึ่ง ถูกตัด จัดวางขาย
ยังเห็นผึ้ง ซึ่งเพียร บินเวียนพราย................ดั่งเสียดาย อาดูร สูญครอบครัว

    สู้สะสม อุตส่าห์ มาเป็นปี.......................กว่าจะมี น้ำผึ้ง รึงรังทั่ว
สู้องอาจ ศัตรู-ภัย ไม่กริ่งกลัว......................ผึ้งทุกตัว ต่างขยัน งานตรากตรำ

    สัญชาตญาณ บัญชา เช่นปรากฏ.............ผึ้งทรหด อดทน ผลเลิศล้ำ
ต่างจากคน มนดาล เรื่องงานทำ..................พฤติกรรม ความคิด-นิสัยดล

    จะยาก/ดี มี-จน ถกล/วิบัติ......................โสมนัส-ขัดเคือง รุ่งเรือง/หม่น ฯลฯ
ขึ้นกับการ กระทำ ตามบุคคล.......................มากกว่าผล พื้นฐาน พันธุกรรม

    ไม่มีใคร เกิดมา ก็ประเสริฐ......................ชาติกำเนิด วงศ์สกุล หาจุนค้ำ
ไม่อาจชี้ ใครดี/ใครริยำ...............................จนกว่าใคร จะกระทำ กรรมทราม/ดี

    ด้วยเหตุผล กลไก ไม่แตกต่าง..................ประเทศชาติ อาจสล้าง มั่งคั่งศรี
หรือยากจน ข้นแค้น แร้นทวี..........................ล้วนอยู่ที่ ประชาชน ล้นร่วมมือ

    หากร่วมกัน ขยันสู้ มุมานะ.........................อาชีวะ สุจริต จิตใสซื่อ
อดทนเพียร พยายาม ธรรมฝึกปรือ..................ย่อมเรื่องชื่อ ระบือนาม ล้ำสากล

    ถ้าเกียจคร้าน งานคุด ทุจริต......................อำมหิต จิตชั่ว มัวเมาฉล
ก่ออาชญา สารพัด พิบัติดล...........................ย่อมเสียชื่อ ลือล้น ท้นโลกเอย ฯ

๒๔ เมษายน ๒๕๕๗

วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2557

พระประจำตัว-พระประจำใจ : กลอนเจ็ด



พระประจำตัว-พระประจำใจ : กลอนเจ็ด

    พระเครื่อง พระผง องค์ใหญ่น้อย...............สายสร้อย ห้อยศอ ก่อราศี
พระเดช พระคุณ หนุนฤดี.............................มากมี มากมั่น มิหวั่นภัย

    ตาสอง ตรองสม บังคมพระ.......................มือสอง รองสะ ประณมไหว้
ยกจรด หน้าผาก น้อมจากไป.........................จากกาย ไว้(บน)หิ้ง สิ่งบูชา

    คุกเข่า กล่าวคำ จำนรรจ์จิต.......................กชกร อกชิด พิษฐาน์
พระพุทธ พระธรรม พระสังฆา.........................อาราธ (ธะ)นา ประจำจินต์

    จะขอ ปกปัก ป้องรักษา............................ปฏิบัติ บูชา (ตราบ)ชีวาสิ้น
ขัดเกลา อกุศล มวลมลทิน............................อวิชชา ราคิน ภินท์พรากใจ(ภินท์=ทำลาย)

    กุศล มณฑา มาสถิต................................ณ กลาง ดวงจิต พิสมัย
พิทักษ์ รักษ์ทรวง ดวงฤทัย............................ผ่องใส บริสุทธิ์ ชุติมา

    หลักธรรม คำสอน บวรเลิศ.........................ประเสริฐ ฤทธิไกร ในสังสาร์
ฝ่าฟัน ภยันตราย ภัยนานา..............................ด้วยสติ ปัญญา เกรียงกมล

    บำเพ็ญ เป็นพระ ประจำใจ..........................ติดไป ไม่แปลง ทุกแห่งหน
ไม่ห่วง ไม่หาย หมายถกล..............................วิมล ยลอยู่ อย่ารู้เลือน

    ทรงคุณ หนุนค่า หามิได้.............................ยิ่งมาก ยิ่งใหม่ ใดจะเหมือน
ส่องทาง สร้างไท ไรรองเรือน..........................มิเคลื่อน คลาดไคล ใสสุขเอย ฯ

๒๓ เมษายน ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2557

รอไปก็ไร้ประโยชน์ : กลอนหก



รอไปก็ไร้ประโยชน์ : กลอนหก

    ราตรี นี้ช่าง เชื่องช้า.....................เมษาฯ อากาศ อบอ้าว
ใจล่อง จ้องมอง ดวงดาว...................กลางหาว ก้าวพ้น ตนตัว

    (ใจ)ลอยไป ในห้วง เวหาส.............อากาศ ปราศเมฆ เรขทั่ว(เวหาส=ท้องฟ้า,เรข=งาม)
ฟ้าไม่ ได้ดำ น่ากลัว..........................แสงดาว พราวพัว พิไล

    ลมไร้ กรายพัด ราตรกรุ่น................คิดครุ่น รอฝน หนไหน ?(ราตร=กลางคืน)
จึงจะ มาเยือน เหมือนใจ....................อยากให้ คลายร้อน ผ่อนรน

    เปิดดู ปฏิทิน จินดา.......................เดือนหน้า ก็ครา หน้าฝน
อย่ารอ ขอแค่ อดทน.........................ย่อมพ้น รนร้อน ผ่อนคลาย

    เสมือน ชะตา ชีวิต........................(ยาม)วิกฤติ คิดคาด มาดหมาย
ทุกข์ล้น ท้นเร่ง เคร่งคลาย.................(รอ)สุขหลาย ให้หลั่ง สล้างแทน

    (หาก)วิบาก ชักพา ประสบ.............(ย่อม)มิพบ สุขคาด อนาถแสน
(หาก)บุญมี มิต้อง ข้องแคลน..............สุขแม้น สิต้อง ส้องตา

    รอไป ก็ไร้ ประโยชน์......................ไม่โปรด พิบูล มูลค่า
ดีแต่ ตั้งฤดี วิริยา...............................อุตส่าห์ พยายาม ทำดี

    ผลดี พิพัฒน์ ทัศไนย.....................ทุกข์ภัย ไม่พบ ประสบศรี
เคราะห์กรรม ข้ามพ้น ชีวี.....................ทวี มีสุข สนุกเทอญ ฯ

๒๒ เมษายน ๒๕๕๗

วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2557

เครื่องชี้วัดความเจริญของพุทธศาสนา : กาพย์ฉบัง๑๖



เครื่องชี้วัดความเจริญของพุทธศาสนา : กาพย์ฉบัง๑๖

    โบสถ์วิหารอันวิจิตร...................อลังการ์ประดิษฐ์
ประดอยพลอยทองกองประสม

    ศาลาดาษดาน่าชม...................สถาปัตย์วิกรม(วิกรม=เก่งกล้า)
ระดมเงินสร้างมหาศาล

    พระพุทธรูปใหญ่โตโอฬาร..................(ดุจ)ภูผาตระหง่าน
สถานปฏิบัติธรรมหลามหลาย

    ชีวิตพระประณีตกรีดกราย..................ศึกษาสยาย
ได้จบด็อกเตอร์จากต่างแดน

    ศาสนิกชนล้นแห่แหน...................ทำบุญทุนแน่น
เป็นปึกแผ่นแสนภูมิใจ

    ร่วมพิธีกรรมทำคุณไสย.................ท่องเที่ยวทัศไนย
สุขใจในการบันเทิง

    กิเลสตัณหาเถลิง.................ศีลสร่างว้างเวิ้ง
ระเริงโลกีย์พิสมัย

    มิหลาบบาปกรรมทำไกร..................ชั่วช้าสาไถย
ขวนขวายในทางทุจริต

    อบายมุขผูกพันปานมิตร.................มิต่างเสพย์ติด
อยู่คู่ชีวิตนิตยา

    คือเครื่องชี้วัด(การ)พัฒนา...............ของพุทธศาสนา
เจริญก้าวหน้าขนาดไหน ?

    คนพาลสามานย์หฤทัย..................ฤาจะแจ้งใจ
อะไรคือธรรมะ/อธรรม ฯ

๒๑ เมษายน ๒๕๕๗

วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2557

ของหายาก : โคลงสี่สุภาพ



ของหายาก : โคลงสี่สุภาพ

. ฟ้าหลัวตั้งแต่เช้า...................เซาซึม
บรรยากาศอึมครึม.....................อบอ้าว
สุริยนเซื่องทำทึม......................ไสวส่อง
อ่อนแสงทองสาดด้าว................งำเช้าเหงาหงอย ฯ

. ตามตลาดดาษผลไม้..............คิมหันต์
(ลูก)ยางเครือแสดสีสัน...............น่าลิ้ม
มะไฟพวงใหญ่ผัน.....................รสชาติ
มะม่วงดิบ-สุกพริ้ม.....................ล่อน้ำลายไหล ฯ

. ชาวนาเตรียมฆ่าหญ้า..............ยาฉีด(รอฝนตก)
ตามวิถีจารีต.............................ปลูกข้าว(นาหว่าน)
สารเคมีส่อขีด...........................จำกัด
หญ้าไม่ตายเหมือนน้าว...............ค้นคว้ายาแรง ฯ

. ข้าวกินเองไม่ใช้.....................ฉีดยา
ปักดำตามประสา........................เก่าครั้น
ใครดูถูกชาวนา...........................ว่าโง่
กินข้าวทุกคราวนั้น......................นึกด้วยนะตัวเอง ฯ

. ใครต่อใครเดือดร้อน.................ช่าง(หัว)มัน
มีแต่ตนสำคัญ.............................ถ่องแท้
ใครก็ต่างถือกัน...........................ปฏิบัติ
เป็นปรัชญาโลกย์แล้....................อย่าได้รำคาญ ฯ

. มีแค่คนใฝ่พ้น..........................มลมาน
ประพฤติต่อสาธารณ์.....................เทียบได้
เสมอตนกุศลทาน........................สุจริต
มิคิดเอาเปรียบให้........................หวั่นกล้าเวรกรรม ฯ

. (คน)เห็นแก่ตัวง่ายให้................พบเห็น
เกิดก่อความลำเค็ญ......................แก่หล้า
เมตตากรุณาเป็น..........................ประจักษ์
หายากลำบากถ้า..........................(คน)ยังไร้ศีลธรรม ฯ

. ความดีมีค่าแท้..........................ควรถวิล
คนดีมีชีวิน...................................เลิศล้ำ
เพริศเพรากว่าเพชรนิล...................ประดับ
หายากหากโลกย์ค้ำ-.....................ชั่วช้าราคิน ฯ

๒๐ เมษายน ๒๕๕๗

วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2557

สวยสีชีวัน : กาพย์สุรางคนางค์๓๒



สวยสีชีวัน : กาพย์สุรางคนางค์๓๒

    สวยสี ชีวัน....................ของฉัน วันนี้
มากมาย หลายมี.................หลากสี นิรมล
ด้วยการ สรรสร้าง................เพริศพร่าง หวังผล
พยายาม อดทน..................ประจญ ปรับใจ

    สีเหลือง เรืองรอง............ครรลอง พุทธศาสน์
แซมขาว สะอาด.................ปราศจาก สาไถย
สวยสด งดงาม...................อร่าม อำไพ
สว่าง ไสว.........................แม้ใน ราษตรี(ราตรี)

    สีเขียว สมัคร.................อนุรักษ์ ธรรมชาติ
อย่าได้ วินาศ.....................ไปปราศ โลกลี้
ธรรมชาติ=ปัจจัย................อาศัย ชีพมี
(แค่)สมดุล สูญหนี..............(ก็)เกิดพี เภทภัย

    ขาวอม ชมพู..................ชื่นชู เมตตา
มุ่งมาด ปรารถนา.................ทุกขา จงไร้
กรุณา ปราณี.......................จงมี สุขใจ
แด่สัตว์ ทัศไนย...................ให้ทั่ว โลกา

    สีฟ้า ประไพ....................จิตใจ เบิกบาน
อิสระ ประศานติ์....................ชีพวาร หรรษา
กุศล สุจริต..........................สฤษฏ์ พิชยา
บรรเทา ทุกขา......................จึ่งร่า เริงใจ

    นี่คือ สีสัน........................ชีวัน (ของ)ฉันเกร่อ
แล้วสี ของเธอ......................พบเจอ แบบไหน ?
ลองคิด พิจารณา...................เพราะว่า อะไร ?
เหลียวแล แก้ไข....................ให้สี สวยเทอญ ฯ

๑๙ เมษายน ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557

ความพยายาม จะไม่สูญเปล่า : กลอนกำลังใจ



ความพยายาม จะไม่สูญเปล่า : กลอนกำลังใจ
(กลอนไร้ฉันทลักษณ์)

    เมื่อได้พากเพียรพยายาม.....................เพื่อสร้างความก้าวหน้าของชีวิต
ทุ่มเทไปทั้งดวงจิต.................................มุ่งประสิทธิ์พิชิตเป้าหมาย

    เป้าหมายที่น่าปรารถนา............................แม้ว่ามันจะไม่ง่ายดาย
รวบรวมศักยภาพทั้งหลาย.........................เพื่อทลายอุปสรรคขวากหนามนานา

    อุตส่าห์ตั้งความหวังไว้.........................ด้วยดวงใจใคร่ไขว่คว้า
เป้าหมายมากอดไว้แนบอุรา......................เพื่อนำชีวาประสบสุขเขษม

    หวังว่าจะได้ลิ้มรส....................................แสนสวยสดให้อิ่มเอม
หวังว่าชีวีจะปรีดิ์เปรม...............................เติมเต็มปฏิทินวิญญาณ์

    ผลคราครั้นปรากฏ...............................ล้มเหลวหมดไม่เป็นท่า
อดไม่ได้ไห้ครวญคร่ำน้ำตา........................พรรณนาว่าเป็น " ความพยายามที่สูญเปล่า "

    " สูญเปล่า " คำกล่าวถูกจริงหรือ ?..........ใยใสซื่อฤดีเช่นนี้เล่า
จริงอยู่ว่าผลไม่ได้ดั่งใจของเรา....................พลาดเป้า อาจไม่ " สูญเปล่า " เสมอไป

    ระหว่างทางที่เธอเพียรพยายาม...............ได้สร้างความสามารถเพิ่มขึ้นหรือไม่ ?
เธอได้เรียนรู้ ได้เห็นได้ดูอะไรใหม่ๆ..............ประสบการณ์มากมายที่ได้มา

    ล้วนเป็นสิ่งที่วิเศษ................................เลอเลิศเวทจำรูญคุณค่า
เสมอกับทรัพย์นานับอัปมาณ์.......................จะหามาจากไหน หากไม่ใช่เพราะพยายาม ?

    ความรู้คือทรัพย์อันประเสริฐ....................บ่อเกิดพลังแห่งการสร้างสรรค์
ผลงานแสนอัศจรรย์..................................บันดาลบรรลุเป้าหมายใหม่ครั้งต่อไป

    การได้ทำในสิ่งที่ควรทำ.........................คือความถูกต้องผ่องผุดพิสุทธ์ใส
ยังประโยชน์ให้เวลาชีวีที่ล่วงเลยไป..............ไม่ใช่อะไรที่ผ่านไปอย่างไร้สาระ

    หนทางแห่งความหวังยังคงไม่รางเลือน......ตราบเท่าที่หัวใจไม่ละวาง ไม่เลิกตั้งความปรารถนา
จงเอาอย่างมวลหมู่สกุณา..................ที่ไม่ท้อถอย คอยบินสู่ฟากฟ้า จนกว่าจะหมดแรง

    ใครเล่าจะรู้ว่าอนาคตเปิดกว้างเพียงไร........หากไม่พยายามทำให้สำเร็จ ปฏิเสธการเสแสร้ง
" ความสูญเปล่า " อย่ายกเอามาแถลง............จงกล้าแกร่ง พยายามต่อไปให้สุดแรง จนกว่าจะหมดลมหายใจ ฯ

๑๘ เมษายน ๒๕๕๗

วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2557

โลกนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง : กลอนคติชีวิต



โลกนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง : กลอนคติชีวิต

    พรุ่งนี้...........................................ดวงสุรีย์ ย่อมขึ้นทางทิศตะวันออก
แลมิต้องบอก.....................................จะค่อยๆออก จากขอบฟ้าไปในคราปัจฉิม

    ดารา-เดือน ลอยเคลื่อนคลุมฟ้า..........ณ ราตรี และมีรังสีงามพริ้ม
มองเท่าไรก็ไม่เคยอิ่ม...........................เปรมปริ่มหฤทัย ไร้ธุลี

    บุปผายังจะเบ่งบาน..........................ฤดูกาลใหม่ผ่านมา เก่าคลาไคลหนี
ความเลวยังคงจะมี...............................แลความดี...ยังคงจะสะคราญ

    คนทุจริตคิดชั่ว................................ถ่ายทอดชั่ว ทั่วไปให้ลูกหลาน
คนซื่อสัตย์อัชฌาชาญ...........................ต้องส่งผ่านจรรยา มิละลดไป

    อาหารเหลือล้น โดนทิ้งเพราะกินไม่หมด.....ขณะที่มีคนเหลือล้านอดอยาก ตายจากโลกไซร้
ความจริงจะดำดิ่งต่อไป..................................ไม่สิ้นสุด ตราบเท่าที่มีมนุษยชน

    อย่าต้องเดือดเนื้อร้อนจิต.....................เมื่อชีวิตมี ย่อมหนีจากสิ่งเหล่านี้ไม่พ้น
ปล่อยวาง....อย่าไปกังวล.........................ต่อให้เหนือกว่าคน ก็จนใจ ไม่อาจเปลี่ยนแปลง

    ชีวิตต้องเป็นไปตามกรรม......................สัจจธรรมสัมฤทธิ์สิทธิแผลง
กฎแห่งกรรมเก็บงำจำแลง.........................ไม่แสดงเด่นชัดทัศนีย์

    คือโลกที่เราเนาอยู่..............................สู้ประจญผลกรรมตามวิถี
ใจสงบเย็น...ย่อมเป็นผลดี.........................อย่าร้อนเร่าเศร้าโศกี ตั้งสติเถิดสาธุชน ฯ

๑๗ เมษายน ๒๕๕๗

วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2557

บุญมัยให้ผลมาก : กาพย์ยานี ๑๑



บุญมัยให้ผลมาก : กาพย์ยานี ๑๑

    เมื่อได้ ยินใครว่า........................ขอเชิญมา ร่วมทำบุญ
คนไทย ใจจักคุ้น............................การเจือจุน บริจาคเงิน

    วาดแผน เพื่อแดนสวรรค์..............ด้วยพลีทาน อันผิวเผิน
หวังผล กล่นเกลื่อนเกิน....................จำเริญใจ จาก(วิธี)ง่ายทำ

    (เพราะ)เชื่อตาม คำฉ้อบอก..........คนโลภหลอก กลอกหูร่ำ
ไม่ฝัก ใฝ่หลักธรรม..........................คำพระพุทธ พิสุทธา(ในพระไตรปิฎก)

    (อันว่า)สภา วะจิตใจ....................คือเงื่อนไข ไปเกิดกล้า
ไม่ใช่ ใช้เงินตรา..............................ซื้อปุญญา แลกมาเป็น

    คนโลภ ละโมบมาก......................(ใจ)โหดเหี้ยมหาก หลง(โมหะ)หลากเห็น
ไม่มี คติเกณฑ์................................เป็นเทพี เทพพิบูล

    มีแต่ จะตกต่ำ..............................สู่(ภพ)สัตว์ส่ำ ล้ำเลิศสูญ
เปรต-นรก เศร้าโศกพูน......................เฝ้าอาดูร ปูนอุรา

    เงินทอง ของบริจาค......................ต่อให้มาก หากฉลหา
คดเมา โกงเขามา.............................ย่อมปราศค่า ปุญญาไคล

    จิตที่ มีธรรมา...............................ศีลจรรยา โอฬาร์ใส
(แม้)เป็นคน จนเข็ญใจ.......................ก็ได้เกิด ประเสริฐเป็น

    บุญมัย ให้ผลมาก..........................ศีลวัตรหลาก อุปสรรคเร้น
สู่สวรรค์/อรหันต์เป็น...........................(เพราะ)เข่นกิเลส อุจเฉทเอย ฯ

๑๖ เมษายน ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2557

ความสูญเสีย=ธรรมชาติของชีวิต : กลอนคติชีวิต



ความสูญเสีย=ธรรมชาติของชีวิต : กลอนคติชีวิต

    รอบต้นคูน บูรณ์หลาย ล้นใบหล่น.............(ส่วน)กิ่งก้านกล่น ดอกย้อย ห้อยระย้า
สีเหลืองอ่อน ผ่อนคลาย ร้อนไคลคลา...........ดลมีนาฯ เมษาฯ น่าอัศจรรย์

    กลางเมษาฯ ดอกบาน ดาลเต็มที่..............ก่อนถ้อยที ร่วงหล่น จนสิ้นสรรค์
สีเหลืองครา หน้าร้อน จรจรัล.......................ค่อยแปรผัน เป็นฝัก ประจักษ์ตา

    ใบขจี สีเขียว ปราดเปรียวผลิ....................ตามวิถี ธรรมชาติ ปรารถนา
ฤดูกาล ลานผวน ล้วนนำพา..........................ปวงพฤกษา ประพฤติกรรม ตามครรลอง

    ชะตาพรำ นำพา ชีวาให้...........................เป็น-มี-ได้ ประสบ พบสนอง
วิบากกรรม นำพราก จากสิ่งครอง...................ทุกคนต้อง เป็นไป ไม่ต่างกัน

    หาใช่แค่ เงินทอง ของภายนอก.................เท่านั้นดอก ที่ได้ แล้วกลายผัน
แม้ร่างกาย-ชีวิต ที่ติดพัน..............................ยลสักวัน ย่อมไร้ มิใช่เรา

    สรรพสิ่ง ทั้งปวง=ภาพลวงตา....................ลวงกิเลส ตัณหา ปัญญาเขลา
กระตุ้นจิต คิดใคร่ ใจมัวเมา...........................อารมณ์เร้า ปริเยศ เวทนา(ปริเยศ=ที่รัก)

    ความสูญเสีย=ธรรมชาติ ของชีวิต...............คลายยึดติด คิดเห็น เร้นปัญหา
สิ่งใดที่ ควรมี-ได้ (ย่อม)มิไคลคลา..................ทุกสิ่งที่ (เคย)มีมา ล้วนคลาไคล

    มีลาภย่อม->เสื่อมลาภ สรรพสิทธิ์...............คือโลกธรรม สัมฤทธิ์ สถิตใส
เปิดปัญญา จะเห็นแจ้ง แสงอำไพ....................หยุดหวั่นไหว ได้-เสีย เจียรนัยเอย ฯ

๑๕ เมษายน ๒๕๕๗

วันจันทร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2557

ชีวิตนี้มีความสุข : กลอนคติชีวิต



ชีวิตนี้มีความสุข : กลอนคติชีวิต
(ฉันทลักษณ์ที่ผมคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง)

    ก็เพราะ ชีวิต มันยาก...............มันลำบาก จึงภาค ภูมิใจ
ทนมี ชีวิต อยู่ได้.........................ด้วยหัวใจ ยิ่งใหญ่ เข้มแข็ง
มิได้ โรยกลีบ กุหลาบ..................หนทางหยาบ คับเครียด เสียดแทง
ศัตรู อุปสรรค หลากแฝง...............ต้องกล้าแกร่ง แรงกาย แรงใจ

    ก็เพราะ ขาด วาสนา.................เมื่อเกิดมา ยากจน โง่เขลา
เรียน(รู้)จาก ประสบ การณ์เอา........สู้ขัดเกลา สติ นิสัย
ละทิ้ง สิ่งที่ ไม่ดี..........................ทำให้มี สิ่งที่ ขาดไป
พยายาม เท่าที่ ทำได้...................โดยที่ไม่ ยอมแพ้ แก่ชะตา

    ก็เพราะ ว่ามัน ไม่ง่าย................จึงขวนขวาย ทายท้า พยายาม
ชีวิต อย่าคิด เหยียดหยาม..............ใครก็ตาม ข้องพาน ปัญหา
ความรู้+อุตส่าห์+สามารถ...............เมื่อไม่ขาด(จึงจะ) สวัสดี ชีวา
ความดี+ศีลธรรม+สัมมา................สิ่งนำพา ประสบสุข ทุกข์ทอน

    เพราะเอื้อ สร้างบุญ กุศล............ชีวิตคน จึงล้น คุณค่า
ละลด โฉดบาป หยาบช้า................คือมรรคา สุคติ อดิศร
งดงาม ความคิด จิตใจ...................บันดาลให้ เกิดก่อ บวร
ธรรมะ ระงับ ดับร้อน......................คุณขจร อ่อนโยน ดลมี

    ก็เพราะ คอยหัด พัฒนา..............วันเวลา จึงไม่ สูญเปล่า
ถึงกาย เริ่มแก่ แลเฒ่า....................จิตใจเล่า เยาว์วัย ใสศรี
คอยสั่ง สมบุญ คุณธรรม.................รสเลิศล้ำ ข้ามรส โลกีย์
อิ่มใจ ได้ทำ ความดี.......................ชีวิตนี้ ช่างมี สุขเอย ฯ

๑๔ เมษายน ๒๕๕๗

วันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2557

ไม่ใช่เวลามาไร้สาระ : กาพย์สุรางคนางค์ ๓๒



ไม่ใช่เวลามาไร้สาระ : กาพย์สุรางคนางค์ ๓๒

    อากาศ ก็ร้อน..................นอนแทบ ไม่หลับ
(น้ำ)ประปา ปุบปับ................แหมกลับ ไม่ไหล
ดูข่าว ภาคค่ำ.......................เขื่อนน้ำ รำไร
สำแดง แล้งภัย.....................ทั่วไป ไทยแลนด์

    ประมาณ(การ) เศรษฐกิจ....ไทยติด อันดับ
สุดท้าย ไซร้นับ.....................อาเซียน เวียน(หัว)แสน
ข้าวผอง ของแพง..................ค่าแรง ขาดแคลน
(หวัง)กินน้ำ ทดแทน..............ก็แร้น กันดาร

    การเมือง เรื่องยุ่ง...............อีรุง ตุงนัง
มืดดำ ความหวัง....................สร่างทุกข์ สุขศานติ์
คนชั่ว โฉดฉล.......................รวมพล (เป็น)รัฐบาล
ทุจริต บริหาร........................เที่ยวผลาญ แผ่นดิน

    สังคม สมสั่ง.....................รังสู่ อกุศล
มองดู ผู้คน...........................ล้นหลั่ง กังฉิน
ขาดความ ปลอดภัย................อยู่-ใช้ ชีวิน
รัฐฐะ ระบิล...........................สูญสิ้น สัตยา

    คืนวัน ผ่านไว....................อย่างไม่ น่าเชื่อ
ชีวี ที่เหลือ............................เฝือฟั่น ปัญหา
หลากข้อ บกพร่อง..................ต้องคิด พิจารณา
แก้-ขัด(เกลา) อัตตา...............ก่อนชี วาวาย

    ไม่มี เวลา.........................มาไร้ สาระ
กิจธรรม์ พันธะ.......................มาก-ยาก หลากหลาย
วารวัย ใกล้หมด.....................อนาคต ใกล้ตาย
ไม่อยาก เสียดาย...................ก่อนใย ไม่ทำ ฯ

๑๓ เมษายน ๒๕๕๗