ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558

คนไม่รักตัวเอง : กาพย์ฉบัง๑๖



คนไม่รักตัวเอง : กาพย์ฉบัง๑๖

    คนที่ไม่รักตัวเอง................มิพรั่นหวั่นเกรง
ครื้นเครงทำความสุขสันติ์

    ติดใจในการพนัน...............รนเร่าเมามัน
ปานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

    ร่ำสุรายาเสพย์ติด..................บันเทิงเริงฤทธิ์
ไม่คิดถึงโทษที่โฉดเขลา

    ชอบเที่ยวกลางคืนมื่นเมา.................มั่วสุมรุมเร้า
เวียนเข้าสังคมสมราคี

    ไม่รู้ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี................จิตถนัดบัดสี
คบคนอัปรีย์เป็นศรีสหาย

    จริยธรรมสำคัญบรรยาย................ทิ้งทอดวอดวาย
ดูดายไร้สติภิรมย์

    กระทำตามใจใฝ่นิยม.................เปรมปรีดิ์วิกรม
ไม่ข่มควบคุมจิตจล

    ใช้ชีวาสาละวน................กับเรื่องไร้ผล
ตั้งตนบนความประมาท

    ดำเนินชีวิตผิดพลาด.................ไม่เข็ดขยาด
ปราศจาก(การ)พากเพียรเรียนรู้

    เคราะห์กรรม(จึง)ตามหลั่งพรั่งพรู.................ยากเย็นเป็นอยู่
(เพราะ)เป็นผู้ไม่รักตัวเองฯ

๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๘

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ทดแทนทางที่ว่างเปล่า : กาพย์ยานี๑๑



ทดแทนทางที่ว่างเปล่า : กาพย์ยานี๑๑

    เมฆา มาประชุม........................นภรุม หลังพรรษา
โปรยปรน ฝนลงมา........................ข้าวในนา ล้มคละไคล

    รวงแก่ ล้วนแช่น้ำ......................ความระกำ คร่ำเสือกไส
เกี่ยวยาก ลำบากใย........................ปัจจัยเข็ญ เป็นกสิกร

    เกิดมา มีชีวิต............................เกินจักคิด ไร้เดือดร้อน
แข็งขัน อย่าสั่นคลอน.....................บั่นทอนจิต พิจารณา

    จะยาก-ดี-มี-จน.........................คนทุกคน ท้นปัญหา
เกิดแต่ จวบแก่ชรา.........................เป็นสัจจา โลกราวี

    กระทั่ง พระอรหันต์.....................(ยัง)ไม่อาจบั่น เวรทัณฑ์หนี
พิทักษ์ รักษาฤดี............................ไม่ให้มี เวทนา

    เวรกรรม แต่กาลก่อน..................มิอาจถอน ย้อนมาหา
ตอบสนอง ตรองอุรา.......................พยายาม อย่าทำกรรม์(บาป)

    สร้าง(ความ)ดี มีศีลสัตย์..............จิตพิพัฒน์ พิสุทธิ์ผัน
ภพหน้า ในสักวัน...........................สู่สวรรค์ วิมานแมน

    ศรัทธา เพียรประพฤติ.................กุศลยึด พฤฒาแสน(พฤฒา=เจริญ,แข็งแรง)
ชีวัน เกิดสารแก่น...........................ทดแทนทาง ว่างเปล่าเทอญฯ

๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เหลืออะไรให้ปลาบปลื้มใจ? : โคลงสี่สุภาพ



เหลืออะไรให้ปลาบปลื้มใจ? : โคลงสี่สุภาพ

. ฝนกระหน่ำส่งท้าย........................พรรษา
ส่งสารหนาวจะมา.............................แน่แล้ว?
อากาศเปลี่ยนไปหา(ได้)....................เหมือนอดีต
เฉกจารีตเลิศแพร้ว............................เริ่มร้างชนประสงค์ฯ

. ดำรงไว้ซึ่ง(ความ)โง่.......................งมงาย
โมหะเจิดกระจาย...............................แพร่เชื้อ(เจิด=เชิดชู)
กมลกระวนกระวาย.............................เพาะกิเลส
ปฏิเสธประกอบเกื้อ.............................สรรสร้างกุศลฯ

. กลไกความถูกต้อง..........................ความคิด
อวิชชาพาวิปริต..................................รุกเร้า
เพ่งความชั่วเฉกมิตร............................เยี่ยงฉลาด
ญาติดีทุรชนเย้า..................................คบค้าสมาคมฯ

. ปรารมภ์เพียงผลได้..........................(ต่อหน้า)ต่อตา
เล่ห์ฉลมนตร์มารยาฯลฯ........................เลือกใช้
ไม่มีความเมตตา.................................ทุจริต
กระทั่งคนชิดใกล้................................ยังกล้าหักหลังฯ

. ลำพังเพียงส่วนน้อย..........................(คง)พอทำเนา
(แต่)ที่เห็นคือโลกเรา............................ร่วมคล้าย
คนรุ่นใหม่มัวเมา...................................คิดแคบ
เกลือกแทบเป็นสัตว์ร้าย.........................เพราะเฝ้าเห็นแก่ตัวฯ

. พ่อ-แม่-ลูกไม่ไว้................................ใจกัน
ขาดซึ่งความสัมพันธ์..............................แน่นแฟ้น
หมางเมินจริยธรรม์.................................ปฏิบัติ
มิสัตย์ซื่อถือแม้น...................................หน้าเนื้อใจเสือฯ

. เหลือสิ่งใดให้ปลื้ม.............................เปรมปรีดิ์?
เหมือนคุณค่าชีวี....................................เสื่อมไร้
มีไม่ต่างไม่มี.........................................ตระหนัก
สักแต่อารมณ์ใช้....................................เสือกใต้ตัณหาฯ(เสือก=ไสไป)

๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ถือพรหมจรรย์ไม่ทันสมัย? : กลอนเจ็ด



ถือพรหมจรรย์ไม่ทันสมัย? : กลอนเจ็ด

    เดือนเพ็ญ เด่นสกล พ้นพรรษา...............โสภา ผาดผุด พิสุทธิ์ใส
ดั่งเพชร เม็ดงาม ผ่องอำไพ.........................อยู่ใน ราตรี นิรมล

    เมื่อเดือน สกาว ดาวสะ ดับ......................ไร้ลับ ขับสู้ มนุญ์สนธิ์(สะ=สวย,มนุญ=งาม)
รอเดือน เลือนดับ กาลกลับดล......................ดารา ถกล ท้นอัมพร(ถกล=งาม)

    จารีต ประเพณี วิถีถ่อง............................ครรลอง ปฏิบัติ ประภัสสร
ปุราณ บรรพชน ค้นบวร...............................ปางก่อน ปรากฏ เป็นบทเรียน

    ลูกหลาน กาลสมัย ยุคไอที......................กลับมี วิกรม นิยมเปลี่ยน
ทำตาม อำเภอใจ ไม่จำเนียน........................พากเพียร ประพฤติ ยึดพรหมจรรย์

    พอเริ่ม แตกพาน พลุ่งพล่านเร่า.................กระเส่า กามา เกิดกระสัน
วิตก หมกมุ่น เมถุนธรรม์...............................ถลัน ทางเสื่อม เลื่อมใสมอง(วิตก=ความตรึก)

    ได้ชื่อ หรือว่า ทันสมัย?............................เดรัจฉาน นั้นไซร้ คลับคล้ายข้อง?
เสรี ทางเพศ กิเลสพอง................................ไม่ต้อง ควบคุม กุมจิตจล

    คิดเห็น เช่นทำ ตามธรรมชาติ....................ถึงขนาด ถ่าย(คลิป)แพร่ แลหลากล้น
นับวัน จัญไร (เหมือน)ไม่ใช่คน......................สัปดน สนสับ เหลืออัประมาณ

    ชีวิต วุ่นวาย กลายอุบาทว์.........................วิปลาส ปรัชญา ไร้สุขศานติ์
ครอบครัว ร้าวแตก-เลิกแหลกลาญ..................ทรมาน ทุเรศ สมเพชเอยฯ

๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๘

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ปัจจัยในการทำดี : กลอนหก



ปัจจัยในการทำดี : กลอนหก

    ลมเย็นเยือก พัดเฮือกใหญ่................ทำเอาใจ กายผวา
สะท้านจิต ยามนิทรา.............................แสวงหา ผ้าห่มคลุม

    ก่อนหลับตา ปิดหน้าต่าง....................ตกดึกสร้าง น้ำค้างสุม
เดี๋ยวโรคา ดาหน้ารุม.............................อาพาธกุม จะกลุ้มใจ

    ถึงทำดี ต้องมิประมาท.......................อวดฉลาด อาจเหลวไหล
รู้กาละ-เทศะ-ใคร?................................คือปัจจัย ใช้ทำดี

    รู้จักขีด ความสามารถ........................กำลังอาตม์ ประสาทศรี
ข้อจำกัดฯลฯ (คือ)สัจวิธี.........................เอื้อทำดี สุขิตา(สุขิตา=มีความสุข)

    (ทำดี)ผิดเวลา สถานการณ์.................สิบันดาล ซึ่งปัญหา
ช่วยผิดคน (จะ)จนปัญญา.......................อาจมรณา ชีวาวาย

    ความใจบุญ จุนเจือจิต........................เผื่อแผ่ผิด ผลสูญหาย
ถ้าโง่เขลา หลงเมามาย..........................ทำดีกลาย ได้โทษทัณฑ์

    ดีงามทำ ตามโอกาส..........................ความสามารถ มุ่งมาดขัน
ตราบยังมี ชีวาวัน...................................ย่อมประกัน บันเทิงจินต์

    (ทำ)ดีกับใคร ไม่เห็นค่า......................หยุดอุตส่าห์ เพียรถวิล
ดีไม่ได้ กลายราคิน................................ควรสุดสิ้น ภินท์พาเอยฯ(ภินท์=แตก,ทำลาย)

๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๘

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ชีวิตบัดซบ : กาพย์ยานี๑๑



ชีวิตบัดซบ : กาพย์ยานี๑๑

    ผืนดิน ถิ่นกันดาร...................ผลิตอาหาร ให้ผลน้อย
เขาหิน ขาดดินดอย.....................ยากคอยหา ภักษามี

    พ่อแม่ แลโง่เขลา....................ลูกหลานเล่า ย่อมเขลาชี้
ยากฝัน ปัญญาดี..........................ปรีดิ์แต่หมั่น (สร้าง)ปัญหามา

    เรียนไป ใจเหนื่อยเหน็ด.............กรมเผด็จ การศึกษา(กรม=ระทม)
แรงใจ ไร้โรยรา............................ใคร่โหยหา สิ่งระเริง

    เมื่อขาด การศึกษา....................ยงชีวา ยากเถลิง
จิตเตลิด หลงเปิดเปิง.....................จึงเวิ้งว้าง ร้างจุดหมาย

    (เมื่อ)ชีวาตม์ ปราศทักษะ............อาชีวะ อดสบาย
รนแสวง แรงงานขาย.....................ไร้ฝีมือ ถือประจญ

    ไม่ถูก ปลูกฝังให้.......................ศีลธรรมใฝ่ ใจกุศล
ทุจริต จิตวิกล...............................ล้นชั่วบาป เหลืออัประมาณ

    ก่อเวร เป็นกิจกรรม.....................สุดระห่ำ ทรามอาจหาญ
จัดเจน เป็นอันธพาล.......................ชาญโฉดชั่ว มัวเมาชม

    ชีวี ที่บัดซบ..............................ครอบครัวพบ ความขื่นขม
แพร่หลาย ในสังคม........................โสมมทั่ว มั่วสุมเอยฯ

๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ความจนไม่ใช่ปัญหา : กาพย์ฉบัง๑๖



ความจนไม่ใช่ปัญหา : กาพย์ฉบัง๑๖

    บัวน้อยลอยบนชลธี.................รับแสงสุรีย์
แม้มีดอกเล็กกระจ่อยร่อย

    หากยังมีเราเฝ้าคอย.................เก็บภาพน้อยๆ
เรียงร้อยรจนาสุทธาสรรค์

    เปรียบเสมือนดั่งมีชีวัน.................ต่างแตกแปลกปัน
เฉกพันธุปทุมกุสุมา

    ความจนไม่ใช่ปัญหา................(เพราะ)การมีชีวา
ใช่เกิดมา(เพื่อ)ล่าร่ำรวย

    การเล่นพนัน-หุ้น-หวยฯลฯ.................หาได้อำนวย
ช่วยใครได้สมดั่งจินต์

    พึงตั้งอารมณ์สมถวิล.................ทำมาหากิน
เลี้ยงชีวินรอดปลอดภัย

    ส่วนเรื่องของเล่นของใช้.................แข่งกันทันสมัย
เขามีเขาได้อวดขัน

    ใยต้องตามเขาเมามัน..............หากคติชีวัน
สำคัญ(คือ)ปัญญาอุตส่าห์สร้าง

    โลกมีหลายที่หลากทาง.................ยิ่งใหญ่กว้างขวาง
ให้วางวิสุทธิ์จุดหมาย

    ก่อนที่จะถึงซึ่งบั้นปลาย................นอนหลับดับตาย
ย่อยสลายกลายเป็นธาตุเดิมฯ   

๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๘

วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558

วิถีที่คนธรรมดายากจะเข้าใจ-ไม่ต้องการ : กลอนเปล่า


Original photo ://http://www.panoramio.com/photo/124809410//www.flickr.com/photos/134623686@N02/21737250713/in/dateposted// www.pinterest.com/pin/511440101412909246/ 

วิถีที่คนธรรมดายากจะเข้าใจ-ไม่ต้องการ : กลอนเปล่า

    อุโบสถสถานอันถูกห่อหุ้มด้วยหมอกขาว
เพริศพราวโผล่พ้นไพรสณฑ์สยาย
มีสุริยาประดับราวกับกำลังละลาย
เกือบจะกลืนหายไปกับผืนนภา

    สถานที่จริงไม่ใช่สิ่งแสนสวย(ขนาดนี้)
ภาพถูกกระทำอำนวยด้วยฝีมือและทักษะ
ตกแต่งสีสันบรรเจิดเพริศคละ
ก่อเกิดศิลปะเสนอเลอเลิศผลงาน

    กายคนจริงๆหาใช่สิ่งสวยงาม
หากแต่ถูกกระทำตกแต่ง และถูกแรงแห่งราคะมหาศาล
ที่ฝังลึกแนบแน่นในแก่นกมลสันดาน
บงการให้กายเห็น...เป็นสิ่งโสภาพี

    ลดละกิเลสตัณหา
จึงก่อเกิดปัญญาสุทธาศรี
ตราบเมื่อสามารถ ตัดใจ-ไม่ติดใจในโลกีย์
จึงจะเกิดสติ แล้วเสรีธรรมสิตามมา

    สำนึกถึงความโสโครกแห่งกาย
มิมั่นหมาย ไร้ซึ่งความปรารถนา
ไม่อุ้มชูหรือบูชา
อาสวะขจัดพิพัฒน์ชัย

    คือก้าวหนึ่งบนเส้นทางของอริยมรรค
อันสามัญชนยากจักตระหนักได้
คือวิถีที่คนธรรมดาทั่วไป
มิสามารถเข้าใจ และไม่ต้องการฯ


๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๘

วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สวยโดยไม่พึ่งเครื่องสำอาง : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



สวยโดยไม่พึ่งเครื่องสำอาง : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    .........................................หมอกงาม ยามเช้า
(คือ)สัญญาณ บอกเล่า................เข้าสู่ ฤดูหนาว
ฟ้าโปร่ง โล่งใส..........................เมฆไร้ พรายพราว
ฤดูฝน ล้นก้าว............................ล่วงป่าว อีกปี

    ...........................................งดงาม ด่ำดื่ม
ธรรมชาติ ปราดปลื้ม.....................ไม่ลืม หน้าที่
สวยงาม สะพรั่ง...........................พร้อมทั้ง ความดี
เอื้อทุก ชีวี.................................ปรีดา ปรารมภ์

    ............................................อย่า(มัว)หลง รูปงาม
(แต่)ปล่อยจิต ใจทราม..................กรรมา สาสม
สีหน้า ท่าทาง..............................(เห็น)กระจ่าง โสมม
อุรา=อาจม..................................ต่ำตม ติดตรึง

    .............................................ขัดเกลา จิตใจ
อร่าม งามให้................................ผ่องใส ลึกซึ้ง
กุศล กลกรรม...............................ศีลธรรม คำนึง
จริยธรรม รำพึง.............................พิพัฒน์ อัชฌา(อัชฌา=กิริยาดี)

    .............................................กระทำ กรรมบุญ
กำจัด สถุล...................................กิเลส ตัณหา
ไม่เหนื่อย เมื่อยเพลีย.....................ไม่เสีย เงินตรา
ไม่เลือก (ระดับการ)ศึกษา...............อายุ-เพศ-วัยฯลฯ

    ..............................................เมื่อจิต งดงาม
หน้าตา สวยตาม.............................ชื่นฉ่ำ อร่ามใส
ความสวย สมสั่ง.............................ทั้งกาย และใจ
โดยไม่ ต้องใช้...............................ไร้เครื่อง สำอางฯ

๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๘

วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558

แบบไทยๆ : กลอนหก



แบบไทยๆ : กลอนหก

    "แบบไทยๆ" ภูมิใจแท้....................ทั้งดวงแด แลเหมาะสม
(ทำ)ตามอุระ และอารมณ์......................เสพสั่งสม โสมมมี

    เช่นเณร-พระ บางวาวัด.....................เพียรปฏิบัติ เสมือนผี
เรื่องธรรมศีล หายินดี............................หลงโลกีย์ ค่านิยม

    แสวง(หา)ลาภ ยศสรรเสริญ...............กิจดำเนิน เพลินประถม
มือถือสาก ปากอาจม............................ลวงสังคม ชื่นชมตน

    ข้าราชการ(พนักงาน) ก็คร้านเกียจ.......งานการเดียด ดวงแดฉล
เงินเดือนสูง มุ่งกมล..............................แต่ผลงาน กันดารดี

    นักการเมือง ยิ่งเฟื่องหมก...................สิ่งสกปรก โสโครกศรี
โกงกินชาติ อุบาทว์ปรีดิ์..........................เป็นประเพณี วัฒนธรรม?

    การปกครอง เลียน(ชื่อ)ของเขา............ประชาธิปไตยเรา เฝ้าใฝ่ต่ำ
ฉีกรัฐธรรมนูญ คุ้นประจำ.........................ร่างถ้อยคำ กำกวมไคล

    รังเกียจถ้อย "(ประเทศ)ด้อยพัฒนา"......หลงบูชา คำ"ทันสมัย"
แต่ความคิด แลจิตใจ..............................ทำอะไร คล้ายพัฒนา?

    "แบบไทย" ภูมิใจนัก...........................มีใครจัก ตระหนักปัญหา
เปลี่ยนพฤติกรรม "(ทำ)ตามอุรา".................ถือจรรยา นำหน้าเทอญฯ

๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๘

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558

พระคุณข้าว : กาพย์ยานี๑๑



พระคุณข้าว : กาพย์ยานี๑๑

    อรุณ รังสีส่อง...................เรืองแสงทอง ทิวาหวาน
เลิศล้ำ งามตระการ..................ตระอรจับ ประทับใจ(ตระอร=ทำให้ชอบใจ)

    ท้องนา ปลายหน้าฝน...........ข้าวหอม(มะลิ)ยล ยัง(ต้อง)เติบใหญ่
สดสี ขจีใบ.............................กลางสายหมอก เย้าหยอกยวน

    รอท่า เวลาที่......................รวงข้าวพี สีเหลืองล้วน
หมอกหนาว ขาวเนียนนวล.........ชวนใช้เคียว เกี่ยวเก็บครัน

    หลับตา ครวญคะนึง..............กว่าจะถึง ซึ่งวันนั้น
(ต้อง)ทุ่มเท เท่าไรกัน...............เพื่อสาธารณ์ สรรอิ่มเอม

    อย่ากิน ทิ้งกินขว้าง...............ข้าวช่วยสร้าง ความเกษม
ชีวี ได้ปรีดิ์เปรม........................ด้วยรสข้าว เลี้ยงเรามา

    อย่าลืม พระคุณข้าว...............เม็ดเรียวยาว ขาวสวยหนา
ช่วยชาติ ไทยพัฒนา..................ทั้งสากล สนใจกิน

    ชาวนา อาศัยข้าว...................สำคัญราว กับทรัพย์สิน
ชุบเวียง เลี้ยงชีวิน......................อาจิณแล แต่โบราณ

    เห็นค่า อย่าดูแคลน................พระคุณแสน แม้นไพศาล
ข้าวไทย ที่ให้ทาน......................มีอุปการ อนันต์เอยฯ

๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๘

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ทำดีต้องมีรางวัล? : กลอนแปด



ทำดีต้องมีรางวัล? : กลอนแปด

    เมียงมองหาว เช้านี้ ไม่มีเมฆ................รจเรข เสกสรร วันสดสวย
สุริยง ส่งแสง แต่งสำรวย..........................หมอกพร่างพวย ขาวพลอด กอดพงไพร

    (ข้าว)หอมมะลิ ขจีสัน รอวันเสก.............รจเรข รวงข้าว เพราเพริศไข
เห็นต้นข้าว พัฒนา พาสุขใจ......................(ชาวนา)ลงทุนไป ได้ผล พิมลคืน

    แรงจูงใจ ให้ทำ ก่อกรรมดี....................(คือ)เห็นทันที มิถ่วง ดวงใจชื่น
แต่สัจจา หาได้ ดั่งใจยืน...........................อภิรมย์-ขมขื่น ล้วนดื่นมา

    หากกิจกรรม ทำดี (ต้อง)มีรางวัล............การคัดสรร คนดี (ย่อม)มิสมค่า
ภพพิมล บนสวรรค์ เฉกชั้นฟ้า.....................คงมีคน ชั่วช้า คลามากมี

    แต่ถ้าหาก อยากคัด สุทธิ์สัตย์ชน.............ใยต้องดล บันดาล ทัน(ที)สุขี
สุจริตชน ย่อมทำ แค่ความดี........................แม้บางที ทุกข์ยาก ลำบากเยือน

    ผู้มีมาน มั่นคง ธำรงสัตย์.........................จริยวัตร ภัทรา ชีวาเหมือน(ภัทรา=ภัทร=เจริญ,งาม)
เป็นผู้ทำ กรรมดี มิแชเชือน..........................ถึงปี-เดือน เคลื่อนผ่าน สำราญพา

    เห็นคนชั่ว ได้ดี มิกำสรด.........................คนจิตคด โฉดเขลา ชิงก้าวหน้า(กำสรด=เศร้า)
มิแปรเปลี่ยน เวียนสู่ อกุศลา........................ตราบชะตา ลาลับ ดับลมปราณ

    ย่อมจะได้ ไปสู่ สุคติ..............................บุญสิริ ปรีดา ภาวะศานติ์
เพราะภพชาติ  ดาษดา เหนือจักรวาล............รอผู้ผ่าน การคัด อุบัติเอยฯ

๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๘

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เป็นคนดี : กลอนหก



เป็นคนดี : กลอนหก

    คำบอกเล่า "เขา(เป็น)คนดี"..................อย่าเพิ่งมี ฤดีเชื่อถือ
คนยืนยัน นั้นมักคือ...................................ได้ชื่อว่า คบหากัน

    ส่วนมากคน กมลใคร่............................ทำดีให้ ผู้(ที่ตน)หมายมั่น
รักชอบพอ ก่อสัมพันธ์..............................แลแบ่งปัน ประโยชน์มี

    ส่วนคนที่ มิรู้จัก...................................ความดีมัก ตระหนักตระหนี่
บ่สนใจ บ่ใยดี.........................................เหมือนความดี มีจำกัด

    มิหนำซ้ำ ยังทำชั่ว...............................เห็นแก่ตัว หัวจิตชัฏ
พร้อมเบียดเบียน เพียรอุปัทว์.....................เสมือนสัตว์ มนัสนัย

    "เป็นคนดี" นิยามด้วย...........................ยินดีช่วย ด้วยนิสัย
มิเลือกหน้า ว่าคือใคร...............................หรือต้องได้ สิ่งตอบแทน

    มีความดี มิจำกัด.................................สารพัด พิลาสแสน
พร้อมพลีให้ ไปทั่วแดน.............................ทุกแว่นแคว้น แม้นชีวา

    ไม่ถือตน เป็นที่ตั้ง................................รู้ยับยั้ง พลังมิจฉา
กุศลเกื้อ เหนืออัตตา.................................พิทักษา ศีลธรรม

    "เป็นคนดี" (จึง)มีจำกัด..........................ปฏิบัติ เพื่อเลิศล้ำ
คนธรรมดา ไม่กระทำ.................................แค่สร้างคำ สำคัญตัวฯ

๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๘

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ปิดทองหลังพระ : กลอนสำนวนสุภาษิต(กลอนเจ็ด)



ปิดทองหลังพระ : กลอนสำนวนสุภาษิต(กลอนเจ็ด)

    อาทิตย์ ขึ้น-ลง คงนิรันดร์....................คืนวัน ครรลอง ครองสักขี
ก่อนโลก กำเนิด เกิดชีวี...........................ก่อนมี มนุษย์ สุดวิไล

    อรุณ-อัศดง ดำรงสัจ............................สุทัศน์ ภัสสรา อดิศัย(ภัสสรา=ภัสสร=แสงสว่าง)
คงคู่ เวลา ตลอดไป.................................แม้ใคร ไม่ข้อง ต้องลำเค็ญ

    กุศล กริยา ก่อประสิทธิ์.........................(แม้)ไม่คิด มิใคร่ ให้ใครเห็น
ผลแห่ง ความดี ย่อมมีเป็น.........................ไม่เร้น ไร้ลับ เหลืออัประมาณ

    กระทำ กรรมดี (เมื่อ)มีโอกาส.................อย่าขาด ศรัทธา พิษฐาน
กฎแห่ง กรรมา เป็นประธาน........................หาใช่ สามานย์ สันดานคน

    ทำดี มิใย ใครต้องชม............................คารม คมคาย แค่ปลายผล
สำคัญ ยิ่งใหญ่ คือใจตน............................บรรลุ กุศล ถกลกรรม(ถกล=งาม)

    ความดี มีรส แสนสดชื่น.........................รมย์รื่น ฤดี ชีวีถัมภ์(ถัมภ์=หลัก,เสา)
ผู้ใด บำเพ็ญ เป็นประจำ.............................โน้มนำ โสมนัส สวัสดี

    ถึงใคร ไม่รู้ แค่เรารู้...............................ประเสริฐ เลิศสู่ อุระศรี
ไม่ต้อง ประกาศ อวดมาดมี.........................ผลดี ย่อมได้ มิไกลเกิน

    ภาษิต ปิดทอง ที่หลังพระ......................ขจัด โมหะ หลง(คำ)สรรเสริญ
ทำดี เถิดหนา อย่ามัวเพลิน.........................คำเยิน คำยอ ฉอเลาะเลยฯ

๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๘

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ทัศนคติวิถี : โคลงสี่สุภาพ



ทัศนคติวิถี : โคลงสี่สุภาพ

. สาธารณ์ลานตากข้าว....................คือถนน
วัฒนธรรมของเหล่าชน-.....................บทผู้
เก็บเกี่ยว(ข้าว)ในปลายฝน.................ยังเปียก
เรียกลูกหลานร่วมสู้..........................ร่วมไม้ร่วมมือฯ

. ถือคติเก็บเกี่ยวแล้ว.......................ทำบุญ
นิมนต์พระมาสวดขุน.........................ลานข้าว
จงเพิ่มพีทวีทุน................................หวังจิต
ประสิทธิ์ประเสริฐก้าว-.......................หน้ามั่งมีเทอญฯ

. ดำเนินชีวิตด้วย.............................ฝากฝัง
อนาคตกับความหวัง..........................คิดไว้
ทัศนคติวิถีดัง...................................บ่อเกิด
ประเสริฐประสพ/ไร้............................ได้แค่ฝันดีฯ

. มีเพียงพิษฐานสร้าง........................สม(ใจ)หรือ?
ปัญญาปราศฝึกปรือ............................ใฝ่รู้
ชีระตัณหาถือ....................................ยึดติด(ชีระ=เก่ง)
ตามจิตจลจ่อมทู้................................ไหว้ฟ้าวอนสวรรค์ฯ

. หรือเอาแต่คาดให้...........................ใครเขา
อุปถัมภ์ดูแลเรา.................................(ผู้)เกียจคร้าน?
หย่อนยานปัญญาเบา..........................ทุจริต
มิจฉาอาชีวะกร้าน...............................กาจแท้ทรชนฯ

. (หรือ)อดทนพึ่งลำแข้ง.....................ลำขา
พึ่งสติเพิ่มปัญญา...............................ขับสู้
วิริยะแสวงหา....................................โอกาส
มิขาดการเรียนรู้..................................เพียรพร้อมปรับตัวฯ

. ความชั่วชังว่างเว้น...........................จึงเจริญ
(ความ)ดีอย่ากลัวมากเกิน.....................หมั่นสร้าง
ปราชญ์บัณฑิตสรรเสริญ.......................สูงส่ง
อลงกตชีพสล้าง..................................ชั่วฟ้าดินสลายฯ

๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๘

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สุขสันติ์บันเทิงเริงรมย์ : กาพย์ฉบัง๑๖



สุขสันติ์บันเทิงเริงรมย์ : กาพย์ฉบัง๑๖

    เสียงลมลูบไล้ไม้กิ่ง................ไพเราะเสนาะจริง
ยิ่งกว่ามโหรีที่ไหน

    พฤกษ์พานบานโบกโยกไกล................เหมือนบุคคลใด
ทักทายไมตรีมาหา

    ฝอยฝนหล่นปรอยพลอยพนา.................ชุบชีวิตชีวา
ชีระมาสู่อุรพี(ชีระ=ว่องไว,อุรพี=แผ่นดิน)

    ละอองฝนล้นรื่นชื่นฉวี..................สุขได้สบายดี
ฤทธีธรรมชาติสัจจาทร(สัจจาทร=สัจจ์+อาทร)

    พึงใจในสุขสโมสร................เรียบง่ายไร้อาวรณ์
อากรสันตินิรามัย(อากร=บ่อเกิด)

    คือสิ่งบันเทิงเริงใจ.................เคยคิดบ้างไหม?
ที่ใคร(ต่อใคร)ได้รับนับอนันต์

    ไม่ต้องกระเสือกกระสัน.................ดิ้นรนกมลตัน
น้อยใจในชีวันบั่นทอน

    สุขไม่แห้งเหือดเดือดร้อน................หากธรรมกำธร
บวรสติมีปัญญา

    สุขใจในสิ่งที่หา................ขวนขวายได้มา
โดยไม่ละเมิดศีลธรรม์

    (สิ่ง)ไม่จำเป็นจงเว้นมัน................จะมีชีวัน
สุขสันติ์บันเทิงเริงรมย์ฯ

๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๘

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ความสุขของชีวิตปกติสามัญ : กาพย์ฉบัง๑๖



ความสุขของชีวิตปกติสามัญ : กาพย์ฉบัง๑๖

    ความงามของสิ่งสามัญ...................ใกล้ชิดชีวัน
ไม่ต้องฝันใฝ่ไปไกลแสน

    ตรากตรำข้ามน้ำข้ามแดน................ท่องเที่ยวเปลี่ยวแคว้น
มาดแม้น(ชีวิต)ปกติมิสุขสม

    ทนอยู่อย่างทุกข์ระทม...............ไร้ซึ่งอภิรมย์
จมอยู่(กับความ)ซ้ำซากจำเจ

    ตัณหา-อุปาทานหันเห................พาโลโฉเก
โมเมไม่รู้สัจจริง

    (เมื่อ)กิเลส-ตัณหาละทิ้ง..............ธรรมรักษ์พักพิง
หลากสิ่งรอบข้างต่างสดสวย

    กุศลธรรมเอื้ออำนวย................สุขง่ายได้ด้วย
ช่วยให้หัวใจใสสงบ

    ดื่มด่ำ(กับความ)ธรรมดาปรารภ..............เสกสันติ์บรรจบ
อบอุ่นเลอล่วงห้วงฤดี

    ปรับปรุงปกติวิถี...............แจงจัดทัศนีย์
ย่อมมีเหมือนใหม่วิไลตา

    ชีวิตจิตหัดพัฒนา...............บังเกิดปัญญา
รู้ค่า(สิ่ง)รอบข้างสร้างสรรค์

    อยู่กับ(ความ)ธรรมดาสามัญ..............ชีวิตประจำวัน
อย่างมีฉันทะสาธุเทอญฯ

๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๘

วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ปฏิบัติธรรมเริ่มที่มีความศรัทธา : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



ปฏิบัติธรรมเริ่มที่มีความศรัทธา : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    .....................................ตุลาฯ อากาศ
เริ่มเปลี่ยน เวียนปราด..............เป็นหนาว เข้าใกล้
เมฆฝน หนห่าง......................ชื้นร้าง แรมไกล
ลมแห้ง แต่งให้......................หัวใจ เงียบงัน

    ......................................ละเมียด ละไม
ฤดู เปลี่ยนไป........................หลายสิ่ง แปรผัน
ใบไม้ ในป่า...........................น่าจะ นับวัน
แห้ง-เหลือง-ร่วงกัน.................ใช่ครัน ทันที

    .......................................ธรรมะ ปฏิบัติ
ค่อยฝึก ค่อยหัด......................พัฒนา วิถี
ยิ่งกิ เลสหนา..........................นานช้า ราวี
ทุ่มเท ชีวี...............................จึงมี จำเริญ

    ........................................เริ่มที่ ศรัทธา
กอปร ด้วย ปัญญา....................อย่าทำ ผิวเผิน
ตรึกตรอง เหตุ-ผล....................สัจกล ดำเนิน
ศรัทธา ถ้า(มาก)เกิน.................อาจเผชิญ งมงาย

    ........................................ไม่ขาด สติ
ตั้งมั่น สมาธิ ...........................ฤดี ขวนขวาย
ศีลธรรม์ จรรยา........................สามารถ สกัดกาย
เร้นทราม กรรมร้าย....................และไม่ ก่อเวร

    .........................................มนัส ศรัทธา
เพิ่มพี พลา..............................แกร่งกล้า ขืนเข็ญ
ขัดเกลา จิตใจ..........................นิสัย ใช่เล่น
ฝืนใจ จึ่งเป็น............................ปราชญ์ได้ พิไลเอยฯ

๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๘