ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ขอให้ไปเกิดเป็นคน : กาพย์ฉบัง๑๖



ขอให้ไปเกิดเป็นคน : กาพย์ฉบัง๑๖

    ขอให้ไปเกิดเป็นคน..................ยาย-หลาน บานบน
แด่แมวของตนที่(เพิ่ง)อาสัญ

    เจ้าจะได้มีชีวัน...............ไร้ทุกข์-สุขหรรษ์
อายุมั่นยืนยาวสม

    ได้ยินคำขอ บริกรม................มนาปรารมภ์(บริกรม=ผ่านไป)
คือค่านิยมคนมากหลาย

    (อันที่จริง)เป็นคนใช่ว่าจะสบาย.................อุปสรรคมากมาย
ส่ำสิ่งเลวร้ายมากมี

    ต้องทำตามธรรมเนียมวิถี.................กฎ-ระเบียบ-ประเพณีฯลฯ
เพื่อที่จะอยู่ร่วมกัน

    ล้นเรื่องเคร่งครัด-กดดัน.................เข้มงวด-กวดขัน
บันดาลโรคจิตพิษเห็น

    วรรณกรรมหลามหลาย(ผู้แต่ง)หมายเป็น..................เฉกสัตว์ชัดเซ่น
(เพราะ)ลำเค็ญใจใน(ความเป็น)มนุษย์

    เกิด-แก่-เจ็บ-ตายฯลฯใคร่หยุด..................ดั่งศาสนาพุทธ
พิสูจน์ทัศนะกล้าหาญ

    มรรคาพาสู่นิพพาน.................เลิศล้ำโอฬาร
ไม่ต้องการ ภพ-ชาติ ใหม่เหิน

    อริยสัจสี่ชี้เชิญ..................กี่คนยลเพลิน?
กี่คนสรรเสริญเดินตาม?

๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙

วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ประเชิญปัญหา : โคลงสี่สุภาพ



ประเชิญปัญหา : โคลงสี่สุภาพ

. ฝนตกหนักทำให้.....................(การ)เดินทาง
เกิดอุปสรรคกีดขวาง.................ขัดข้อง
จำใจปลงปล่อยวาง...................ปกติ
มิอึดอัดตรึกต้อง.......................สอดคล้องสัจจาฯ

. ธรรมดาของโลกหล้า................ปริทัศน์
ย่อมประกอบสิ่งจำกัด.................(ตั้ง)แต่ต้น
ชีวีพืชแลสัตว์...........................อุตส่าห์
มานะวิถีค้น..............................ให้รอดปลอดภัยฯ

. ไม่เพียงแค่ให้(อยู่)รอด..............ปรารถนา
คนยังแส่สรรหา.........................เหลือล้น
อาศัยสติปัญญา........................ปรากฏ
ปลดสิ่งจำกัดพ้น........................สร้างสรรค์นันทนาฯ

. หากแต่สัจคู่หล้า........................ยังคง
สิ่งจำกัดดำรง............................ไป่เร้น
ปัญหาสารพัดยง........................ยืนหยัด
ติดขัดมิอาจเฟ้น.........................เลือกได้ตามใจฯ

. ชีวีหนีไม่พ้น..............................ปัญหา
อุปสรรคเนานานา........................แน่แท้
คนยังเกิด-แก่-พยาธิ์....................ตายดับ
สิ่งสรรพสูญ=ลัภย์แล้...................ในท้ายที่สุดฯ(ลัภย์=พึงได้)

. หยุดรำพันพร่ำเพ้อ.......................พจนา
จำนนต่อสัจจา.............................ใช่(ว่าจะ)ร้าย
ทำเท่าที่อุตสา-............................หะเถิด
ผลเพริศ/หมดทาง..คล้าย..............ก็ต้องปล่อยวางฯ

. ลางทีการรู้จัก.............................นิ่งเฉย
ต่อปัญหาละเลย...........................ไปบ้าง
ปลดทุกข์เป็นสุขเผย......................สันติ
อีกหนึ่งวิธีอ้าง...............................เยื้องย่างชีวีฯ

. ไม่มีอะไรเลวร้าย..........................เกินกมล
จักอุตส่าห์อดทน...........................อดกลั้น
เงื่อนไขคือใจคน...........................ยอมปรับ
ยอมรับทัศนะดั้น............................ด้นสู่วิถีฯ

๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๙

วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2559

บังคับใจบังคับใคร : กลอนแปด



บังคับใจบังคับใคร : กลอนแปด


    ฝนตกทำ น้ำท่วม น่วมกรุงเทพฯ.....................(แต่)น้ำ(ใน)เขื่อนไม่ มีเก็บ เจ็บใจแสน
ตกผิดที่ ผิดทาง ถึงต่างแดน..............................น้ำท่วมเมือง เนื่องแน่น หลายแคว้นเป็น

    ฝนต้องตก ตรงไหน ใครอาจสั่ง?.....................อย่าคิดหวัง บังคับ อับจนเห็น
เอาแค่ใจ ของคน (ยัง)ยลลำเค็ญ.........................เหลือวิสัย ไม่เว้น เช่นใจตัว

    คนจะชอบ จะชัง(อะไร) ยากบังคับ...................จะพบกับ การ(ต่อ)ต้าน พานปวดหัว
บังคับใคร ให้ปรีดิ์ ความดี-ชั่ว...............................อย่าเมามัว หัวคิด ผิดสัจจา

    แรงจูงใจ ให้ทำ(กรรม) คือความคิด(ของคนทำ).....พื้นฐานจิต นิสัย นำใฝ่หา
คนคิดได้ ใคร่ดี มีปัญญา.....................................จึงตั้งหน้า ตั้งตา ประพฤติดี

    ปลูกฝังเหล่า เยาวชน กุศลชอบ.......................ทำให้เห็น เป็นระบอบ(ตัวอย่าง) กรอบวิถี
ไม่ต้องคอย บังคับ ไม่อัปรีย์.................................วางเงื่อนไข ชั่ว-ดี มีผลคืน

    ผู้ที่เห็น คุณงาม ความดีล้ำ..............................ย่อมอยากทำ ความดี มิต้องฝืน
ต่อให้ใคร บังคับ ไม่กลับคืน.................................ไปเป็นคน ฉลชื่น รื่นอุรา

    แต่ที่เห็น ทำชั่ว กันทั่วโลก..............................เพราะเชื่อโชค-อำนาจ-วาสนา
กฏแห่งเวร เกณฑ์กรรม ไม่นำพา...........................จึงแก่กล้า ประพฤติ ยึดธรรมพาล

    อยากจะเปลี่ยน แปลงคน ยลสดับ.....................การบังคับ อุรา น่าสงสาร
แสนลำบาก ยากเข็ญ มิเป็นการ.............................ทรมาน ทุกฝ่าย เบื่อหน่ายเอยฯ

๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๙

วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2559

มีชีวิตต้องคิดให้รอบคอบ : กลอนเจ็ด



มีชีวิตต้องคิดให้รอบคอบ : กลอนเจ็ด

    ฝนพรำ นำพา พนาสงบ..................มิสบ เสียงส้อง ของปักษา
ละอองฝน ชลชื้น รื้นอุรา.....................ลูบไล้ ใบหน้า สุขสบาย

    เข้านอน หัวค่ำ นำเช้าตื่น.................สดชื่น อิ่มอยู่ มิรู้หาย
ก่อนลุก จากเตียง เพียงปลุกกาย...........(ด้วยการ)ยืดเส้น ยืดสาย คลายอ่อนแรง

    การมี ชีวิต อย่าคิดหยาบ..................สุขภาพ(กาย,ใจ) ได้มา ด้วยแสวง
อนามัย ไม่รักษ์ จักสำแดง....................โรคภัย ร้ายแผลง เสียดแทงรุม

    ธรรมชาติ หาได้ ให้ทุกอย่าง.............เส้นทาง เป็น-อยู่ ต้องสุขุม
วิกฤติ-โอกาส เกลื่อนกลาดชุม...............(ต้อง)ควบคุม ความคิด คัดกิจกรรม

    รู้จัก รักดี มิรักชั่ว.............................ครองตัว (เป็น)คนดี มิใฝ่ต่ำ
เดินตาม วิถี แห่งศีลธรรม......................(เป็นเกราะ)ป้องกัน ระกำ มา กล้ำเกิน

    เพียรปู พื้นฐาน (ด้วย)การศึกษา.........เล่าเรียน อุตส่าห์ อย่า(ทำ)ผิวเผิน
(เพิ่ม)ทักษะ สามารถ เก่งกาจเพลิน.........ยศ-ศักดิ์-เงิน-ทองฯลฯ นองไหลมา

    มีงาน มีการ มั่นคงก่อน......................อย่าร้อน รีบลอง คู่ครองล่า
ทำความ เข้าใจ ในสัจจา........................ชีวา ; ค่อยชอบ สร้างครอบครัว

    คนทำ ตามจิต คิดมักง่าย....................สุดท้าย ร้ายสนอง ต้องปวดหัว
(มี)ศีลธรรม นำใจ ไม่ต้องกลัว.................ละเว้น ความชั่ว (จะมี)สุขทั่วเอยฯ

๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๙

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2559

สำนึกผิด : กาพย์ยานี๑๑



สำนึกผิด : กาพย์ยานี๑๑

    เคยเบียด เบียนคนอื่น................เขาขมขื่น สะอื้นไห้
ส่วนเรา มิเข้าใจ............................กระทั่งได้ ธรรมบำเพ็ญ

    รู้สึก สำนึกผิด...........................แจ้งดวงจิต ประจักษ์เห็น
เหตุการณ์ เคยพาลเป็น...................ก่อกรรมเวร เจนจดจำ

    (ผู้)ไม่ตรึก สำนึกผิด...................เพราะยังติด นิสัยต่ำ
ยังยึด มรรคมืดดำ...........................ครรลองค้ำ เจตจำนง

    ชอบชิด อวิชชา..........................เหล่านรา ย่อมใหลหลง
มิถือ หลักซื่อตรง............................ประสงค์แส่ แต่คดจินต์

    จนกว่า จะรู้แจ้ง...........................สัตสำแดง คลางแคลงสิ้น(สัต=ดี,งาม)
จวบจน เจอมลทิน...........................ถวิลล้าง ตั้งฤทัย

    จึงจะ ตระหนักจิต.........................เริ่มต้นคิด เป็นคนใหม่
จึงจะ พยายามใจ.............................เพียรแก้ไข กลายเป็น(คน)ดี

    ความคิด "ถูก-ผิด"ข้อง.................คือครรลอง สอดส่องศรี
ตราบใด มิใยดี.................................อย่าหมายมี วิจิตรกระมล

    เมื่อจิต (รู้จัก)คิดใคร่เป็น.................ธรรมบำเพ็ญ จึงเห็นผล
พากเพียร เปลี่ยนแปลงตน..................พ้นหยาบช้า สถาพรฯ

๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๙

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2559

แมวพ่อแม่ให้แง่คิด : กลอนหก



แมวพ่อแม่ให้แง่คิด : กลอนหก

    ไม่ใช่แค่ แม่แมวที่........................พร้อมยินดี สละอาหาร
ให้กับลูก(แมว) ที่ต้องการ..................อิ่มสำราญ หรรษ์ชีวี

    แม้แต่พ่อ ก็พร้อมสละ....................เฉกภาระ พันธะวิถี
ธรรมชาติ ประสาทมี..........................คู่ฤดี สัตว์ทั่วไป(ประสาท=ให้)

    คนพัฒนา เหนือกว่าสัตว์?...............มโนทัศน์ ช่างยิ่งใหญ่
เปี่ยมปัญญา ฉลาดไกร.......................กว่าสัตว์ไซร้ ใคร่กล่าวกัน

    (มีความ)รับผิดชอบ ต่อครอบครัว......(หรือ)เห็นแก่ตัว หัวคิดขัน?
รู้หน้าที่ จริยธรรม์...............................(หรือ)วิจารณญาณ นั้นไม่มี?

    (มี)เพศสัมพันธ์ เพื่อบันเทิง..............หลงระเริง กามบัดสี
ไม่เว้นว่าง สร้างราคี...........................ราคะมี มิประมาณ

    เป็นที่มา ปัญหาเหตุ........................โลกาเพศ แพร่สงสาร(โลกาเพศ=โลก+อาเพศ)
คู่นรา มาช้านาน................................(อาจจะ)ตลอดกาล นิรันดร?

    ได้(กัน)แล้วทอด คลอด(ลูก)แล้วทิ้ง....คือความจริง สิ่งสะท้อน
บางคนขาย(ลูก) ไม่อาวรณ์..................(บางคน)ใช้ลูกคอน เช่นคนงานฯลฯ

    ยังอีกมาก อยากมีลูก........................(ยัดเยียด)ภาระผูก (ต้อง)สร้างหลักฐาน(ให้พ่อแม่)
อีกหลากผอง ความต้องการ..................(ตาม)สัญชาตญาณ (หรือ)สันดานคน?

๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๙

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559

คุณค่าของชีวิตคน : กลอนคติสอนใจ



คุณค่าของชีวิตคน : กลอนคติสอนใจ

    เคยคุ้นใคร ในคุณค่า..................จาก(การวัด)หน้าตา-ฐานะ-วงศ์สกุล
ผู้ใหญ่คอย สนับสนุน......................ให้หมกมุ่น แข็งขัน การศึกษา
เพื่อมี ตำแหน่ง-หน้าที่.....................บารมี อำนาจ พัฒนา
เป็นคน มีหน้า มีตา..........................เปี่ยมวาสนา อวดอ้าง สังคม

    แต่วิถี แห่งศีลธรรม......................ให้ความ สำคัญ อย่างผันแผก
กาย-จิต พิศต่างแตก........................รูป-นาม จำแนก แจกประสงค์
ตัวตน-คนอื่นใด...............................อัตตา-สาธารณ์ใคร่ ครวญพะวง
คุณค่า-ประโยชน์คง.........................คู่ความรู้-ความหลง เจาะจงจินต์

    มองให้กว้าง อย่างตั้งจิต................วิถี ชีวิต คิดเลือกได้
เพื่อตน-คนอื่นใด..............................หาได้ ขัดแย้ง แสลงสิ้น
ตรองตรึก ย้อนลึกซึ้ง.........................คำนึง ถึงฟ้า เกินกว่าดิน
ชีวิต หลังชีวิน..................................ระบิล-ระบบ ภพ-วัฏฏา

    ประโยชน์ อันสูงสุด.......................คือหยุด สร้างบาป สาบ อกุศล
ไม่คิด เห็นแก่ตน...............................เสียจน เสียจริต เป็นมิจฉา
วิเคราะห์ สิ่งที่เป็นคุณ.........................สมดุล โลกสัจ-อัตตา
สังเคราะห์ สติปัญญา..........................เพื่อความ สูงกว่า ปัญญาคน(ทั่วไป)

    ทำชีวี ให้มีค่า...............................สมกับที่ เกิดมา เป็นมนุษย์
ทำจิตใจ ให้บริสุทธิ์.............................ประดุจ ประดา นิศาฝน(นิศา=กลางคืน)
ไม่ก่อกรรม กระทำเข็ญ.........................บุญบำเพ็ญ เป็นมงคล
เพิ่มคุณค่า ให้กับคน.............................ให้ตน พ้นมลทิน ปฏิญญาฯ

๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๙

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2559

อยากสมหวัง : กลอนคติสอนใจ



อยากสมหวัง : กลอนคติสอนใจ

    อยากพบเจอ แต่สิ่งดีๆ.....................อยากจะมี แต่ความสุขสม
อยากจะเป็น เช่นมนาปรารมภ์................อยากอุดม รมย์รื่นฤทัย

    เป็นธรรมดา ประสามนุษย์.................ไม่รู้หยุด เร่าร้อนอ่อนไหว
ตามกิเลส ตัณหาพาไป.........................ตามหัวใจ เรียกร้องต้องการ

    หากใส่ใจ ในเหตุและผล....................รู้เงื่อนกล โลกา สถาน
เข้าใจกฎ แห่งกรรมทำการ.....................และเชียวชาญ สันดานของตน

    ไม่ขัดขืน ฝืนสัจพัทธา........................อุตสาหะ ทะนุกุศล(พัทธ-=ผูกติด,เนื่อง)
ทำความดี เต็มที่-อดทน.........................ทำกระมล พ้นบาปสรรพา

    พยายาม ควบคุมความคิด....................มิใฝ่คุด ทุจริตมิจฉา
สอดคล้องศีล ถวิลธรรม์จรรยา..................มีสัมมา ปฏิบัติสัตย์ตรง

    สุภาษิต ศึกษาประเสริฐ.......................ปัญญาเปิด ปรีชาอานิสงส์
ครองวิถี ชีวันมั่นคง.................................ไม่ลุ่มหลง ทางผิดทิศพาล

    มิประมาท อัชฌามนุษย์........................สำนึกดุจ สัตว์เดรัจฉาน
ระวังตน อย่าเผลอเลอมาน........................สัญชาตญาณ จักครองจองใจ

    สั่งสมบุญ สุนทรีย์วิจิตร.........................แล้วชีวิต จักเป็นเช่นใฝ่
หวังสวรรค์ วิมานอันใด..............................ย่อมจะได้ ดังจิตคิดปองฯ

๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๙

วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เส้นทางแห่งความถูกต้อง : กลอนหก



เส้นทางแห่งความถูกต้อง : กลอนหก


    เส้นทาง แห่งความ ถูกต้อง.................ผุดผ่อง ถ่องแท้ แลไสว
ราบรื่น-กระจ่าง-กว้าง-ไกล......................เรียบ-ง่าย-สบาย ฤดี

    ธรรมชาติ สัจจา ปราโมทย์..................ช่วงโชติ กฎ-หลัก-สักขี
เชื้อเชิญ ดำเนิน ชีวี................................บนวิถี ทางธรรม สัมมา

    ยึดถือ ซื่อสัตย์ สุจริต..........................พิชิต สิ่งมาด ปรารถนา
สอดคล้อง คลองธรรม์ จรรยา....................มิใช่ ตัณหา อารมณ์

    ละลด คดโกง หลงเชื่อ........................สิ่งเหนือ ธรรมชาติ ปราศสม
ลดละ มายา ค่านิยม................................ปลอดปม งมงาย รายราน

    มั่นหมาย ในสิ่ง ที่ชอบ.........................มิลอบ ลัก-ผิด พิษฐาน(ชอบ=ถูกต้อง)
มิปรารถ (ถะ)นา สามานย์..........................อิดหนา อันธพาล จัญไร

    อุตส่าห์ หาเลี้ยง ชีวิต...........................ด้วยความ สุจริต จิตใส
สติ ปัญญา ประไพ...................................โดยไม่ ต้องมี เล่ห์กล

    อยู่ใน สถานที่ ถูกต้อง...........................อย่าข้อง คบหา คนฉล
ง่าย-งาม ทำดี วิมล...................................มิอับ สับสน จนจินต์

    สิประสบ ประเสริฐ เพริศสุข.....................ปราศทุกข์ ประสิทธิ์ นิจสิน
ปัจจุบัน สันติ ชีวิน.....................................ภาคหน้า อมรินทร์ วิญญาณ์ฯ

๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๙

วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2559

จิตใสใจสะอาด : กาพย์ฉบัง๑๖



จิตใสใจสะอาด : กาพย์ฉบัง๑๖


    วรรษกระหน่ำค่ำคืน....................เช้าจึงสดชื่น(วรรษ อ่าน วัด-สะ)
ครึกครื้นเพลงรักปักษี

    อากาศเย็นกายสบายดี..................เร่าร้อนห่อนมี
ปถพีชุ่มฉ่ำอำไพ

    เปรียบเสมือนความคิดจิตใจ..................สามารถสะอาดใส
หากไร้กิเลสตัณหา

    อกุศลมลทินจินดา..................ขับพ้นดล มนา
โสภา ถกล ท้นทวี(ถกล=งาม)

    หมั่นเพียรดูแลฤดี.................กำจัดบัดสี
มีความเชี่ยวชาญขันแข็ง

    จิตใสใจงามสำแดง...............จำรัสชัดแจ้ง
เปลี่ยนแปลงเป็นคนล้นปัญญา

    สามารถจัดการปัญหา................วิถีชีวา
ปรีชาประเสริฐเพริศพร

    อยู่เย็นเป็นสุขปราศทุกข์ร้อน................ไม่พรั่นหวั่นคลอน
ต่อกรวิกฤติติดพัน

    จิตใสให้ความอัศจรรย์................สว่างสร้างสรรค์
เสมือนของขวัญอันสูงส่ง

    ปรากฏงดงามดำรง................เสกสันติ์ยรรยง(ยรรยง=งามสง่า)
อลงกต จรดใจวิไลเอยฯ

๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๙

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ปัญหาชีวิต : กลอนเจ็ด



ปัญหาชีวิต : กลอนเจ็ด


    เสียงฝน หล่นริน แผ่นดินนุ่ม...................ชื่นชุ่ม ฤดี ไม่มีเหมือน
เสียงฟ้า กัมปนาท เกรี้ยวกราดเตือน...........อย่าเลือน ระวัง พลังพิรุณ

    ผ่านพ้น วิกฤติ พิษภัยแล้ง......................อย่ารีบ กำแหง สำแดงสุนทร์
เขื่อนต่าง ขัดสน น้ำต้นทุน........................(ปีนี้)ฝนน้อย คอยลุ้น ค่อยคุ้นเคย

    เมื่อมี ความสุข ความสบาย......................(คน)ก็คลาย ความเคร่ง ความเพ่งเฉย
ความระมัด ระวัง ต่างเฉื่อยเชย...................ละเลย ความจริง ทิ้งวินัย

    ทำตาม ดวงจิต ความคิดอยาก..................หย่อนยาน จนยาก จักคุมไหว
บ่ฟัง คำเตือน ของใครๆ............................ตัณหา เป็นใหญ่ ให้ปรีดี

    จริยธรรม์ จรรยา สารพัด..........................ขัดจิต ขัดใจ ไร้สุขี
ผู้คน ส่วนใหญ่ จึงไม่มี..............................จริยธรรม ความดี นำชีวา

    จึงเป็น ที่มา ของสาเหตุ...........................อาเพศ อาภัพ สรรพปัญหา
คือตน คนทำ นำภัยมา...............................โทษถา สาสม ถมทับตน

    ควบคุม ความคิด จิตแส่อยาก.....................ละโมบ โลภมาก อกุศล
ละลด คดคิด จิตวิกล..................................อดทน อดกลั้น สัญชาตญาณ

    ถือศีล ทินธรรม นำดวงจิต..........................ความดี คือนิมิต พิษฐาน
ซื่อตรง ทรงสัตย์ ดัดสันดาน.........................รอนราน ปัญหา ละหายเอยฯ

๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๙

วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2559

การประกอบอาชีพ : กาพย์ยานี๑๑



การประกอบอาชีพ : กาพย์ยานี๑๑

    สัมมา อาชีวะ......................อยู่ในอริยะ สัจสี่
มรรคา พาชีวี...........................เปี่ยมสุขี เป็นนิรันดร์

    อาชีพ สุจริต........................คือนิมิต คิดหมายมั่น
กฎหมาย และศีลธรรม์................ขีดเส้นกั้น การหากิน

    งานดี มีมายมาก....................มิลำบาก หากถวิล
เงินดี อยู่ที่จินต์..........................มิสุดสิ้น สู้ดิ้นรน

    (การ)ศึกษา-ความสามารถ........คืออำนาจ ประสาทธ์ผล(ประสาทธ์=ทำให้สำเร็จ)
ความเพียร และอดทน..................ช่วยคนหลาย ได้สมปอง
   
    คนดี มีคุณธรรม.......................กุศลกรรม สิตามสนอง
รวยทรัพย์ รับเงินทอง...................ข้าวของใช้ ไม่ลำเค็ญ

    ทุรชน คนเกียจคร้าน.................อันธพาล สันดานเหม็น
มักง่าย ไม่บำเพ็ญ........................กุศล;เจน จัดอาชญา

    ชอบทำ กรรมทุจริต...................เพาะความคิด พาลมิจฉา
อยากรวย อย่างทันตา....................ยึดอาชีพ รีบทำเงิน

    สุดท้าย ทำลายตน....................ต้องรับผล ฉลชั่วเผิน
เลือกผิด ทิศทางเดิน......................จึงเผชิญ ยับเยินชีวีฯ

๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๙

วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ผักชีโรยหน้า : โคลงสี่สุภาพ



ผักชีโรยหน้า : โคลงสี่สุภาพ

. จดจ่อรอแต่ฟ้า....................แจกฝน
คอยส่องดู นภดล...................เมฆเฝ้า
เห็นแต่แสงสุริยน...................ระอุ
หวังจะบรรลุเร้า......................ข้าวหว่านเจริญงามฯ

. ปราศจากความรับรู้...............ระบบ
วงจรผลกระทบ......................โลกร้อน
ทำลายป่าจนพิภพ..................(แทบ)สูญสาบ
ธรรมชาติส่งผลย้อน................ยังน้ำทันตาฯ

. (ผล)การศึกษาอยากได้..........เกรดดี
แต่ความเพียรไม่มี...................แม้น้อย
เปิดหนังสืออ่านที....................แทบหลับ
อับจนเยื่อใยร้อย......................ใคร่รู้ใคร่เรียนฯ

. ไม่อุตสาหะสร้าง....................งานทำ
พึ่งผักชีประจำ.........................โรยหน้า
บ่นเหลือเบื่อระกำ.....................งานหนัก
(ขอ)ผลตอบแทนเพิ่มถ้า............อยากให้(ทำงาน)แข็งขันฯ

. เล่นการพนันตื่นเต้น.................ปรีดี
ปานชีพจรชีวี...........................ชาติเชื้อ
ทางลัดร่ำรวยมี.........................เงินใฝ่
สันหลังยาวใคร่เคื้อ....................ไม่ต้องตรำงานฯ

. ฝันถึงครอบครัวเพ้อ..................อุ่นอบ
แต่พฤติกรรมทรามสบ.................ชั่วช้า
ความรับผิดชอบขบ....................แคลนขาด
อนาถสัมพันธ์เหว่ว้า...................แตกร้าว-เปราะบางฯ

. เอาแต่ใจตั้งความ....................ปรารถนา
ศีลธรรมมินำพา.........................ครอบเกล้า
ความดีมิวิริยา............................ประสิทธิ์
ขาดจิตวิญญาณเหย้า..................ยากแท้สมประสงค์ฯ

๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๙

วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559

แล้วเธอจะไม่เสียดาย-ไม่เสียใจ : กลอนฉันทลักษณ์อิสระ



แล้วเธอจะไม่เสียดาย-ไม่เสียใจ : กลอนฉันทลักษณ์อิสระ

    เมื่อเธอสำเร็จการศึกษา.................ด้วยระดับคะแนนที่น่าพอใจ
ความหวังของเธอย่อมแจ่มใส..............ได้เปรียบคนมากมายในการแข่งขัน(เรียนต่อ/หางานทำ)

    ได้รับโอกาสดีที่จะเลือก..................จะเป็น-จะมีตำแหน่งที่สำคัญ
อยู่ในสถานะที่หมายมั่น.......................เป็นที่ต้องการของใครต่อใคร

    เธอจะไม่รู้สึกเสียดาย......................เกิดสำนึกละอายก็หาไม่
ที่ไม่ออกนอกลู่นอกทางย่างกราย...........ไม่ทำความเสียหายให้ชีวิต

    รู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจ......................ที่ไม่หลงใหลในทางผิด
ทำตนเยี่ยงเยาวชนสิ้นคิด......................สร้างผลประสิทธิ์วิจิตรพิชยา

    เมื่อเธอมีงานทำ..............................อดทน-พยายามด้วยความอุตส่าห์
ทุ่มเทสติและปัญญา.............................พัฒนาทักษะมานะมี

    ทำตามบทบาทอย่างสัตย์ซื่อ..............ไม่ถือฉ้อฉลอกุศลวิถี
แข็งขันรับผิดชอบต่อหน้าที่.....................สร้างผลงานที่ดีสุดฝีมือ

    อนาคตของเธอจะมั่นคง.....................ไม่ต้องพะวงเพราะตรง-ซื่อ
ไหวพริบ-ปฏิภาณนั้นคือ........................เครื่องมือพลิกแพลงสถานการณ์

    เธอจะไม่รู้สึกเสียดาย.........................เมื่อไม่ใช้จ่ายด้วยใจอาจหาญ
เก็บออม-มัธยัสถ์บันดาล........................สร้างหลักสร้างฐานสุขหรรษา

    มิประสบกับความเสียใจ......................เจริญก้าวหน้าไกลในชีวา
เพราะไม่เบียดเบียนใครให้ทุกขา..............เวรกรรมไม่นำพาทุกข์ระทม

    เมื่อเจริญวัยกายแก่เฒ่า.......................กรรมเก่าชดใช้-(กรรม)ใหม่ไม่สะสม
จริยธรรมนำอภิรมย์................................ชื่นชมสันติวิถีครอง

    เธอจะไม่รู้สึกเสียดาย..........................ความตายมิทำให้เธอเศร้าหมอง
บุญกุศลตนทำตรอง...............................ภพหน้าจะต้องดีกว่าเดิมฯ

๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๙

วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2559

จริยธรรมนำชีวิต : กลอนแปด



จริยธรรมนำชีวิต : กลอนแปด

คติคำคม(ของผู้เขียน) :
            ผู้อาศัยจริยธรรมทำทางชีวี
            ย่อมมีความสุข รู้สึกสะอาด สบาย
            ประสบกับความปลอดภัย และไม่เดือดร้อน

    ทอดอารมณ์ ชม(ความ)งาม ธรรมชาติ...............บรรยากาศ สะพร่าง มิต่างฝัน
อยากจะอยู่ เยี่ยงนี้ ตราบนิรันดร์..........................ทั้งกลางคืน กลางวัน สันติ์สุขใจ

    เพียงแค่มา อาศัย อิงไพรสณฑ์........................นภดล ชลธิศ พิจิตรใส
เสมือนแม้น แดนฟ้า สุราลัย................................หฤทัย ให้สงบ สบสำราญ

    จริยธรรม นำทาง ย่างชีวิต...............................จะประสิทธิ์ ประสบ พบสุขศานติ์
สบายกาย สบายใจ ให้ชื่นบาน.............................ปลอดภัยพาน บั่นทอน ทุกข์ร้อนทวย

    จริยธรรม ล้ำเลิศ ประเสริฐศรี............................คือวิถี วินัย วิสัยสวย
มรรคาคุณ จุนค้ำ ชีพอำนวย.................................เครื่องมือช่วย ชีวิต พิชิตชัย

    ทำตาม จริยธรรม ย่อมงาม-ง่าย.........................ความยากเย็น เข็ญย้าย มลายไส
อุปสรรค ปัญหา จะปราศไป..................................ราบรื่น-คล่อง-ว่องไว ได้บวร

    จริยธรรม นำพา ภยปลอด.................................โรคาเภท เลศรอด ถูกทอดถอน(ภย-=ภัย)
สบายดี ชีวิน นั่ง-กิน-นอน.....................................มิเดือดร้อน รำคาญ บานเบิกทรวง

    ทำอะไร ให้มี จริยธรรม.....................................(แล้วจะ)มิต้องมา ระกำ เกิดความห่วง
(ว่า)ละเมิดผิด วิตถาร สามานย์ปวง.........................ไร้ใครจัก ทักท้วง ล่วงประจาน

    จริยธรรม์=ครรลอง ของศีลสัจ............................ผู้ใดที่ ปฏิบัติ เป็นมาตรฐาน
ชีวีจะ โชติช่วง ชัชวาล..........................................ตลอดไกล ตลอดกาล นิรันดรฯ

๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2559

บัวใต้ตม : กาพย์สุรางคนางค์๓๒



บัวใต้ตม : กาพย์สุรางคนางค์๓๒

    พุทธองค์ ทรงชี้.....................มีบัว สามเหล่า(ไม่ใช่ ๔ เหล่า)
หนึ่ง. (พวก)มืด มัวเมา...............มิเท่า ธรรมถึง
สอง. พวก เสมอน้ำ....................ธรรมสู่ รู้ซึ้ง
สาม. (พวก)พ้น น้ำพึง................เห็นแจ้ง แสงตะวัน

    ผู้คน ส่วนใหญ่.......................อยู่ใต้ กองกิเลส
ธรรมะ ปฏิเสธ............................เจตนา กามหรรษ์(กาม+หรรษ์)
แค่คน ส่วนน้อย..........................คล้อยศีล ถวิลธรรม์
เข้มงวด กวดขัน..........................ตัณหา ทระนง

    (ยัง)มีคน มากมาย...................เลวร้าย ใฝ่ต่ำ
(ยิ่ง)กว่าบัว ใต้น้ำ........................ก่อทราม ตามประสงค์
ทุจริต คิดคด...............................มิลด น้อยลง
ซ้ำเพิ่ม เสริมส่ง............................เจาะจง โกงกิน

    โกงชาติ บ้านเมือง....................จนเป็นเรื่อง ปกติ
บาปกรรม ดำริ..............................มิสุด มิสิ้น
ลักวิ่ง ชิงปล้น...............................ฆ่าคน ท้นแผ่นดิน
เบียดบัง ทรัพย์สิน.........................สาธารณ์ สนานเพลิน

    ขวางชาติ พัฒนา.......................(สร้าง)ปัญหา สะสม
เศรษฐกิจ ล่มจม............................สังคม ขัดเขิน
สิ่งแวดล้อม ฉิบหาย........................(โจร)ผู้ร้าย เหิมเกริม
อันธพาล ลานเพิ่ม..........................เสริมความ ลำเค็ญ

    ขอเปรียบ คนชั่ว(เหล่านี้)..............เป็น "บัว ใต้ตม"
อัปรีย์ นิยม.....................................อุดม ดื่นเห็น
(คอย)สร้างความ เดือดร้อน...............บั่นทอน ร่มเย็น
ทำโลก ให้เป็น................................เช่นนรก โลกันตร์ฯ

๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๙

วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ตามหารักแท้ : กลอนคติสอนใจ



ตามหารักแท้ : กลอนคติสอนใจ

คติคำคม(ของผู้เขียน) 
   คนเรรวนหลายใจ เสียเวลาทั้งชีวิตกับหลายๆคน เพื่อตามหารักแท้...แต่ไม่เคยพบ
   คนจิตใสใจซื่อ ใช้เวลาเท่ากัน กับคนเพียงคนเดียว...และเป็นรักแท้

    กินมูมมาม ตะกลาม ตะกละ.............ย่อมจะ ไม่รู้ รสอาหาร
รีบกิน รีบกลืน ไร้ชื่นบาน....................ซ้ำพาล ไม่ย่อย พลอยโยเย

     ผู้คน มากมาย ใช้ชีวิต...................เสพย์ติด กับการ หว่านเสน่ห์
คบคู่ สู่หา หรรษ์กาเม........................เตร็ดเตร่ เสสรวล จิตปรวนแปร

    เวลา หมดไป เหมือนไร้ค่า...............ทรัพยา หา(มา)ได้ ใช้จ่ายแส่
บันเทิง เริงรมย์ โสมมแด.....................(อ้างว่า)ตามหา รักแท้ แต่เลือนราง

    แค่คน รู้จัก แต่รักตัว(เอง)................เมาชั่ว มั่วชู้ อยู่ไม่ห่าง
ย่อมมอง ไม่เห็น ซึ่งหนทาง.................โสภา สว่าง กระจ่างจินต์

    ส่วนผู้ มีใจ ใส-มั่นคง.......................ยรรยง จงรักษ์ ภักดิ์ถวิล(ยรรยง=งามสง่า,กล้าหาญ)
เตรียมเวลา ตลอด ชั่วชีวิน....................ทั้งสิ้น มอบให้ หมายรักเดียว

    ย่อมจะ ประสบ พบรักแท้..................ขอแค่ คอยด้วย ใจเด็ดเดี่ยว
คนที่ มิใช่ ไม่แลเหลียว........................ไม่เกี่ยว ข้องเล่น เช่นลิ้มลอง

    ฤดี มีศีล ไม่หมิ่นสัตย์.......................ยืนหยัด วัฒนา หาบกพร่อง
สมบูรณ์ คุณธรรม งามครรลอง...............ปุญญา สิสนอง สุขผองคืน

    รักแท้ แลละม้าย คล้ายของขวัญ.........ส่งมา จากสวรรค์ รสหวานชื่น
สำหรับผู้ คู่ควร ชวนกลมกลืน.................ใครอื่น ขืนหา อย่าหวังเลยฯ

๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๙