ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558

เห็นผิด-คิดชอบ : กาพย์ยานี๑๑



เห็นผิด-คิดชอบ : กาพย์ยานี๑๑

    ความดี คือที่พึ่ง.....................เป็นหลักซึ่ง ประเสริฐศรี
ชักนำ ดำเนินชี-.........................วีวิสุทธิ์ มนุษย์ชนม์

    อิงอ้าง สล้างศี-.....................ลธรรมกี รติกุศล
สัมมา นิรมล..............................นิรทุกข์ อุกเอกไท

    ปิดป้อง กันพร่องผิด................(พึง)เพ่งสุจริต พินิจฉัย
สุจริต กาย-วจี-ใจ........................อย่าให้ออก นอกลู่ทาง

    จิตใจ (เมื่อ)ไร้กิเลส.................(จะ)เกิดพิเศษ แสงสว่าง
ส่องสัจ เคยขัด-จาง.....................ให้ใส ขจ่าง อย่างชัดเจน

    ตัณหา คืออุปสรรค..................ความจริงหัก ประจักษ์เห็น
อคติ ฤดีเอน...............................เอียงเป็น(ตา)ชั่ง ที่พังภินท์

    ทำตาม อำเภอใจ.....................จักขับไส (ความรู้)จริงไปสิ้น
อวิชชา เป็นอาจิณ........................จักอัปลักษณ์ โง่ดักดาน

    เห็นผิด คิดเป็นถูก....................เมล็ดพันธ์ผูก ปลูกชั่วหาญ
ทุจริต จิตสามานย์........................สาธุการ โฉดฉันท์กรรม

    ความเห็น(ทิฏฐิ) จึงเป็นต้น.........ทางเยื้องยล แห่งชนส่ำ
เป็นแรง ที่แกร่งกำ-.......................หนดวิถี ชีวีเอย ฯ

๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘

วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2558

ความผิดกับการคิดอภัย : กลอนเปล่า



ความผิดกับการคิดอภัย : กลอนเปล่า

    เรารับรู้สิ่งที่คนอื่นทำ
เราตีความเพื่อค้นหาสิ่งที่คนอื่นคิด
เราตัดสินความถูก/ผิด
บนพื้นฐานความคิด-นิสัย-จิตใจของตัวเรา

    หากขาดซึ่งความรู้จักมักคุ้น
การใช้ดุลยพินิจของเรา เอาไปพิจารณาคนอื่น
ย่อมปราศสุจริตกรรมอันงามชื่น
เมื่อไม่รู้(จัก)จึงอย่าสู่ยื่น
หน้าไปหาบาปมาสาปตน

    ความเข้าใจผิด
เป็นสาเหตุให้ทำผิดอย่างมากท้น
โดยเฉพาะกับคน
ที่ยังวนอยู่กับการฟังความเพียงข้างเดียว
ความเป็นคนหูเบา ความโง่เขลาอย่างแน่นเหนียว
อีกทั้งความลำเอียงเทียว
ที่ขับเคี่ยวหัวใจให้ใฝ่เบียดเบียน

    เมื่อเกิดการกระทำผิด
ไม่ยากเลยสักนิด ที่จะคิดอภัยให้แก่ตัวเอง
แต่กับการอภัยให้คนอื่น
เกรงว่ายากจักฝืน
สักกี่คนที่พยายามกล้ำกลืน
และสักกี่คนที่แช่มชื่น
ระรื่นกับการให้อภัยทาน

    ความผิดของตนยากยลเห็น
แต่ถ้าหากเป็นความผิดของคนอื่นนั้น
ช่างชัดเด่นเช่นภูผา ขยายใหญ่มหาศาล
ความสำนึกผิด-ยอมรับผิดอย่างไม่คิดรำคาญ
เป็นเสมือนเครื่องชี้วัด
ความพัฒนาแห่งกมลสันดาน
ว่าใครเป็นเมธี
หรือเป็นเพียงธุลีพาล สามานย์ชน ฯ

๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘

วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2558

สิริมงคล ? : โคลงสี่สุภาพ



สิริมงคล ? : โคลงสี่สุภาพ

. เห็นคำ " รถคันนี้...................สีเขียว "
ติดบนรถ(สี)ดำเทียว.................แปลกแท้
เลขทะเบียนก็แลเหลียว.............ลักษณ์พร่อง
เอาทองคำเปลวแล้...................ปิดไว้บางตัว ฯ

. กลัวกระทั่งแม้(เลข)บัตร.........ประชาชน
ไม่เป็นสิริมงคล........................โทษให้
วัน-เดือน-ปีเกิด(ของ)ตน............วิตก
พกพาความคลั่งไคล้..................ไสย(ศาสตร์)แก้แส่ทำ ฯ

. หินสีกำไรสร้อย.....................สวมมือ
สิริมงคลคือ..............................ข้ออ้าง
เครื่องรางของขลังถือ.................ตัวติด
ปิดกันอันตรายล้าง.....................เภทพ้นภัยผลาญ ฯ

. ลานหลากกิจกรรมพร้อม..........ยอมพลี
แปลกประหลาดทำพิธี................ดั่งบ้า
บูชาปานว่ามี.............................สิ่งสัจ
สารพัดความเชื่อกล้า..................หลงคล้อยตามเขา ฯ

. เมาทุกชาติชนชั้น...................แพร่หลาย
ต่างจิตจมงมงาย........................รุ่มเร้า
แลพบการแพร่ขยาย...................ไปสู่
หมู่ยุวชนจนเกล้า.......................จนเข้าเขลาวิถี ฯ

. ไม่มีสิ่งใดสร้าง.......................(สิริ)มงคล
นอกจากกรรมกุศล......................เลิศล้ำ
ความวิตกกังวล..........................หวาดหวั่น
บั่นโดยการจุนค้ำ........................ความรู้สู่ไข ฯ

. ไม่(ได้)ทำบาปไม่ต้อง..............เกรงกลัว
บุญสัมฤทธิ์ติดตัว........................สุขสล้าง
ความดีขันพันพัว.........................เสกสิริ
วิเศษมงคลคว้าง.........................ครองคุ้มจำเริญ ฯ

๒๙ มีนาคม ๒๕๕๘

วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558

ธรรมะเป็นวิทยาศาสตร์ : กลอนคติสอนใจ



ธรรมะเป็นวิทยาศาสตร์ : กลอนคติสอนใจ

    ปรากฏ (ฏะ)การณ์ ธรรมชาติ...................วิทยาศาสตร์ อธิบาย เหตุ-ผล
ตักเตือน เงื่อนไข ไกกล.............................พยากรณ์ ก่อนผจญ เหตุการณ์

    พาเรา เข้าใจ ธรรมชาติ..........................สามารถ ธำรง พงศ์ศานติ์
ดำเนิน ชีวิต กิจการ...................................ให้ผ่าน พ้นไป ได้ดี

    ธรรมะ อธิบาย ใจจิต..............................ถูก-ผิด-ทิศทาง สว่างศรี
เหตุ-ผล-กลไก ชีวี.....................................เกิด-มี-จน-แก่-เจ็บ-ตาย ฯลฯ

    ธรรมะ เป็นวิท (ทะ)ยาศาสตร์...................ประกาศ สัจจา แผ่สยาย
ชวนชี้ พิสูจน์ พุทธาธิปราย...........................มากมาย คุณา อานันต์

    พุทธองค์ (ทรง)ศึกษา ตรัสรู้....................สอนสู่ สัจแท้ มิแปรผัน
ตราบเท่า ที่มี ชีวัน.....................................หลักธรรม์ ครรลอง ครองพิภพ

    ผู้ที่ ศรัทธา ปฏิบัติ.................................พิพัฒน์ อัตถะ ประสบ(อัตถะ=ประโยชน์)
รู้ตาม ความจริง ยิ่งเคารพ............................นอบนบ พิสุทธ์ พุทธา

    มิได้ โง่เขลา เมามัว...............................รู้ชั่ว รู้ดี มิกังขา
มิได้ งมงาย ไร้วิชชา..................................แต่ทว่า ปรีชา ปัญญาเชาว์

    เมื่อมา ศึกษา พุทธศาสตร์.......................ชีวาตม์ อัศจรรย์ พลันเสาว์
ทุกข์โศก อกถาง บางเบา............................สุขสันติ์ นานเนา เฉลาเชย ฯ

๒๘ มีนาคม ๒๕๕๘

วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558

พรชัยในความดี : กาพย์ฉบัง๑๖



พรชัยในความดี : กาพย์ฉบัง๑๖

    ฝนตกตอนใกล้รุ่งสาง.................เมื่อฟ้ากระจ่าง
หมอกขาวเบาบางพร่างผล

    วันใหม่ที่ไร้สุริยน.................เมฆกลบ นภดล
บรรยากาศท้นหม่นหมอง

    จวบสายสูรย์ผายสาดส่อง................แสงเงินแสงทอง
แสงของชีวิตวิจิตรา

    สะท้อนหยดน้ำยอดหญ้า..................เกิดประกายพรายพร่า
งามตาอย่างน่าพิศวง

    กิ่งไม้ใบร่วงเริ่มบง..................ผลิใหม่ใบส่ง(บง=แลดู)
ไพรพง อลงกตสดสี

    เปรียบเสมือนกับการทำดี.................จะเพิ่มทวี
ให้มีปัญญาอดิศัย

    เมื่อมีศีลธรรมประจำใจ.................จะดลดาลให้
ทัศนะสะอาดใสบริสุทธิ์

    ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี-พิรุธ................บังเกิดเปิดผุด
ประดุจแสงสวjางกระจ่างใส

    ความคิดพิจารณาประไพ................สรรค์สร้างกว้างไกล
เพราะจิตใจไร้มลทิน

    กิเลสตัณหาสงบสิ้น...............เห็นให้ได้ยิน
ชีวินสัจจา วรากร(วรากร=วร+อากร)

    อยู่เย็นเป็นสุขสโมสร................ปราศจากทุกข์ร้อน
เพราะพรชัยในความดี ฯ

๒๗ มีนาคม ๒๕๕๘

วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558

ผิดหวังเพราะหวังผิด : กลอนเจ็ด



ผิดหวังเพราะหวังผิด : กลอนเจ็ด

    ใบไม้ แห้งหล่น บนลานบ้าน...............หลังจาก คืนวาน ฟั่นลม-ฝน(ฟั่น=มืดมัว)
เช้านี้ ฟ้ายัง ร้างสุริยน...........................นภดล กล่นเกลื่อน เมฆเชือนชุม

    ลมเย็น เช่นรื่น ชื่นอากาศ...................แม้ขาด แสงทอง สาดส่องสุม
อโณทัย ใสสด หมดจดมุม......................เสมอขุม สมบัติ ธรรมชาติมี

    เปิดหู เปิดตา ปัญญาเปิด...................ประเสริฐ สิ่งสรร จรรโลงศรี
ความอยาก ผลักไส ไม่รอรี.....................โลกมี หลากการ บันเทิงใจ

    ถึงสิ่ง ที่คิด ผิดหวังคาด.....................ความปรารถ (ถะ)นา หาสมไม่
เรื่องดี มิเป็น เช่นดั่งใจ...........................เรื่องไร้ ประโยชน์ โทษยาตรา

    ปล่อยให้ มันเป็น เช่นปรากฏ...............ปลงปลด กิเลส เจตน์ตัณหา
ขันติ หทัย ไม่นำพา...............................รักษา กมล กุศลมาน

    พอใจ ในสิ่ง ที่จริงเป็น........................จะเห็น หนทาง สว่างศานติ์
ปราศจาก ทุกข์ใจ ให้เบิกบาน..................เมื่ออุ ปาทาน ปวงบรรลัย

    แม้มิ สมหวัง ในบางสิ่ง.......................ทุกสิ่ง จักทราม ตาม(ก็)หาไม่
สิ่งอื่น ชื่นตา มองหาไป..........................จักให้ ได้เห็น มิเว้นวาง

    ดวงจิต ผิดหวัง เพราะหวังผิด..............ชีวิต คิดใคร่ ใสกระจ่าง
หวังสู่ กุศล ถูกหนทาง............................อยู่อย่าง เป็นสุข สิ้นทุกข์เทอญ ฯ

๒๖ มีนาคม ๒๕๕๘

วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2558

งดงามน้ำใจ : กาพย์ยานี๑๑



งดงามน้ำใจ : กาพย์ยานี๑๑

    ฟ้าครึ้ม อึมครึมฝน...................แล นภดล ดูหม่นหมอง
เมฆา มาครอบครอง.....................แสงสูรย์ต้อง พร่องแผ่วตาม

    ลมพัด อากาศพบ....................หนาวเลี่ยงหลบ ฤดูข้าม
รอยต่อ(ฤดู) รอร้อนตาม.................มาทำให้ พงไพรพี

    ดอกไม้ แม้นได้ฝน...................เกสรปน เป็นผล(ไม้)ศรี
(หาก)ขัดสน ฝนไม่มี.....................หน้าร้อนนี้ สิขาดแคลน(ผลไม้)

    น้ำใจ เนื่องในจิต......................ทรงประสิทธิ์ สฤษฏ์แสน
ขับเดช ทุกเขตแดน.......................แร้นแค้นให้ สลายดล

    เปรียบเสมือน สุธาทิพย์..............ได้ดื่มจิบ ดับขัดสน
ชุ่มล้ำ ฉ่ำกมล..............................ดุจชลธิศ นิมิตมี(ชลธิศ=ชลธี)

    งดงาม น้ำใจเปี่ยม.....................ไรเทียบเทียม เรี่ยมเท่านี้
ทุกชาติ ทุกชีวี..............................ล้วนยินดี ร่วมปรีดา

    ให้อย่าง ไม่หวังผล....................น้ำใจยล ล้นผลา
เพิ่มพูน เป็นปุญญา........................สูงส่งค่า เสริมบารมี

    เอกองค์ อลงกต........................ยังหมดจด ยศสักขี
โดดเด่น เห็นโสภี...........................สิริพัฒน์ สวัสดิ์เอย ฯ

๒๕ มีนาคม ๒๕๕๘

วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558

ใส่ร้ายป้ายสี : กลอนปัญหาสังคม



ใส่ร้ายป้ายสี : กลอนปัญหาสังคม

    ประวัติศาสตร์ ชาติไทย..................ย้อนไกล กลับไป ในอดีต
เส้นทาง ถูกขีด.................................นครา จารีต นิจฉล
คนดี ศรีสยาม...................................หลากหลาม ถูกทำ ร้ายจน
กระเสือก กระสน...............................ลี้ภัย ไร้ผล จน...มรณา

    ใส่ร้าย ป้ายสี................................คนดี คล้ายเป็น คนผิด
คดี วิกฤติ.........................................อาชญ์ติด เป็นผู้ ต้องหา
ความ อ ยุติธรรม................................ดำ-ด่าง อย่างไม่ นำพา
ถูก/ผิด คิดว่า....................................มิใช่ ปัญหา ของตน

    สังคม สาไถย.............................มือยาว สาวได้ สาวเอา
เห็นแก่ตัว มัวเมา................................รุ่มเร่า เขลาโฉด ฉ้อฉล
อามิส สินจ้าง....................................เข้าข้าง ทางให้ ประโยชน์ยล
สังคม สับสน.....................................อลหม่าน พาลชั่ว ได้ดี

    ปัจจุบัน การณ์คง...........................ดำรง กงเดิม เกริมแกร่ง
คนดี โดนแกล้ง.................................พลิกแพลง ใส่ร้าย ป้ายสี
คนชั่ว สาไถย....................................พวกมาก ลากไป พิไลมี
จารีต ประเพณี...................................ที่ทำ ให้ไทย ไม่เจริญ

    ถือเป็น กรรมเก่า............................ของเหล่า คนดี (คงเคย)ทำไว้
แต่ก่อน แต่ไร....................................ยังไม่ (เป็นคน)ดีเช่น เห็นเหิน
เวรกรรม ตามสนอง.............................จึงต้อง ทุกขา ประเชิญ
ไม่ขาด ไม่เกิน...................................ดำเนิน ตามกฎ แห่งกรรม

    ดูกรรม ของเขา..............................เอามา อบรม ข่มจิต
โลกีย์ ชีวิต........................................วิปริต วิกล ล้นล้ำ
ถ้าถูก ทำร้าย.....................................ใส่ร้าย ป้ายสี ฤดีตรำ
กำหนด จดจำ.....................................จงทำ ใจให้ สงบเทอญ ฯ

๒๔ มีนาคม ๒๕๕๘

วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558

สุคนธ์กุศลจิต : กลอนหก



สุคนธ์กุศลจิต : กลอนหก

    ราตรีนี้ มีสุคนธ์.....................กำจรจล ล้นไพรสัณฑ์
จากบุปผา นานาพันธุ์.................เข้าประชัน รัญจวนใจ

    ต้องพึ่งพา มวลอากาศ...........ที่สะอาด บริสุทธิ์ใส
กลิ่นหวนหอม พร้อมแพร่ไป.........ไกลแสนไกล ไร้มลทิน

    คะนึงนั่ง สังเกตว่า.................ผองบุปผา ขจรกลิ่น
ล้วนขาวมี สีประทิน....................โศภินพร่ำ เสกค่ำคืน

    เหมือนความดี ที่ขจร..............งามสุนทร ป้อนโลกรื่น
ไม่แต่ตน แม้คนอื่น.....................ต่างแช่มชื่น ครื้นความดี

    จิตต้องใส ใจบริสุทธิ์...............จึงผ่องผุด จรูสศรี(จรูส=สูง)
ปวงคุณธรรม ความพฤติธีร์............งอกงามมี คู่ศีลธรรม

    อกุศล มลทินเจต....................สามานย์เลศ เศลษส่ำ(เศลษ=การเกาะ,การติด)
เป็นอุปสรรค ประจักษ์จำ...............มืดมนดำ ค้ำครองใจ

    ความโฉดฉล คนชั่วช้า.............มากมารยา อย่าฝันใฝ่
รู้รสธรรม ล้ำลึกใน.......................ปรมัตถ์ศรัย ใคร่ศรัทธา

    ครวญลึกซึ้ง คำนึงคิด..............ใจสุจริต วิจิกิจฉา
จึงสรรค์สร้าง จ่างปัญญา..............พิสุทธา สถาพร ฯ

๒๓ มีนาคม ๒๕๕๘

วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2558

ทำดีมีกำไร : กลอนแปด



ทำดีมีกำไร : กลอนแปด

    การค้าขาย หมายที่ มีส่วนต่าง...............อยู่ระหว่าง ราคา ซื้อกะขาย
ราคาซื้อ  สูงกว่า น่าเสียดาย.....................สัญญาณหมาย ขายมาด แล้วขาดทุน

    (ธุรกิจ)หากไม่ทำ กำไร..อะไรเหลือ ?....ยิ่งขายเนา เข้าเนื้อ เอื้อขาดสุญ
ทำธุรกิจ ผิดพลาด ก็ปราศทุน...................มิสมดุล ทุนหมด กำสรดจินต์

    กิจกรรม ประจำวัน บันดาลสร้าง............บ่แตกต่าง ห่างไกล กำไรถวิล
มิเพียงแต่ แค่ทำ มาหากิน.......................ทุกสิ่งสิ้น ชินชา หาเพิ่มพี

     เป็นธรรมชาติ สัจจา ใจมนุษย์..............ไม่เคยหยุด แสวงหา โลภวิถี
อยากได้มาก ครองมาก หลากทวี...............จึงยินดี ปรีดา สาธุดล

    เมื่อไม่ได้ ด้วยจุด สุจริต.......................ก็คดคิด มิจฉา มรรคาฉล
เมื่อไม่ได้ ด้วยเล่ห์ โฉเกจล......................ก็ใช้กล มลการ สามานย์ไกร

    มโนทัศน์ อัตตา แสนฉลาด..................ที่สามารถ เอาเปรียบ เหยียบเขาได้
จินตนาการ มั่นทำ มีกำไร.........................มิสนใจ ใครทุกข์ (หวัง)สุขแค่ตน

    เมื่อผลกรรม ตามทัน ตามกรรม์กฎ.........จึงสลด อดสู อยู่เหลือล้น
เมื่อต้องทุกข์ ทรมาน อัดอั้นมน.................จึงประจญ กลพลาด ขาดทุนทำ

    ต่างจากการ ทำดี วิเศษดุจ...................ได้ผลดี วิสุทธ์ ผุดเลิศล้ำ
สนองตน ล้นดี วีรตรำ..............................เป็นประจำ กำไร ใช้ชีวา

    เลือกวิธี ที่ถูก จึงสุขสม........................เลือกชื่นชม ภิรมย์ให้ ไร้ปัญหา
เลือกกระทำ กรรมอัน ถ่องจรรยา................จึงเลื่องชื่อ ลือชา ปัญญาชน ฯ

๒๒ มีนาคม ๒๕๕๘

วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558

กุศลกลจิต : กลอนจรรโลงใจ



กุศลกลจิต : กลอนจรรโลงใจ

    ฝนตก ไม่นาน....................คืนวาน จึงไม่ ค่อยหนาว
ใบคูน หล่นราว.......................เริ่มก้าวสู่ ฤดูใหม่
ดอก(ตูม)เห็น เป็นพวง.............แทนที่ กิ่งท่วง(ที) ร่วงใบ
อากาศ สดใส.........................รุ่งเช้า วันใหม่ พิไลรมย์

    ซื้อหา อาหาร.....................ทดลองทาน รายการใหม่
รู้สึก แปลกไป.........................จิตใจ ใสสด ปรากฏสม
ลองคิด กิจกรรม......................เปลี่ยนใหม่ ไม่ซ้ำ ทำวิกรม
ระรื่น ชื่นชม............................อุดม ชีวะ สดุดี

    กุศล กลกรรม......................หาได้ ซ้ำซาก น่าเบื่อ
คิดใคร่ ให้เคื้อ.........................เอื้อเฟื้อ บรรลุ สุขี
สุขบ้าง สงบบ้าง......................อยู่อย่าง สันติ วิธี
กุศล ผลมี..............................ทุกที่ ที่ทำ จำเริญ

    สุขใด จะสู้..........................ฤดี คงคู่ กุศล
โสภี นิรมล..............................ผู้รู้ ทุกคน สรรเสริญ
ทุกคน ทำได้...........................ทุกคน ผลได้ ให้เพลิน
เลิศล้ำ ดำเนิน..........................เผชิญ ชีวิต วิจิตรา

    ไม่เป็น คนสวย.....................ไม่รวย ก็มี ความสุข
จิตไร้ ไฟรุก.............................ปราศทุกข์ ทะยาน ตัณหา
สงบ สบาย...............................สลาย เทวษ เพทนา
คือสิ่ง สูงค่า.............................แต่ขาด มูลค่า ราคาพลี

    กุศล กลจิต..........................อย่าคิด ว่าอาจ เสแสร้ง
ศีลธรรม สำแดง........................จรัสแจ้ง แกร่งกล้า สง่าศรี
อาการ มารยา...........................หลอกได้ แต่บรรดา ผู้มี
มืดมน ฤดี.................................หาใช่ หทัยที่ พิสุทธ์เอย

๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘

วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2558

ดอกข้าว : โคลงสี่สุภาพ



ดอกข้าว : โคลงสี่สุภาพ

. แจกันปักดอกไม้.................มาลี
สารพัดสรรพพันธุ์มี..................ชดช้อย
ประกวดประชันพี....................เพิ่มค่า
ยกย่องโสภาพร้อย..................เลิศร้อยรัญจวน ฯ

. ครวญคิดถึงดอกข้าว.............เสาวคุณ
ผลิตผลแผ่การุญ.....................โลกเลี้ยง
กลับถูกหมางเมินหนุน..............บุญปราศ
ราวกับขาดค่าเพี้ยง..................ดอกหญ้าเดนเสมอ ฯ

. ดรุณีมีรูปล้ำ.........................เลอโฉม
ชนต่างแห่แหนโหม..................แซ่ซ้อง
จัดประกวดประโลม..................ชูเกียรติ
เบียดเสียดใคร่ไขว่คล้อง...........คู่จ้องจองชีวี ฯ

. นารีมีความรู้........................(ความ)สามารถ
สังคมประเทศชาติ....................ผงาดสร้าง
คุณประโยชน์อุโฆษกาจ.............ปรากฏ
(กลับ)หมดคนสนใจอ้าง.............หากแม้นรูปทราม ฯ

. (แต่)ความดีมีคนรู้..................สรรเสริญ
เห็นค่าปัญญาประเมิน.................เลิศล้ำ
ความสามารถสูงเกิน...................กายค่า
บูชาสาธุค้ำ...............................คุณเพี้ยงพีรชน ฯ

. คนงามที่โลกพื้น.....................พสุธา
ยกย่องปานเทพธิดา...................เทิดแล้ว
มักปราศสติปัญญา.....................โง่เง่า
เอาแต่ใจตนแกล้ว......................ด่างพร้อยพฤติกรรม ฯ

. สำคัญคนควรให้.....................สำคัญ
จึงเปี่ยมจรรยาบรรณ...................รอบรู้
ถือวิถีชีวัน.................................ประเสริฐ
เกิดคุณประโยชน์กู้.....................เกียรติก้องกำบน ฯ

๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘

วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2558

การศึกษาสูงจิตใจต่ำ : กาพย์ฉบัง๑๖



การศึกษาสูงจิตใจต่ำ : กาพย์ฉบัง๑๖

    บ้านใกล้เรือนเคียงเรียงครัน.................ห่างจากบ้านฉัน
ประมาณ ๔-๕ คูหา

    มีชายที่ฉันเรียก " คุณตา ".................และเรียกภรรยา
ของท่านว่า " ยาย " ใจดี

    ทุกวันทั้งสองขมันขมี..................ตื่นก่อนสุรีย์
ส่องศรีนิรมิตวิจิตรแสง

    งานทำไร้ความเคลือบแคลง.................ความขยันกรรม์แกร่ง
คือแหล่งรายรับสร้างทรัพย์สิน

    ช่วยให้มีอยู่มีกิน.................ตราบชั่วชีวิน
โดยไม่ดิ้นรนจนเกินการ

    ทั้งคู่อยู่อย่างสุขศานติ์.................ไม่ปองต้องการ
อยากรวยร่ำปานเศรษฐี

    รักใคร่ใจสามัคคี.................ไม่เคยคิดมี
ราคี ริออกนอกใจ

    ทั้งๆที่การศึกษาไร้...............แค่อ่าน-เขียนได้
ไม่ใส่ใจในศาสนา

    แต่ยึดมั่นต่อจรรยา...............ระเบียบ-กติกา
จารีตประเพณีที่สืบสาน

    ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี มีมานาน...............ศรัทธาสมาทาน
ไม่มีสันดานสามานย์ฉล

    ต่างจากรุ่นใหม่วัยคน...............การศึกษาล้น
(แต่)วนเวียนเพียรทุจริตมิจฉา

    ดูถูกศีลธรรม์จรรยา................เมามัวกามา
โลภมาก-บาปหนาว่า(เป็นสิ่ง)ทันสมัย

    (ดำเนิน)ชีวิตผิดพลาดอนาถใจ.................ก่อกรรม์จัญไร
สู้(คน)ศึกษาไร้ไม่ได้เลย ฯ

๑๙ มีนาคม ๒๕๕๘

วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2558

ขับรถ-ขับเคลื่อนชีวิต : กลอนเปล่า



ขับรถ-ขับเคลื่อนชีวิต : กลอนเปล่า

    ที่สุดของความสำคัญในการขับรถบนท้องถนน
คือการพาตน ไปถึงซึ่งที่หมายโดยสะดวกปลอดภัย
จำเป็นจะต้องใฝ่เรียนรู้เทคนิคการขับขี่
ต้องมีการศึกษา-ปฏิบัติตามกฎจราจร
เป็นสิ่งที่ถูกพร่ำสอนกันอยู่เสมอ
แต่บนถนนมักจะพบเจอคนขับส่วนใหญ่
ที่ไม่ค่อยรู้วิธีขับ และไม่สดับกฎจราจร

    การดำเนินชีวิต คิดไปก็คล้ายกันอย่างน่าฉงน
ที่สุดของความสำคัญในการดำรงชีวิตคน
คือการดำเนินชนม์อย่างสะดวกปลอดภัย
ไร้ปัญหา-อุปสรรค-ความทุกข์ร้อน
จำเป็นต้องมีจริยธรรม-ศีลธรรม-คุณธรรม
ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมจารีตประเพณีที่สุนทร
แต่น้อยคนนักที่จะอาวรณ์
การกระทำมักสะท้อน ย้อนความเห็นแก่ตัวและทำตามอำเภอใจ

    การขับขี่รถบนถนนหนทาง
ต้องเผชิญกับเพื่อร่วมทาง และผจญกับคนที่ขับสวนทางอย่างมากมาย
ความมีน้ำใจ ช่วยเพิ่มความปลอดภัย-ลดอันตราย-ปัญหาและอุบัติเหตุ
แต่ก็มีคนที่เจตนาจะฝ่าฝืนกฎจราจร-คลอนแคลนน้ำใจ
อยากเอารัดเอาเปรียบ อยากเอาชนะ อยากจะกลั่นแกล้งรถคันอื่น ฯลฯ
ขับขี่อย่างประมาท-อันตราย
ซึ่งตายคนเดียวไม่ว่า แต่ดันพาคนอื่นไปตายด้วย
พบรถแบบนี้ พึงหลีกหนีให้ไกลห่าง

    เฉกเช่นกับการดำรงตนในสังคม
ควรอุดมด้วยน้ำใจไมตรีจิต คิดเมตตาปราณีต่อกัน
จะบรรเทาปัญหาการกระทบกระทั่ง
รังสรรค์ชีวิตให้สงบราบรื่นน่าชื่นชม
แต่ก็มีคนโสมม ที่ชอบข่มเหง-เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น
เห็นแก่ตัว-ฉ้อฉลคดโกง
ประสงค์จะทำคนอื่นให้ลำบากเดือดร้อนรำคาญ
พึงระวังอันธพาลเหล่านี้ไว้ อย่าไปคบค้าสมาคมได้เป็นดี

    คนที่ขับรถเร็ว-ประมาท-หวาดเสียว-ผิดกฎจราจร ฯลฯ
ไม่ใช่คนขับที่เก่ง
คนที่รีบเร่งแสวงหาความสำเร็จในชีวิต
ใช้ชีวิตอย่างประมาท-เสี่ยง-ใจกล้าบ้าบิ่น-ฉ้อฉล
ไม่ใช่คนใช้ชีวิตที่น่ายกย่อง
การรู้จักจังหวะชีวิต
ในยามราบรื่นทำอะไรเร็วได้ก็ทำให้เร็ว
ยามมีอุปสรรคปัญหา ต้องช้าก็ยอมที่จะช้า
เวลาทำได้ก็ให้ทำ เวลาทำไม่ได้ต้องไม่ไปฝืน
อุบัติเหตุบนถนน อาจทำให้การขับรถหยุดชะงัก
อุบัติเหตุในชีวิต อาจพลิกผันให้ทุกข์ทรมานจวบจนวันตาย

    ใครๆก็อยากขับรถที่แพง-แรง-สวย-และรุ่นใหม่
แต่ก็ไม่ใช่ปัจจัยที่จำเป็นต่อการไปถึงที่หมาย
การไม่รู้จักขับขี่-การไม่รู้วิธีดูแล
รถแพง-แรง-ใหม่ ก็เป็นได้แค่ยานพาหนะที่ไร้คุณภาพและประสิทธิภาพ

    ใครๆก็อยากมีชีวิตที่หรูหรา-งามสง่า-ทันสมัย
แต่หาได้เป็นปัจจัยสำคัญ ในการดำเนินชีวันที่สุขสม
การไม่รู้จักดำเนินชีวี การไม่รู้วิธีดำรง
คงทำให้ชีวีที่หรูหรา-งามสง่า-ทันสมัย
มีคุณภาพ-ประสิทธิผล ไม่ได้เลย

    ขับขี่รถและดำเนินชีวิต
ยังมีข้อที่ใกล้ชิดให้คิดคำนึงอีกหลากหลาย
ชวนให้ไปใคร่ครวญ อย่างถี่ถ้วนอย่าดูดาย
เพื่อถึงซึ่งความสวัสดีมีชัย
ตลอดทางจนถึงบั้นปลายชีวิตเทอญ ฯ

๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘

วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2558

ดอกเสี้ยว-เด็กสาว : กาพย์สุรางคนางค์๓๒



ดอกเสี้ยว-เด็กสาว : กาพย์สุรางคนางค์๓๒

    ดอกเสี้ยว สีขาว.................สุทธ์สกาว ผ่องพรรณ
ผลิใน ไพรสัณฑ์....................คคนานค์ ผันผาย
ใบทิ้ง กิ่งถ้วน........................ดอกล้วน บานกระจาย
เต็มต้น ล้นหลาย....................เฉิดฉาย ชวนชม

    ดอกเสี้ยว เด่นราว..............เด็กสาว บริสุทธิ์
จรรย์จอง ผ่องผุด...................อุตสาหะ สะสม
ไม่มี มลทิน...........................ไม่สิ้น อภิรมย์
ลดละ อาจม..........................สังคม อุดมมี

    สัจจา สมาน......................สัตสาน นันทา(สัต=ดี,งาม)
พากเพียร พิทยา....................ปรีชา สง่าศรี
เทิดศีล (ละ)ธรรม...................คุณล้ำ ความดี
ผิด-ชอบ-ชั่วฯลฯมี...................สติ พิจารณ์

    ระเบียบ วินัย......................ใส่ใจ หน้าที่
สรรสร้าง สล้างมี.....................เมธี พิษฐาน
หนักแน่น หทัย.......................ห่างไกล ภัยพาล
ชั่วช้า สามานย์.......................ปิดกั้น ยรรยง

    รักดี พีรพัฒน์.....................ซื่อสัตย์ สุจริต
เปี่ยมไม ตรีจิต........................คิดไกล ไป่หลง
เมตตา ปราณี..........................ศรีสะคราญ มั่นคง
คุณธรรม ดำรง........................เสริมส่ง อลงกรณ์

    จึงทรง คุณค่า.....................บุษบา บริสุทธิ์
ในหมู่ มนุษย์..........................ดุษฎี กีรติ์สร(กีรติ=เกียรติ)
เกริกไกร ในหล้า.....................เทวดา อาทร
พิบูล สุนทร............................พรชัย พิไลพงศ์ ฯ

๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘

วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2558

เสริมสวย : กาพย์ยานี๑๑




เสริมสวย : กาพย์ยานี๑๑

    เสริมสวย รวยเสน่ห์..................ชวนสนเท่ห์ เร่พิสมัย
มากน้อย คล้อยตามใจ..................เงินจ่ายจับ นานัปการ

    (เป็น)แค่เพียง ภาพลวงตา.........เพื่อตบตา มารยาขาน
เวลา ไม่ช้านาน...........................ย่อมเผยพาน สังขารจริง

    ความรู้-ความสามารถ................คือวิลาส เสริมสวยสิ่ง(วิลาส=งามอย่างมีเสน่ห์)
ความดี วิเศษยิ่ง...........................ยอดอ้างอิง สิ่งสวยงาม

    จงหา มาประดับ.......................จะประทับ จนก้าวข้าม
สังขาร สามานย์ทราม....................ที่หลามล้น ท้นปฏิกูล

    (หาก)นิสัย สาไถยถ่อย..............กายงามพลอย ด้อยเสื่อมสูญ
(แต่ถ้า)นิสัย ใจจำรูญ.....................ช่วยหนุนเนื่อง กายเฟื่องมี

    (หาก)ความคิด คด-มิจฉา...........แค่เห็นหน้า ควรผละหนี
(แต่ถ้า)ความคิด จิตใจดี.................โสภีเห็น เด่นสะอาง(สะอาง=งามสะอาดหมดจด)

    คนดี มีประโยชน์.......................สาธารณ์โจษ จนกว้างขวาง
คน(รูป)งาม (แต่ใจ)ทรามกระด้าง.....(แค่)คนสังคัง จึงชื่นชม

    คนดี ที่ฉลาด...........................มากสามารถ ชาติสุขสม
คนงาม ความโง่งม........................โสมมนัก ประจักษ์เจน ฯ

๑๖ มีนาคม ๒๕๕๘

วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2558

สุกไหม้-ใสสุข : กลอนแปด



สุกไหม้-ใสสุข : กลอนแปด

    ลมระชวย รวยชื่น รมย์รื่นจิต...............พิรุณฤทธิ์ พิสมัย ให้คิมหันต์
ช่วยบรรเทา เร่าร้อน ผ่อนผิวพรรณ..........จากสุริยัน สรรค์โทษ รันทดที

    เพียงเดือนเปลี่ยน เวียนฤดู สู่หน้าร้อน....ตะวันรอน ตอนเย็น เห็นสุกสี
จากหน้าหนาว (ตะวัน)ดวงน้อย ดูด้อยมี....กลายดวงใหญ่ โสภี รวิวง

    เที่ยวค้นหา ความสุข จากทุกแหล่ง.....สู้แสวง สุขประไพ ใคร่ประสงค์
ตามอย่างโลก ยกย่อง แซ่ซ้องทรง..........ไม่ตกลง ปลงสุข ถูกฤทัย

    โลกย์วิถี ปรีดา ตัณหาถ่อง.................อยากครอบครอง ปองแส่ แต่ตนไซร้
บริโภค โลกกว้าง หมดทั้งใบ..................ยังหลงใหล ไม่อิ่ม ปริ่มอุรา

    เป็นความสุข คลุกเคล้า ปนเร่าร้อน.......ผลสะท้อน ซ้อนทัณฑ์ สร้างปัญหา
ต้องคอยขลุก สุขใหม่-สิ่งใหม่มา..............บรรเทาความ ทุกขา ทุรารมณ์(ทุร+อารมณ์)

    สร้างระกำ รำคาญ มานวิปริต...............สร้างวิกฤติ จิตไข้ ป่วยใจขรม
เป็นสุกร้อน-สุกไหม้ ไส้ระบม...................ระกรอมกรม จมจิต จวบนิทรา

    กุศลพร่ำ นำพา พบแสงสว่าง..............โดยละวาง ตั้งมั่น ล้างตัณหา
เลิกอยากมี-อยากได้-อยากนานา.............เลิกผูกมัด อัตตา ว่า " ตัวตน "

    มิต้องหา มาให้ ได้-มี-เก็บ..................มิต้องแส่ และเสพ (จน)เจ็บ-สับสน
สงบระงับ กับการ ศานติกมล...................หยุดร้อนรน พ้นบ่วง หน่วงโลกีย์

    จึงเกิดเป็น สุกใส ใจอิสระ..................พ้นพันธะ อุบาทว์ ทาสวิถี
หลุดจากความ คับ-เข็ญ หลงเป็น-มี..........หลุดชีวี วิการ ทรมานเอย ฯ(วิการ=พิการ)

๑๕ มีนาคม ๒๕๕๘

วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558

ความเคยชิน : กาพย์ฉบัง๑๖



ความเคยชิน : กาพย์ฉบัง๑๖

    เวลาคนเรามีเท่ากัน................ในแต่ละวัน
อยู่ที่คิดสรรก่อกรรม์ใด

    คล้อยตามความคิดนิสัย................ความพึงพอใจ
เงื่อนไข-หน้าที่-ค่านิยม

    สติ-ปัญญา-ความโง่งม...............ทรัพย์สินสั่งสม
บังคับข่มใจเพียงใดเคย ฯลฯ

    ชั่ว-ดีโลกมีเปิดเผย...............แม้ไม่ละเลย
ย่อมเชยสัจจาปรากฏเห็น

    กิจกรรมหลามหลายให้เป็น.................ทางเลือกเกลือกเฟ้น
น้อมนำบำเพ็ญเป็นอัตตลักษณ์

    ความเคยชินจินต์ประจักษ์................แผ่พ้นบนพักตร์
จะลักซ่อนไซร้ไม่อาจฝืน

    จริตจิตใจดั่งไฟฟืน................เด่นชัดดาษดื่น
กลมกลืนกิริยากล้าไส

    จึงควรยับยั้งชั่งใจ.................ระวังระไว
ก่อนทำอะไรกลาย(เป็นความ)เคยชิน

    กรรมใดหาได้สุดสิ้น.................ผลตามลามริน
กระทบชีวินชินชาชาญ

    ถ้าดีก็มีสุขศานติ์.................แต่ถ้าสามานย์
สะท้านบรรลัยโยงใยเอย ฯ

๑๔ มีนาคม ๒๕๕๘