ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ห่วงสวย : กลอนเจ็ด




ห่วงสวย : กลอนเจ็ด

    ห่วงสวย..........................................สำอาง สำรวย ด้วยตัณหา
เยี่ยงสิ่ง ยิ่งใหญ่ ในชีวา..........................ยิ่งกว่า นานา สาระใด

    ต้องตบ แต่งหน้า-ตา-ผม-ปากฯลฯ.........อยากให้ คนมอง จ้องพิสมัย
อยากงาม อะเคื้อ เหนือใครๆ....................อยากจน (สามารถ)ยลใจ ผ่านสายตา

    ก่อนไป โรงเรียน พากเพียรแต่ง.............ผัดแป้ง เมคอัพ ขับใบหน้า
เพิ่มความ มั่นใจ ให้อุรา...........................ส่วนการ ศึกษา หาใส่ใจ

    เกรดต่ำ (เรื่อง)ธรรมดา อย่าไปถือ...........แลคือ เลขคณิต คิดผิดได้
ความสวย คือสิ่ง ต้องจริงใจ......................ไม่สวย จะไม่ ไปโรงเรียน

    ทำการ ทำงาน ทำปานเล่น.....................ทำเป็น นางแบบ ;แทบขีดเขียน
เหมือนคน ไม่ผ่าน การพากเพียร.................กระเสียร ศึกษา ปัญญาทราม(กระเสียร=ฝืดเคือง)

    แต่งเนื้อ แต่งตัว หาผัว;ติด(นิสัย)..............ราคะ จริต ความคิดพล่าม
วิตก วกวน อกุศลกาม................................ด้วยความ ละโมบ โลภมากมาย

    มีลูก ซุกห่วง (แต่)ซวดทรวงอก.................ตระหนก นมหย่อน ยานห่อนหาย
ให้(ลูก)กิน นมผง คงไม่ตาย.........................ลูกโต (จึง)เหมือนควาย ไม่รักดี

    การบ้าน การเรือน กระเทือนขวัญ...............เกียจคร้าน มันหมด สลดหนี
เสริมสวย-ช็อปปิ้ง ยิ่งชีวี...............................ศัลยกรรม ทุกที่ มิขลาดกลัว

    ใครได้ เป็นเมีย ละเหี่ยจิต........................คิดผิด คิดใหม่ อย่าหมายชั่ว
(คน)ห่วงสวย ห่วยแสน แหนเมามัว................ไร้หัว คิดเห็น ลำเค็ญเอยฯ

๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙

วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ปรัชญาชีวิต : กลอนคติชีวิต



ปรัชญาชีวิต : กลอนคติชีวิต

    หาความสุข ใส่ตัว คือหัวคิด.....................การดำเนิน ชีวิต ชนพิสมัย
ทรัพย์-ยศ-ศักดิ์-อำนาจฯลฯ ผูกมัดใจ...........ทุกวิธี พร้อมใช้ ให้ได้มัน

    กามคุณ สุนทร ซอนซอกเสพ....................อยู่อย่างเทพ (พะ)ยดา พล่านกระสัน
ตนเป็นเอก เป็นใหญ่ ใต้ดวงตะวัน................ชีวียืน ยาวฝัน นิรันดร์ยล

    เป็นธรรมชาติ ปรัชญา ปวงมนุษย์................ตั้งแต่บรร พบุรุษ อุตส่าห์สน
เป็นวัฏฏะ ประวัติศาสตร์ แห่งชาติชน.............ที่ผู้คน ท้นใจ หมายสืบมา

    มีคนมัก จักอ้าง ตั้ง(ใจ)ปฏิบัติ.....................ใจยึดถือ ซื่อสัตย์ ตาม(หลัก)ศาสนา
ค้นคำสอน ส่วนใหญ่ ใคร่บูชา.......................สิ่งธรรมดา สามัญ (สอดคล้อง)สันดานคน

    แต่คำสอน ขององค์ พระสัมพุทธ..................มีสามัญ-ปริสุทธิ์-วิมุตติผล
ฆราวาส ปรัชญา สาธุชน..............................ตลอดจน พ้นหลุด โลกุตระธรรม

    ค่อนข้างจะ ฝืนใจ วิสัยสัตว์..........................ต้องอุตส่าห์ ปฏิบัติ กำจัดถัมภ์(ถัมภ์=ความดื้อ,ความกระด้าง)
อธิบาย เหตุ-ผล แห่งกลกรรม........................ที่ครอบงำ ธรรมดา ทั้งจักรวาล

    *ไอสไตน์ ยังรับ ว่าพุทธสาสน์......................ทรงภาษิต วิทยาศาสตร์ มาตรฐาน
สอนความจริง สิ่งสัจ ชัชวาล...........................อยู่คู่กาล เวลา ตลอดไป

    ทนวิถี พิสูจน์ ถ้าอุตส่าห์...............................ลดกิเลส-ตัณหา สามัญวิสัย
หยุดยึดมั่น ถือมั่น สิ่งอันใด.............................จะสิ้นทุกข์ สุกใส สมใจเอยฯ

๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙

*ไอน์สไตน์ = Albert Einstein 
เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง ว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20
และเป็นคนฉลาดที่สุดในโลก
เขากล่าวไว้ว่า

The religion of the future will be a cosmic religion. It should transcend personal God and avoid dogma and theology. Covering both the natural and the spiritual, it should be based on a religious sense arising from the experience of all things natural and spiritual as a meaningful unity. Buddhism answers this description. If there is any religion that could cope with modern scientific needs it would be Buddhism. (Albert Einstein) 

"ศาสนาในอนาคต จะต้องเป็นศาสนาสากล ศาสนานั้นควรอยู่เหนือพระเจ้าที่มีตัวตน และควรจะเว้นคำสอนแบบสิทธันต์ (คือเป็นแบบสำเร็จรูปที่ให้เชื่อตามเพียงอย่างเดียว) และแบบเทววิทยา(คือพึ่งเทวดาเป็นหลักใหญ่) ศาสนานั้น เมื่อครอบคลุมทั้งธรรมชาติและจิตใจ จึงควรมีรากฐานอยู่บนสามัญสำนึกทางศาสนา ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ต่อสิ่งทั้งปวง คือ ทั้งธรรมชาติและจิตใจอย่างเป็นหน่วยรวมที่มีความหมาย พระพุทธศาสนาตอบข้อกำหนดนี้ได้....ถ้าจะมีศาสนาใดที่รับมือได้กับความต้องการทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ปัจจุบัน ศาสนานั้นก็ควรเป็นพระพุทธศาสนา" 

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

วิธีปฏิบัติต่อปัญหา : โคลงสี่สุภาพ



วิธีปฏิบัติต่อปัญหา : โคลงสี่สุภาพ

. ซุกปัญหาซ่อนใต้........................ผืนพรม
บ่สะสางสะสม..............................เก็บไว้
เนิ่นนานนับทับถม.........................หลามหลาก
ไม่อยากคลี่คลายไซร้....................เกียจคร้าน-ขลาด-เขลาฯ

. มองปัญหาราวไร้.........................ไป่มี
สุขสำราญฤดี...............................ร่มรื้น
เมินหมางชั่วและดี.........................ผิด-ถูก
ผูกจิตจำนงครื้น............................เขษมค้ำครองตนฯ

. กลผักชีโรยหน้า..........................ชำนาญ
โดยเฉพาะราชการ.........................ชอบใช้
ส่อนิสัยสันดาน..............................สกปรก
หมกเม็ดเพียงผ่านไคล้....................พอให้พ้นตัวฯ

. พึ่งพาคนอื่นเค้า...........................ช่วยเหลือ
ผีสางไสยศาสตร์เฝือ.......................สู่ไหว้
ทำบุญสุนทานเจือ...........................ปลอบจิต
บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้...........................ช่วยได้สมหวังฯ

. เอากำลังแรงเข้า...........................บุกตะลุย
เอาปากป่าวคล่องคุย........................คลุกเคล้า
เอาสันดานพาลทุย...........................ข่มขู่
เอาอยู่...เลื่อนลอยเย้า.......................หยอกล้อรำคาญฯ

. มิปล่อยปัญหาให้............................คารา คาซัง
เหตุ-ผลหนทางหา............................ไขแก้
พึ่งสติมีปัญญา.................................ประกฤติ(ประกฤติ=รากเหง้า)
ปลุกจิตประเชิญแม้............................เหนื่อยค้ำลำเค็ญฯ

. เห็นสัจธรรมแห่งหล้า.......................ดำรง
สุข-ทุกข์สิเคียงคง.............................ไป่เคื้อ
โลกอุดรจำนง...................................ประหวัด
ตัดกิเลสตัณหาเรื้อ.............................สาบสิ้นอินทรีย์ฯ

๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ยังต้องประหยัดใช้น้ำ : กลอนหก



ยังต้องประหยัดใช้น้ำ : กลอนหก

    เมฆดำ-หนา มืดปรากฎ.......................ฝนสักหยด ปลดปล่อยไม่
เมฆเลือนราง แตกต่างใย?.......................ฝนหลั่งไหล ไม่บรรเทา

    นิศาชื้น รื้นสงัด..................................จิ้งหรีดขัด ปีกปัดเข้า(นิศา=กลางคืน)
เสียงกรีดร้อง ก้องลำเนา..........................แข่งขันเหล่า กร้าวริปู

    ฝนตกส่อ สิต่อเนื่อง.............................นครเปลื้อง ปัญหาสู่
น้ำท่วมถนน ท้นพรั่งพรู.............................ลำคลองคู กรูมากมี

    หารู้ไม่ ปีกลายก่อน..............................สถิติย้อน สะท้อนชี้
ปริมาณฝน แต่ต้นปี..................................ยังมากมี กว่า(ปี)ปัจจุบัน

    ปานนั้นยัง สร้างปัญหา..........................น้ำประปา ไม่พอผัน
ข้าวในนา สวนสารพัน...............................แห้งอาสัญ ทรัพย์บรรลัย

    ฝนตกมา อย่า(เพิ่ง)ยิ้มย่อง.....................ยังจักต้อง ประหยัดใช้
ฟื้นฟูป่า ระวังระไว....................................อย่าให้ใคร ทำลาย-ครอง

    ฝนตกน้อย คอยเตือนจิต.........................ความวิกฤติ คงติดข้อง
ฝึกนิสัย ต้องไตร่ตรอง...............................ก่อนจักปอง ใช้น้ำเปรม

    โลกเพิ่มพี ภัยพิบัติ.................................ชีพติดขัด ความเขษม
คนยังใคร่ ไม่อิ่มเอม..................................ผลาญโลกเต็ม เข้มข้นเอยฯ

๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙

น่ากังวลที่ปริมาณน้ำต้นทุนมีจำกัดและยังเป็นปัญหาวิกฤติต่อเนื่อง
http://www.naewna.com/local/217668?fb_action_ids=1598096147186412&fb_action_types=og.comments

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เป็นอยู่เพื่อผลาญโลก : กลอนคติเตือนใจ



เป็นอยู่เพื่อผลาญโลก : กลอนคติเตือนใจ

    ความอยาก ที่มากมาย ไม่สิ้นสุด.................ความหยุด มนุษย์มน พ้นพิสัย
ทักษะ ความสามารถ ฉกาจไกร......................ทำให้ ทำลายล้าง ทั้งโลกา

    มากกว่า แค่หากิน ชีวินเกื้อ........................กินเพื่อ ความเมามัน เสพหรรษา
ของแปลก ของพิสดาร คิดสรรมา....................ปรุงหา เป็นอาหาร ตัณหาคน

    เสื้อผ้า อาภรณ์พิศ พิจิตรแต่ง......................ขันแข่ง เพื่อความสวย สะคราญผล
ประเทือง เครื่องประดับ คละสัปดน...................แต่งจน ตนประหลาด ทุทัศนีย์

    ที่อยู่ ที่อาศัย ใคร่จองจับ.............................ที่หลับ ที่นอนเพริศ ประเสริฐศรี
ที่ขำ ที่สำคัญ มันไม่มี....................................ความพอ ขอใคร่มี ยิ่งๆไป

    ถ้าหาก รู้รักษา สุขภาวะ...............................คงจะ พึ่งยาน้อย พลอยโรคไร้
แต่เพราะ ทำตนเขลา เอาแต่ใจ........................ยาหา มาเสพใช้ ให้สำเริง

    สินทรัพย์ สำทับมี ชีวีหมาย...........................จับจ่าย ได้ประกัน ชีวันเถลิง
แต่คน แทบทุกคน กระมลกระเจิง......................เพ่งเบิ่ง เพลิงกระสัน ฝันร่ำรวย

    จึงเร้า เอาจากโลก มาปกโลภ........................ละโมบ มิละอาย ระหายขวย
ทุจริต จิตฉ้อฉล ท้นอำนวย...............................สังคม อุดมด้วย ภยันตราย

    ธรรมดา โลกามี ภัยพิบัติ...............................(เพิ่มความ)สาหัส เพราะคนเหิม เสริมฉิบหาย
อยู่เย็น อย่างเป็นสุข ถูกดูดาย...........................อยู่ง่าย ไม่ผลาญโลก ทั่วโลกเทอญฯ

๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ล้ำรสบทกวี : กลอนพาไป



ล้ำรสบทกวี : กลอนพาไป

    สายลม หลังฝน อ่อนโยนสู่.................ชื่นชู อุทัย เพริศพรายศรี
อากาศ เย็นสบาย มอบไมตรี....................ฤดี ปรีดา นิรมล

    ธรรมชาติ ขัดเกลา เคล้าคลึงจิต............จากพิษ อวิชชา ราคีฉล
ราคะ ละลด=ปลดเปลื้องมน.....................จากเสน่ห์ เล่ห์กล อกุศลกรรม

    รสกานท์ กวี บริสุทธิ์............................เมื่อหลุด อุษณะ เกลศ สำ(กานท์=บทกวี,อุษณ-=ความร้อน,เกลศ=กิเลส,สำ=ปะปนกัน)
กมล กวี (ผู้)มีคุณธรรม.............................ร่ายคำ ล้ำค่า ภาษิตครอง

    เมื่อไม่ โป้ปด มุ่งมดเท็จ........................ปฏิเสธ แสวงผล ประโยชน์ผอง
รักษา ศีลธรรม์ สืบครรลอง........................รสกลอย ร้อยกรอง ผุดผ่องกานต์(กานต์=เป็นที่รัก)

    ลำนำ คำพจี คลี่พลิ้วไหว........................สวยใส ใหม่สด ทั้งหมดประสาน
สะคราญ หวานล้ำ เหลือน้ำตาล..................เทียมทาน คันธทิพ สุธารมณ์(สุธารมณ์=สุธา+อารมณ์)

    เมื่อมี จิตละไม ใจละเมียด.......................แลยัง รังเกียจ (การ)เบียนเบียดสม
มีจิน ตนาการ อันอุดม................................ย่อมมีสติ วิกรม คมปัญญา

    เสพรส บทกวี สิมีสุข...............................สนุก กับสวรรค์ สรรค์ภาษา
ลืมโลก คับแคบ แยบไคลคลา......................สู่ปริ วิภาดา ชลาลัย(วิภาดา=สว่าง,ชลาลัย=แม่น้ำ)

    รักแล้ แต่ไม่หลง ประสงค์สิทธิ์...................รสคำ อำมฤต ชวนพิสมัย(สิทธิ์=ความสำเร็จ)
บทกวี วิจิตร จะสถิตไกร...............................คู่ฟ้า ดินไผท พิไลเทอญฯ

๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙

วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บริโภคนิยม : กาพย์ฉบัง๑๖



บริโภคนิยม : กาพย์ฉบัง๑๖

    พลบค่ำพร่ำรอยเพลา...................เมฆฝนหม่นฟ้า
สุริยาสลดหมดแสง

    อากาศอบอ้าวราวแปลง................สายัณห์ผันแผลง
แสลงสราญกาลสมัย

    ผ่านไปไม่กี่อึดใจ................โอภาสพิลาสไคล
วนาลัยชุ่มฉ่ำร่ำฝน

    กัมปนาท นภา ระคน................ทั่วทุกแห่งหน
สถลสะเทือนเคลื่อนไหว

    ตกอยู่นานปานปลอบใจ..................พิรุณพรำทำให้
ชลาลัยได้คืนชีพผล

    ดินแห้งระหานบันดาลดล.................อิ่มน้ำอำพน(อำพน=ดาษดื่นน่าดู)
ฤดูฝนชวนชนชาวนา

    เริ่มต้นไถพลอยคอยท่า................ข้าวพันธุ์หว่านพา
อนาคตมีสินทรัพย์สอย

    สิ่งที่หวังตั้งตาคอย...............หลากหลายไม่น้อย
ทยอยทะยานกระสันหา

    ไม่เลือกเวล่ำเวลา..................หลงคำโฆษณา
แสวงหาเกินฐานะตน

    ก่อหนี้สินชีวินวน.................วิบากยากจน
เพราะไม่เจียม มน หม่นหมอง

    บริโภคนิยมสมปอง.................อยากมีเงินทอง
สนองนองเนืองเปลืองหมาย

    เสียสตางค์อย่างไม่เสียดาย.................จนผลสุดท้าย
สิตาย(อย่าง)สิ้นเนื้อประดาตัวฯ

๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙

วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร: ที่นั่งนักเรียนว่าง 8.6 แสนที่นั่ง

สภาวะโลกร้อน ในอินเดียปีนี้ ทำให้ผิวถนนละลาย Summer Effect | Roads Melting Due To Scorching Heat In Gujarat | V6 News

ความเข้มแข็ง : กาพย์สุรางคนางค์๓๒



ความเข้มแข็ง : กาพย์สุรางคนางค์๓๒

    (ผู้)เข้มแข็ง รังแก.....................ผู้อ่อน แอกว่า
ธรรมชาติ ธรรมดา.........................โลกา วิสัย
ปกติ ประเด็น...............................พบเห็น ทั่วไป
ประจง ปลงใจ..............................อย่าใคร่ รำคาญ

    ออกกำ ลังกาย..........................ขวนขวาย ประจำ
จิช่วย ชักนำ.................................กำลัง สังขาร
ป้องปก โรคภัย.............................มิให้ รังควาญ
ทำการ ทำงาน..............................เผด็จขาน มั่นคง

    ศึกษา เล่าเรียน..........................พากเพียร เพิ่ม(ความ)รู้
หนทาง สร้างสู่..............................(มี)ปัญญา ประสงค์
สถานการณ์ ทันเท่า........................โง่เขลา เบาลง
โรจน์รุ่ง มุ่งตรง..............................เสริมส่ง แข็งแรง

    ผลงาน ภารกิจ............................สัมฤทธิ์ ฐานะ
ทรัพย์-ยศ-พล=พละ........................ชีวะ เข้มแข็ง
ผู้คน เกรงใจ...................................รักใคร่ แสดง
มิกล้า กลั่นแกล้ง..............................แก่งแย่ง รังแก

    สูงสุด ของคน..............................คือกมล ตั้งมั่น
จิตไม่ ไหวหวั่น................................สืบสันติ์ กระแส
อารมณ์ นุ่มนวล...............................มิรวน ปรวนแปร
แข็งแกร่ง แรงแท้.............................ไม่แพ้ พ่ายเอยฯ

๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

โส-น้า-น่า: กาพย์ยานี๑๑(กลอนสิ่งแวดล้อม)

ภาพถ่ายดาวเทียม ของ NASA วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
พื้นที่ป่าสีเขียวขวามือที่มีเมฆปกคลุม คือสปป.ลาว
พื้นที่สีน้ำตาลที่แทบไม่มีป่าไม้-เมฆเลย คือประเทศไทย


โส-น้า-น่า: กาพย์ยานี๑๑(กลอนสิ่งแวดล้อม)

    ภาพถ่าย ทางอากาศ.....................ฉายธรรมชาติ ของเมฆฝน
ต้องมี แหล่งพิมล..............................จากต้นน้ำ ป่าลำธาร

    แมกไม้ คายความชื้น.....................ลอยจากผืน พนาผ่าน
ความเย็น เป็นสันธาน.........................ประสิทธิ์การ ประสานใย

    ประกอบ กันเป็นร่าง.......................เมฆสะพร่าง พิสุทธิ์ใส
ขาวผ่อง นวลยองใย...........................ลอยเหนือไพร ในปัถพี

    ควบแน่น แก่นปรากฏ......................(เป็น)หยาดฝนหยด รดหลั่งศรี
สร้างสรรค์ ปันชีวี................................ให้สุขี เปรมปรีดา

    ที่ใด ที่ไพร(ถูก)ผลาญ.....................ดิน(จะ)กันดาร เกิดปัญหา
ร้อน-แล้ง แสดงพลา............................ประจักษ์ตา ประจานใจ

    เมฆไร้ ไม่ปรากฎ.............................ไม่บังบด สุริยะไส
แผดเผา เร่าร้อนไอ...............................ระอุให้ ไร้ชื้นเย็น

    ขาดแหล่ง แปลงเมฆฝน.....................ก็เพราะคน ฉลโฉดเห็น
ป่าไม้ ทำลายเล่น..................................เผาปานเป็น เร้นค่าคุณ

    โง่เขลา เบาปัญญา............................โส-น้า-น่า คนสถุล
บาปตรำ ระยำตุน...................................ทุกข์เข็ญกรุ่น ขุ่นเคืองเอยฯ

๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

จุดเริ่มต้น-จุดจบ ของชีวิตบัดซบ: กลอนคติชีวิต



จุดเริ่มต้น-จุดจบ ของชีวิตบัดซบ: กลอนคติชีวิต

    จุดเริ่มต้น (ของ)ความคิด คือจิตใจ................เป็นเครื่องใช้ ใคร่ครวญ ทบทวนขาน
ใจเป็นใหญ่ เป็นหัวหน้า เป็นประธาน...............เป็นตัวการ กำหนด บทชีวี

    ด้วยนิสัย ใจคอ คือบ่อเกิด...........................การกระทำ ล้ำเลิศ ประเสริฐศรี
เยาวชน ยลชู รู้รักดี......................................เลือกวิถี ถูกต้อง คลองธรรมา

    จะไม่ออก นอกลู่ สู่นอกทาง.........................มิปล่อยวาง ตั้งใจ ใฝ่ศึกษา
มีความรู้ ความคิด และวิทยา...........................คือมรรคา ประสิทธิ์ ชีวิตสะคราญ

    แต่ถ้าเด็ก คนใด ไม่ตระหนัก.........................กระมลรัก มักชั่ว หัวคิดหาญ
ออกนอกลู่ นอกทาง รังเกียจการ-.....................เล่าเรียน;พาล รั้นไพร่ ใล่คะนอง

    ทำตามใจ ตัวเอง เจนเก่งกาจ.........................ตกเป็นทาส วัตถุ อุจาดผอง
หลงโลกีย์ วิสัย มิไตร่ตรอง..............................ล่วงศีลธรรม์ ครรลอง ข้องชีวิน

    คนชั่ว(ย่อม)ชอบ คบคน คล้ายตนชั่ว................คอยทำตัว ต่ำทราม ตามถวิล
มุ่งทุจริต มิจฉา มารอาจิณ................................ร้อยมลทิน รินหลั่ง ฝังฤทัย

    จึงต้องรับ กับผล กลวัฏฏะ..............................ทุคติ ชีวะ แสนสาไถย
คนทำตัว ชั่วช้า จะได้อะไร?..............................ถ้าไม่ใช่ (ชีวิต)ชั่วช้า สนองคืน

    จุดเริ่มต้น ชีวัน อันบัดซบ................................จักมองเห็น จุดจบ ประสบขื่น
ผู้ไม่อยาก ตกระกำ ตรมกล้ำกลืน........................จงอย่ารื่น ระเริง บันเทิงเลยฯ

๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๙

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

มีศีลธรรม์จรรยา : กาพย์สุรางคนางค์๔๒



มีศีลธรรม์จรรยา : กาพย์สุรางคนางค์๔๒

    .............................................สถาบัน การศึกษา
มิสั่งสอน ป้อนธรรมา......................ศีลาจาร บรรเจิดใส
นอกเสียจาก หลักวิชา....................วิทยา การทั่วไป
ปูพื้นฐาน สานเสริมให้....................ความรู้ได้ มีงานทำ

    ..............................................เป็นหน้าที่ (ผู้ใหญ่)ในครอบครัว
คอยแนะชี้ ดีและชั่ว........................การวางตัว ให้งามขำ
ชูแง่คิด ชีวิตค้น.............................ครองกระมล กุศลกรรม
เป็นแบบอย่าง ทางเลิศล้ำ...............มีศีลธรรม ประจำจินต์

    ..............................................ปวงเงื่อนไข ในสังคม
(ให้)ผลตอบแทน แสนอุดม..............แลทับถม-รมย์ทรัพย์สิน
ปล่อยกฎเกณฑ์ กติกาถือ.................สิ่งใดคือ หลักระบิล
ให้เดินตาม-ห้ามชีวิน.......................จงถวิล จิตวิญญาณ

    ...............................................เสรีภาพ ความนึกคิด
อิสระ ปรัชญาชีวิต...........................วิถีวิจิตร พิษฐาน
สติปัญญา เฉพาะคน.......................บุญกุศล บำเพ็ญการ
จึงเสกสนธิ์ ดลบันดาล.....................ให้ชำนาญ ชาญชิตไกร

    ...............................................สร้างคนดี มีศีลสัตย์
ขัดเกลาจิต นิมิตจัด.........................ปฏิบัติ ศรัทธาใส
สุจริต เป็นกิจจา..............................รักษ์จรรยา มโนมัย
จึงสุขี ศิวิไลส์.................................อยู่ในโลก โล่งอกเอยฯ

๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙

วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ที่มาของความโง่งมงาย : กลอนคติสอนใจ



ที่มาของความโง่งมงาย : กลอนคติสอนใจ

    ณ สมัย พุทธกาล โบราณก่อน..................พ่อแม่สอน ลูกชาย ให้หน้าหัน
สี่ทิศ สี่ทาง พรางบริกรรม์............................บูชา ทิศครัน ทุกวันคืน

    พุทธองค์ ทรงชี้ วิธีใหม่...........................กราบไหว้ พ่อแม่ ตั้งแต่ตื่น
บูชา อาจารย์ แข็งขันยืน..............................ครอบครัว ทั่วรื่น ดูแลกันฯลฯ(ยืน=ตั้งอยู่)

    สังคม สมสั่ง ทางความคิด........................ผิดๆ ถูกๆ ปลูกฝังฝัน
เหลวไหล ไสยศาสตร์ สิ่งอัศจรรย์...................ถ่ายทอด แก่กัน ยาวนานไกล

    พ่อแม่ อาจสอน มาผิดๆ............................ทบทวน ครวญคิด พินิจฉัย
หมั่นร่ำ ความรู้ มุอำไพ..................................ให้กว้าง ให้ไกล ไปกว่าเดิม

    ธรรมชาติ-ปรัชญา-วิทยาศาสตร์ฯลฯ..............ดื่นดาษ ความรู้ หาสู่เสริม
ค่อยแก้ ค่อยก่อ ค่อยต่อเติม...........................พูนเพิ่ม เพียรแผลง เปลี่ยนแปลงปรุง

    สอดคล้อง ความจริง สิ่งสัจจะ......................คุณะ ประโยชน์ เพื่อโรจน์รุ่ง
อย่าสัก แต่ทำ ตามไทยมุง..............................บ้านนอก เมืองกรุง มิต่างกัน

    ความโง่ งมงาย คล้าย(โรค)ติดต่อ.................เกิดก่อ เพราะชิด มิจฉาฉันท์
คนไม่ สุจริต สร้างผลิตภัณฑ์............................กลิ้งกลอก หลอกดัน บันดาลดล

    ความซื่อ ถือสัตย์ สุจริต................................คนคิด-พูด-ทำ กรรมกุศล
ย่อมมี ปัญญา พาแยบยล.................................หลุดพ้น ความโง่ โร่งมงายฯ

๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ด้านดี-ด้านร้ายในโลก : กลอนแปด



ด้านดี-ด้านร้ายในโลก : กลอนแปด

    ในโลกมี อาหาร อันรสอร่อย..................และอาหาร รสด้อย ร้อยโทษถา
กลิ่นหอมหวน พิสุทธิ์ จากบุษบา................และกลิ่นเหม็น มลภา วะพิษภัย

    ดนตรีใส ไพเราะ เสนาะโสต..................(และ)เสียงพิโรธ โหดเหี้ยม เทียมทานให้
มีสัมผัส สำเริง บันเทิงใจ...........................ลมเย็นไล้-ไฟร้อน ทอดถอนทรวง

    มีคนซูบ-รูปสวย รวยเสน่ห์......................แต่ส่วนใหญ่ ขี้เหร่ เบ้หน้าล่วง
มีความรัก มักหลง มงคล กลวง...................และความลวง หลอกล่อ ก่อโศกี

    มีความเอื้อ อาทร สะท้อนอก...................และสกปรก รกดาษ ดื่นบัดสี
คนส่วนน้อย เมตตา มอบปราณี....................แต่ส่วนใหญ่ ไล่ขยี้ เบียนบีฑา

    หลากกิจกรรม ทำให้ ได้เสพสุข................และที่ทุกข์ ขลุกข้อง ส้องปัญหา
มีความรู้ วิจิตร วิทยา..................................และความเท็จ เจตนา จะทำลาย

    โลกเกิดก่อ ข้อดี ที่ประจักษ์......................แลตระหนัก หลากห้ำ ทำฉิบหาย
จงมองดู ด้านดี มีมากมาย............................แลด้านร้าย ให้เห็น เป็นสัจจริง

    เกิดมามี ชีวิต คิดว่าง่าย............................แต่ความตาย ง่ายกว่า ถ้าสุงสิง
เรื่องสนุก สนาน บันเทิงอิง............................โรคเจ็บไข้ ไล่ติง วิ่งรอบตัว

    อย่ามองแต่ ด้านดี เกินมีอยู่........................อย่ามองดู ด้านโทษ จนหดหัว
สภาวะ โลกร้อน ซ้อนน่ากลัว..........................จงอย่ามัว ประมาท ธรรมชาติเอยฯ

๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

โลกกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

                                                       http://ngthai.com/post/0P3xesL/1



อินเดียเผชิญวันที่ร้อนที่สุดตลอดกาล51องศา!.... 

http://www.posttoday.com/world/news/433080


วิกฤติ เมืองคอนไม่มีน้ำ! ประกาศปิดวิทยาลัยอาชีวะ พบ นศ.ต้องกลั้นฉี่
http://www.thairath.co.th/content/622708

เด็กติดในรถตู้ ป้องกันได้



ผมขอแนะนำผู้ใหญ่ครับว่า ตอนปิดกระจกรถ จงปิดเหลือช่องว่างไว้สัก ครึ่งเซ็นติเมตร พอมีอากาศถ่ายเทได้ จอดรถกลางแดด รถก็ไม่ร้อนมาก ถ้ามีเด็กอยู่ ยิ่งต้องเหลือช่องว่างไว้มากขึ้น แม้จะเปิดแอร์อยู่ก็ให้มีช่องว่างเล็กๆได้ครับ

ละครฉากสุดท้าย : กาพย์ฉบัง๑๖(กลอนสิ่งแวดล้อม)

Courtesy Ed Hawkins. Graphic shared under a Creative Commons Attribution-ShareAlike license.


ละครฉากสุดท้าย : กาพย์ฉบัง๑๖(กลอนสิ่งแวดล้อม)

    หากโลกนี้คือละคร................สภาวะโลกร้อน
คือตอนเข้าสู่คับขัน

    ละครนับตอนนับวัน................คงชีพบีบคั้น
ปัจจุบันปรากฏบทเข็ญ

    (แต่)ผู้แสดงต่างแปลงต่างเป็น.................(บท)ตามใจไป่เว้น
ต่างเห็นตนเป็นศูนย์กลาง

    ป่าไม้เผาบากถากถาง..................ถนนหนทาง
สร้างให้รถใช้น้ำมัน

    การท่องเที่ยวขับเคี่ยวขัน.................กันอย่างเมามัน
เผาผลาญพลังงานมากมาย

    สินค้า(ใหม่)ผลิตมากระจาย...............เพื่อเพิ่มยอดขาย
ทรัพยากรใช้(แทบ)ไม่เหลือ

    บันเทิงเริงใจไม่เบื่อ.................ฟุ่มเฟือยเหลือเฟือ
ไม่เชื่อคำเตือนเภทภัย

    นักวิทยาศาสตร์แสดงไว้.................ก็มิใส่ใจ
ยังทำอะไรตามใจตน

    ละครซับซ้อนเหตุ-ผล.................เกินสันดานคน?
(จะ)เข้าใจกลไกสัจจา

    ฉากสุดท้ายใกล้เข้ามา..................โดยมิรู้ว่า
ใครจะอยู่รอดปลอดภัย?

๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สภาวะโลกร้อนนับวันจะวิกฤติ UNBELIEVABLE! Worldwide NASA Heat Map Video 1880-2015 - End Times Signs

ดับไฟ : กลอนเจ็ด



ดับไฟ : กลอนเจ็ด

    ฝนนำ ความเย็น เค้นจากฟ้า................พรมผืน พสุธา วนาสัณฑ์
ค่อยหล่น ค่อยริน ยินเสียงครัน.................เสมือนเสียง สวรรค์ วิมานแมน

    ความร้อน ผ่อนคลาย มลายสิ้น.............ธรณิน ชื่นฉ่ำ ล้ำเลอแสน
เปลวไฟ(ป่า) ปลายดับ ลับทั่วแดน............แว่นแคว้น แทนที่ เปรมปรีดา

    แต่ฤดี (ยัง)มีไฟ ลุกไหม้อยู่..................พรั่งพรู กิเลส แลตัณหา
ไฟแห่ง มลทิน จลจินดา..........................ริษยา อาฆาต อนาถครอง

    น้ำธรรม นำทา หทัยดับ........................ไฟสรรพ อัประมาณ ศานติสนอง
ชุ่มเย็น เป็นไป ดั่งใจปอง..........................เลิศล้ำ ทำนอง ทองนที

    จิตใส ใจเย็น เป็นสุคติ..........................สุขศานติ์ บานผลิ วิเศษศรี
ดื่มด่ำ อำไพ ไล้ฤดี..................................ชีวี สิสงบ ประสบงาม

    ดับ อ วิชชา มิจฉาทิฏฐิ..........................บาปกรรม ดำริ ตริเกรงขาม
ศีลธรรม สัมมา พยายาม............................ก้าวข้าม กรรมเวร เกณฑ์วัฏฏา

    จะได้ ไม่ต้อง มาข้องกับ.........................รองรับ สารพัน เภทปัญหา
ร้อนเร่า เศร้าโศก เพราะโชคชะตา................ย้อนมา ย่ำยี ชีวาลัย

    จะได้ อยู่เย็น อย่างเป็นสุข.......................สิ้นทุกข์ ทรมาน สันทานไส(สันทาน=ความผูกพัน)
มิต้อง เกิด-แก่ แลดับไฟ.............................เจ็บไข้ ตายขาด สมมาดเอยฯ

๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙

วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ธรรมะเช้าวันใหม่ : กลอนหก



ธรรมะเช้าวันใหม่ : กลอนหก

    มีร่มไม้ ให้เย็นสถิต.....................มีชีวิต ให้พิษฐาน
ถึงสัจจา ธรรมาจาร.........................ผดุงศาน ติวิธี

    รุ่งอรุณ ให้อุ่นแอบ......................หทัยแนบ แทบแสงศรี
รุจิรา พระสุรีย์.................................สร้างสติ มีคืนมา

    ชื่นชีวัน เช้าวารใหม่.....................หลังจากได้ นอนอิ่มหนา
ค่ำคืนนวล ควรนิทรา........................เพื่อรักษา พลานามัย

    เงินมากมาย เป็นปลายเหตุ.............หากปฏิเสธ ฟุ่มเฟือยใช้
คนมัธยัสถ์ ขัดสนใด?........................หนี้สินไซร้ ไม่จำนง

    (เมื่อ)แสงปัญญา ส่องดำริ...............มานสติ มิใหลหลง
คำมุสา พางวยงง.............................อย่าตกลง รีบปลงไป

    ความโฉดฉล ของคนถ่อย...............จะเฝ้าคอย คืนนิสัย
คนอ้างอิง ความจริงใจ.......................ควรคอยให้ คลายมารยา

    แดดยามสาย ได้แยงสาด................ความร้อนอาจ ไม่(น่า)ปรารถนา
(แต่)มีคุณค้ำ ทำลายพยาธิ์..................มีคุณค่า ให้พลังงาน

    อาชีวะ ภารกิจ...............................ใครเข้าจิต ถึงแก่นสาร
ย่อมชื่นใจ ไร้รำคาญ...........................ย่อมสำราญ ทำงานเอยฯ

๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙