ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เหตุปัจจัยไขชีวิต : กลอนเจ็ด



เหตุปัจจัยไขชีวิต : กลอนเจ็ด


    ฤดูหนาว คราวครา อากาศแห้ง.............ป่าแล้ง แปลงเปลี่ยน เวียนขัดสน
หนาวเย็น เยือกแผ่ กระแสชล...................ปลาจน ซึมเซื่อง มิเยื้องกาย

    นกยัง อพยพ ภพสถาน.......................บินผ่าน แผ่นดิน ท้องถิ่นย้าย
แข็งแรง ไม่พอ ก็ต้องตาย........................แพ้พ่าย ตามบท กฎโลกีย์

    ถึงคราว ชีวา ชะตาขัด.........................อัตคัด ปัจจัย ไคลสุขี
อย่าไป วิโยค โศกโศกี............................ดูแล ฤดี รี่อดทน

    ถือว่า ถึงคราว ให้เราฝึก......................หัดตรึก นึกตรอง ส้องกุศล
ทดสอบ กรอบธรรม์ กรรมามน...................ตั้งตน บนหลัก แห่งอัครา(อัคร-=เลิศ,ยอด)

    มีขึ้น มีลง (คือ)ข้อบ่งชี้........................ชีวี อนิจจัง ไร้กังขา
สรรพสิ่ง จริงแท้ แม้โลกา.........................(ล้วน)มายา ประจักษ์ เป็นหลักเกณฑ์

    อย่าได้ ยึดมั่น หรือถือมั่น......................สิ่งอัน วันหนึ่ง พึงพรากเห็น
ทุกๆ ชีวี บ่มีเว้น......................................หลีกเร้น เป็นได้ แค่ในฝัน

    รู้เหลือ เผื่อแผ่ แลเกื้อกูล......................จำรูญ ธรรมบท กฎแห่งกรรม์
คนเอา แต่ได้ ไม่แบ่งปัน...........................สักวัน ย่อมอด หมดปัจจัย

    กอบโกย โดยที่ มิคำนึง........................โลกจึง วิกฤติ พิษเภทให้
ธรรมชาติ ถูกผลาญ จนบรรลัย...................เพราะใจ ของมนุษย์ สุดโลภเอยฯ

๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙

วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ความดีมีคุณค่า : กาพย์ยานี๑๑



ความดีมีคุณค่า : กาพย์ยานี๑๑


    ความดี คืออาหาร................อภิบาล มานหทัย
เอิบอิ่ม ปริ่มเปรมใน.................ดวงใจเพริศ บรรเจิดศรี

    ศรัทธา คืออากร..................คุณาภร ความภักดี(ภร-อ่านพะระ แต่ที่นี้ให้อ่าน-พร=ค้ำจุน)
มั่นคง ประสงค์มี......................คุณความดี คู่ชีวิน

    ขันติ มีวินัย.........................ประจำใจ ไร้สุดสิ้น
ค้ำจุน สุนทรจินต์.....................ถวิลสร้าง อย่างโสภา

    ความรู้ คู่ความดี...................จึงไม่มี ที่กังขา
ชั่ว-ดี พิจารณา........................โดยถูกต้อง และถ่องธรรม

    ศึกษา (จาก)ประสบการณ์.......ช่วยชำนาญ ชาญอุปถัมภ์
อย่าให้ ใครครอบงำ...................ความคำนึง ซาบซึ้งใจ

    ขยัน หมั่นตรวจสอบ...............สิ่งผิด-ชอบ วินิจฉัย
เปรียบเทียบ ศีลธรรมไท.............ไม่เป็นทาส หลงลัทธิ

    คนดี มีปัญญา.......................รู้คุณค่า การครองสติ
บันเทิง เริงรื่นริ..........................ในโสตถิ ชีวิตา

    (รู้)กาละ-เทศะ-คน.................บันดาลดล พ้นปัญหา
ความดี มีคุณค่า.........................กว่าทุกสิ่ง ในโลกเอยฯ

๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๙

วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ชีวิต<=>ความคิด-จิตใจ : กลอนคติชีวิต



ชีวิต<=>ความคิด-จิตใจ : กลอนคติชีวิต


    ความรู้ ประดิษฐ์...................ความคิด วิจา รณญาณ
เชวง เบ่งบาน..........................รู้เท่า ทันการณ์ ชาญสมัย(เชวง=รุ่งเรือง)
กำจัด ขลาดเขลา.....................บรรเทา เบาเทวษ เภทภัย
ชีวิต ชิดไชย...........................แจ่มใส ฉลาด จัดเจน(ไชย=ดีกว่า,เจริญกว่า)

    ความคิด ทำให้....................จิตใจ จำเนียน เปลี่ยนแปลง
สำทับ ปรับแต่ง........................แรงกาย แรงใจ ให้เห็น
ชั่ว-ทราม กำหนด.....................โง่เขลา เศร้าสลด กฎเกณฑ์
ดี-งาม-บำเพ็ญ.........................อยู่เย็น เป็นสุข ทุกคืนวัน

    จิตใจ เป็นเหตุ......................เป็นกรอบ ขอบเขต เจตคติ*
กิจกรรม ดำริ............................วิกล-วิมล หนหัน
จิตเป็น กุศล............................จะดล กุศล ผลกรรม์
อกุศล กมลดัน.........................หยาบช้า สามานย์ จัญไร

    ความคิด จิตใจ.....................ทำให้ ชีวาตม์ พัฒนา
หรือเกิด ปัญหา........................(ขึ้นอยู่กับ)นรา ประหวัด อัชฌาศัย
สามัญ สำนึก...........................ตรองตรึก ลึกซึ้ง ตรึงใจ
ขับเคลื่อน เงื่อนไข...................กลไก วัฏจักร หลักการ

   ประสบมี ชีวิต........................บันดล คนคิด วินิจฉัย
มนา สาไถย.............................เชื่อใน ทุจริต พิษฐาน
หรือมี สัมมา.............................อุบัติ ศรัทธา อาจาร
แตกต่าง หลากลาน....................วิจิตร-วิตถาร มานเอยฯ

*เจตคติ=ท่าทีหรือความรู้สึกของบุคคลต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๙

วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ขอพรปีใหม่ : กาพย์ฉบัง๑๖



ขอพรปีใหม่ : กาพย์ฉบัง๑๖


    ข้าแต่พระรัตนตรัย.................เทพเจ้าเหล่าใด
สถิตในประเทศเขตสยาม

    เทพธิดาเทวาสง่างาม................ประเทืองเรืองนาม
พร้อมความวิสุทธิ์วิเศษศรี

    ในวาระสิ้นสุดดุษฎี................บรรจบครบมี
ดิถีปีใหม่ได้สนอง

    ขอโปรดประชุมคุ้มครอง...............บ้านเมืองเนืองนอง
ประชาแซ่ซ้องปรีดี

    รักใคร่ตระหนักสามัคคี.................สติปัญญามี
เลื่อมใสวิถีศีลธรรม

    อกุศลพ้นรอบครอบงำ...............ใคร่ค้อมน้อมนำ
มโนธรรมกำหนดบทชีวี

    ศรัทธากุศลกรรมความดี................เห็นชอบประกอบมี
สุจริตฤดีนิรมล

    เพียรเพื่อบรรลุสาธุชน................มุ่งหวังตั้งตน
อยู่บนพฤฒิอดิศัย

    ปัญหาสารพันอันใด.................ก่อเทวษเภทภัย
จงสลายหายสิ้นแผ่นดินนี้

    สุขสวัสดิ์พิพัฒน์ปัถพี.................ล้นหลากมากมี
สมบูรณ์สุนทรีย์ทวีเทอญฯ

๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๙

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559

กิจกรรมส่งท้ายปีเก่า : กลอนคติเตือนใจ

พยากรณ์โอกาสเกิดฝนฟ้าคะนอง วันที่ 31 ธันวาคม 2559 เวลา 22:00 น.


กิจกรรมส่งท้ายปีเก่า : กลอนคติเตือนใจ


    ไม่รู้คือ ข่าวดี หรือข่าวร้าย.................ปีเก่าคง ส่งท้าย พร้อมสายฝน
พยากรณ์ ล่วงหน้า เพจสากล................ทำให้คน รู้เท่า สถานการณ์

    ดอกไม้ไฟ ไม่มี สีสันแน่....................ไว้ทุกข์แด่ พ่อหลวง ผู้ล่วงผ่าน
ขอพระองค์ ทรงสถิต ทิพยพิมาน............เหล่าข้าราช บริพาร ต่างอัญเชิญ

    งานสวดมนต์ ข้ามปี ยังมีอยู่................อ้างเชิดชู พุทธศาสน์ ชาติสรรเสริญ
ลวงหลงเชื่อ เวทมนต์ จนเหลือเกิน.........พลานุภาพ ขับเขิน พ้นเภทภัย

    บทพิสูจน์ คาถา อาคม=คด.................สวดมนต์ลด เวรกรรม ทำไม่ได้
สวดให้คน สำคัญ กันเท่าไร?..................อายุขัย ไร้สิ้น ชีวินรอน

    คิดกิจกรรม ส่งท้าย ให้ปีเก่า................สำคัญเอา สุขภาพ เป็นหลักก่อน
ที่ปรากฏ อดตาหลับ ขับตานอน...............เสียสมดุล เดือดร้อน กร่อนกายี

    เลี้ยงฉลอง กันได้ (แต่)อย่าใคร่ดึก........ควรรำลึก ตรึกตรอง ครรลองศรี
เว้นสุรา ยาเมา จึงเข้าที..........................ไร้มิจฉา ราคี ที่พึงทำ

    ง่วงไม่ขับ กับเทศกาล การท่องเที่ยว......เส้นทางรถ คดเคี้ยว ศึกษาส่ำ
อุบัติเหตุ เภทภัย ร้ายระกำ.......................เผลอเป็นพราก จากความ ชีพธำรง

    อำลาปี เก่าทำ แต่กรรมดี.....................จึงจะมี ศรีสุข สิ้นทุกข์ส่ง
ด้วยความดี มีปัญญา ชีวาคง.....................เปี่ยมสุขสันติ์ มั่นคง ยืนยงเอยฯ

๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๙

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2559

อกุศลแห่งชนชั้น : กลอนคติชีวิต



อกุศลแห่งชนชั้น : กลอนคติชีวิต


    แต่ไหนแต่ไร ได้พาน ปุราณเล่า..................ผู้ใหญ่เฝ้า เพียรพร่ำ คำสั่งสอน
เราคือคน พ้นสัตว์ พัฒนาพร...........................เป็นศรัทธา อาทร ซุกซ่อนทรวง

    จึงจดจำ ความเชื่อ คนเหนือสัตว์..................ชีวทัศน์ เปลี่ยนไป คราได้ล่วง
เรียนวิชา วิทยาศาสตร์ ; สัตว์ทั้งปวง.................(ร่วม)ต้นกำเนิด เกิดพ่วง มิแผกพาน

    ฟ้าสูงแผ่น ดินต่ำ ความนึกคิด......................แบ่งชนชั้น ชีวิต ช่างพิษฐาน
ตั้งแต่เก่า แต่แก่ แต่โบราณ.............................สรรค์คุณค่า สามานย์ ปัจจุบันมี

    พวกหลงตัว หลงตน คนขาดสติ....................ชอบดำริ ยกตนเลิศ ประเสริฐศรี
มองทรัพย์-ยศ-สรรเสริญฯลฯ เกินพอดี...............มาใช้ชี้ เธอ-ฉัน ต่างชั้นไกล

    ฉันนั้นสวย กว่าเธอ ทำเย่อหยิ่งฯลฯ...............ความคิดคน ล้นสิ่ง อิงสาไถย
คิดแล้วรู้ สึกว่า สบายใจ..................................ที่ทำให้ ไพล่สร้าง แตกต่างมี

    แบ่งเชื้อชาติ-ชนชั้น-วรรณะข้อง....................แบ่งกระทั่ง เพื่อนพ้อง ถึงน้องพี่
ยกตนสูง ส่งค่า ฐานะดี...................................ทั้งๆที่ มีอะไร ไม่ต่างคน

    ก็แค่ความ เหลงไหล ในทัศนะ......................ไม่บันยะ บันยัง สร้างอกุศล
ก็เพราะมี มายา ปิดตาตน.................................(ทำให้)มองเห็นคน เหนือคน ฉลฉ้อชิน

    ลดกิเลส ตัณหา=ความประเสริฐ.....................สุจริต จิตเพริศ บรรเจิดผิน
ไม่หลงตัว หลงตน หลงมลทิน...........................คือวิถี ชีวิน ภิญโญเอยฯ

๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๙

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ความหลงผิด : โคลงสี่สุภาพ



ความหลงผิด : โคลงสี่สุภาพ


๑. ธรรมดาหลังจากฟ้า........................แจกฝน
อุณหภูมิเร่ารน.................................ลดร้อน
ยิ่งตกในยามสน-..............................ธยาสาด
อากาศรัตติกาลย้อน.........................เกิดเยื้องเย็นหนาวฯ

๒. ถึงคราวปลายฝนต้น........................หนาวฤดู
พิรุณพลันพรั่งพรู.............................แพร่พร้อม
สายัณห์ยามฉ่ำชู.............................ชื่นชิด
เนรมิตหนาวเย็นย้อม........................หยาดเยิ้มนิสาชลฯ(นิศาชล=น้ำค้าง)

๓. ตื่นตนแต่รุ่งเช้า..............................ชีวิต
สดใสธรรมชาติชิด...........................เชิดชื้น
ลมหนาวนำอำมฤต..........................มาโปรด
รินรดโลการื้น.................................และร้า หฤทัยฯ(ร้า=ร่า,เริง)

. ความหลงใหลผิดแล้.......................ผลลัพธ์
ทำบาปแด่คนนับ.............................ไม่ถ้วน
ทำบุญพระ-วัดกลับ..........................คิดกลบ
เลือนลบบาปเก่าล้วน........................(โดยการ)กรวดน้ำหยาดเดียวฯ

. (ความ)จริงเป็นเพียงเศษเสี้ยว...........ความหลง(ผิด)
คนส่วนใหญ่ดำรง............................ชีพใช้
เอา(ความ)งมงายประสงค์.................เป็นหลัก
ปักจิตเชื่อเฉกไร้..............................หรือน้อยปัญญาฯ

๖. โทษคนอื่นขยายเพี้ยง.....................ภูเขา
โทษของตนเบือนเบา.......................เท่าฝ้าย
ยกตนข่ม-ติเขา...............................เตียนต่ำ
ตนทรามยังยลคล้าย........................น้ำค้างกลางเวหาฯ

. อวิชชาเฉกพื้นฐาน.........................ความคิด
โมหะมีอิทธิฤทธิ์.............................ครอบค้ำ
การขจัดจะเนรมิต............................วิเศษ
ทุกข์เทวษสลายล้ำ..........................ล่วงเข้าสุขารมณ์ฯ

๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๙

วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เคล็ด(ไม่)ลับของความสำเร็จ : กลอนคติชีวิต



เคล็ด(ไม่)ลับของความสำเร็จ : กลอนคติชีวิต


    คนใด ไม่เคย ทำผิด.....................แค่คิด ก็แปลก นักหนา
ผิดบ้าง เป็นเรื่อง ธรรมดา..................แต่ต้อง พัฒนา ปรับปรุง

    ป้องกัน การกระ ทำผิด.................ชั่วช้า อย่าชิด สิงสุง
คุณธรรม นำพา ผดุง........................จรุง จิตใจ ให้มั่นคง

    บางครั้ง พลั้งพลาด บาดจิต...........บ่คิด ว่า"ล้ม" ไหลหลง
เข้มแข็ง แรงใจ ไร้พะวง....................มุ่งตรง ต่อไป ไอยรา

    การทุ่ม เททำ ทุกสิ่ง.....................หวังมิ่ง มุ่งมาด ปรารถนา
หากแต่ ชีวิต อนิจจา.........................สำเร็จ เจตนา อาจคลาไคล

    ถึงจะ ต้องคว้า น้ำเหลว..................จะว่า "ล้มเหลว" หาควรไม่
ยึดติด คิดต่ำ ทำไม?.........................อย่างน้อย ยังได้ ประสบการณ์

    เก็บไว้ ใช้เป็น บทเรียน..................พากเพียร กรรมา กล้าหาญ
เกิดสติ ปรีชา อาจาร.........................พัฒนา มาตรฐาน ยรรยง(อาจาร=จรรยา,ยรรยง=งามสง่า)

    มิเขลา เมามาย ใฝ่ทราม.................มุ่งความ ศิษฏา อานิสงส์(ศิษฏ์=มีปัญญา)
สมบูรณ์ คุณธรรม จำนง.....................วรงค์ วิจิตร พิชยา(พิชย=ความชนะ)

    เป้าหมาย ปลายทาง สำเร็จ.............ไร้เคล็ด ลับให้ ไขว่หา
สำคัญ(ต้องมี) โศภิน จินดา................มนา มั่นคง อลงกรณ์ฯ

๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๙

วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2559

(บ้า)ที่สุดในโลก : กาพย์สุรางคนางค์๓๒



(บ้า)ที่สุดในโลก : กาพย์สุรางคนางค์๓๒


    มโนธรรม ชำรุด.......................(บ้า)ที่สุด ในโลก
สรุป อุปโลกน์.............................เสกโภค สมบัติ
พระใหญ่ อลังการ........................โบสถ์-วิหารฯลฯ ลานวัด
วิถี ปฏิบัติ..................................เป็นวัฒ นธรรม

    สร้างจน เต็มบ้าน......................(แต่)อันธพาล เต็มเมือง
คือความ รุ่งเรือง..........................ฟุ้งเฟื่อง เลิศล้ำ?
วัด-พระ หาเงิน............................พรตเจริญ เพลินกรรม
ฉลจิต คิดต่ำ...............................ถ่อยทราม นำทาง

    หลักไตร สิกขา........................หาได้ ดำริ
ศีล-ส มาธิ..................................ปัญญา ปล่อยร้าง
อัฎฐัง คิกมรรค(มรรค๘)................ผลักไส เลือนราง
ยังจะ มาอ้าง...............................สร้างสม นิพพาน

    ถือเงิน นำหน้า.........................บูชา วัตถุ
อัศจรรย์ บรรลุ.............................อุกฤษฏ์ พิษฐาน
(คือ)ความคิด อวิชชา...................ของบรรดา คนพาล
ผู้ซึ่ง เกียจคร้าน...........................ผลาญกิเลส เจตจินต์

    บุญคล้าย สิ่งของ......................เงินทอง ส้องซื้อ
ประพฤติ ยึดถือ............................คือโมหะ ถวิล
ผ้าเหลือง บังหน้า.........................ลาภ-สักการ์ฯลฯ หากิน
ผลให้ แผ่นดิน.............................แทบสิ้น ศีลธรรมฯ

๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๙

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2559

วิธีล้างบาป : กลอนหก



วิธีล้างบาป : กลอนหก


    ตัดต้นไม้ ไปหนึ่งต้น....................ถึงอดทน ปลูกต้นใหม่
ต่อให้เห็น เป็นสิบไร่........................ก็หาใช่ ต้นไม้เดิม

    ต้นไม้ใหม่ ใช้เวลา.......................ยาวนานกว่า จะโตเพิ่ม
ตัดมากมาย ไม่ปลูกเสริม..................เหมือนซ้ำเติม เพิ่มปัญหา

    การทำบาป ก็เช่นกัน....................ย่อมผูกพัน วันเวลา
ทำไปแล้ว ไม่แคล้วว่า......................เวรกรรมกล้า ตามสนอง

    ถึงทำบุญ สุนทานบ้าง..................ไม่อาจล้าง-ลบ-กลบ-รอง
บาป-บุญแยก แตกต่างต้อง...............รับผลพ้อง ส้องสืบสาน

    ทำบาปแล้ว ไม่ทำบุญ...................ยิ่งสถุล หนุนเนื่องนาน
ประจญทุก ขะทรมาน.......................นานเนาเศร้า เท่าชีวี

    บาปไม่ทำ เวรกรรมล้าง.................เป็นแนวทาง วิเศษศรี
ไม่ต้องผ่าน มารพิธี..........................ลวงฤดี สุขีดล

    ทำความดี มีความสุข....................ปราศจากทุกข์ สนุกท้น
บาป-บุญ แปลง แบ่งแยกคน..............ไปประจญ ผลต่างกัน

    (เมื่อ)ไม่ทำตัว มั่ว(สิ่ง)สกปรก.........ไม่ต้องตระหนก หัวอกสั่น
สะอาดวิถี ครองชีวัน.........................ย่อมสร้างสรรค์ ความมั่นใจฯ

๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๙

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ว่าด้วยความฝัน : กลอนฉันทลักษณ์อิสระ



ว่าด้วยความฝัน : กลอนฉันทลักษณ์อิสระ


    ลืมไปเลย ว่าเป็น หน้าหนาว.................รู้สึกตัว เหมือนตื่นเช้า ก่อนเวลา
แลแรง แสงสว่าง ยังฟางฝ้า.....................อากาศ เย็นสบาย ไร้เหน็บหนาว

    ความฝัน เมื่อครู่ครั้ง ยังฝังจิต................(ความฝันส่วนใหญ่)คือผลผลิต ของความคิด-ชีวิตก้าว
จิตใต้ สำนึก ผนึกน้าว.............................แปลงเป็น เรื่องราว รึงเร้าใจ

    คนไม่รู้ ถือเป็น สิ่งจริงจัง......................คาดหวัง จากความฝัน มุ่งขวนขวาย
สัญลักษณ์ ศักดิ์สิทธิ์ คิดทำนาย................หลากหลาย ตามที่ มี(ความ)ต้องการ

    (เช่น)ตีเป็น เลขให้ เพื่อใบ้หวย..............หวังรวย ทันตา มหาศาล
ต่างคน ต่างคิด พิสดาร............................หลักการ ฝันแปล แลเลอะเลือน

    (ฝันว่า)งูรัดเชื่อ เนื้อคู่ สิสู่มา..................จึงคอยชม้าย ชายตา โกลาหล
ไม่นับ ความฝัน อันสัปดน.........................ของคน ราคี ฤดีไคล

    หลากเรื่อง ราวฝัน สันนิษฐานช่วย...........บ่ สบาย พ่ายด้วย โรคป่วยไข้
เป็นปฏิ กิริยา จากภายใน..........................กาย-ใจ ตกแต่ง แปลงข้อมูล

    บางครั้ง ความฝัน ถึงคนตาย(ไปแล้ว).......คือสาย สัมพันธ์ มิบั่นสูญ
วิญญาณ ดาลดล สื่อผลพูน.......................อาดูร อาลัย ไม่จากจร

    เรื่องราว ความฝัน นั้นมีค่า......................ถ้าใช้ ให้เป็น เห็นผลย้อน
พัฒนาการ จิตใจ ใครอาทร........................ความฝันซ่อน ความลับ ซับซ้อนเอยฯ

๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๙

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เคราะห์กรรม : กาพย์ยานี๑๑



เคราะห์กรรม : กาพย์ยานี๑๑


    หนาวดาล แค่วันเดียว....................ชั่วประเดี๋ยว ลับเหลียวหาย
กี่ปี ที่เปลี่ยนกลาย.............................เกินคาดหมาย หลายฤดู

    ผลพวง เพราะคนทำ......................โลกร้อนส่ำ นำมาสู่
พลิกผัน พรากฝันพรู..........................ความเป็นอยู่-สิ่งสมปองฯลฯ

    เคราะห์กรรม คือความลับ?...............ทยอยนับ กลับสนอง
กฎกรรม ตามครรลอง.........................อย่างถูกต้อง และเที่ยงธรรม

    คิดให้ ได้ปลงตก............................อย่าคับอก คับใจถลำ
คิดเป็น เพราะเวรกรรม........................เคยกระทำ กล้ำเกินมา

    ไม่ต้อง ปองสะเดาะ........................ล้างบาป-เคราะห์ เที่ยวเสาะหา
พิธี การมารยา...................................เหมือนคนบ้า สติไม่มี

    ก่อกรรม์ อันใดไว้............................ต้องชดใช้ คือวิถี
ธรรมชาติ สมมาตรมี............................ทุกชีวี จิประจัญ

    บุญนำ ไม่ทำบาป............................เคราะห์กรรมสาบ ประเสริฐสรรค์
ทำดี มีศีลธรรม์...................................หลักห้ำหั่น เคราะห์กรรม์เวร

    สดใส ใช้ชีวิต..................................และสุจริต หฤษฎ์เห็น(หฤษฎ์= ดีใจ)
วิญญู ย่อมอยู่เย็น................................อย่างเป็นสุข สิ้นทุกข์เอยฯ

๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙

วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เริ่มต้นทำบุญ : กลอนเจ็ด



เริ่มต้นทำบุญ : กลอนเจ็ด


    ฤดูหนาว เข้านอน ตอนหัวค่ำ.....................ลมร่ำ ทำให้ กายผวา
อาบน้ำ ยามเย็น เฟ้นเวลา.............................รอช้า อาจไข้ ไม่สบาย

    คนเรา (มัก)เขลาคิด ชีวิตขลุก....................หาความ สนุก สุขสมหมาย
เก็บของ ต้องการ อันมากมาย........................จับจ่าย ใช้สอย คอยเหลียวแล

    ยิ่งวัย หนุ่มสาว ยิ่งเมามัน..........................เที่ยวฝัน หรรษา เริงร่าแส่
(การ)ทำบุญ สุนทาน คร้านดวงแด..................รอแก่ ชรา เข้ามาเยือน

    โรคภัย ไข้เจ็บ เหน็บไปหมด......................แรงลด สลดจิต จึงคิดเขยื้อน
ขยับทำ บุญทาน ทุกวันเดือน.........................หวังเลือน ลบเทวษ เจตนา

    เข้าวัด ฟังธรรม พระพร่ำบ่น........................บวชฯลฯบน(บาน) ผลสวรรค์ พรหมชั้นฟ้า
บ้างอยาก กำเนิด (กลับมา)เกิดโลกา...............พร้อมฐา นะรวย ร่ำ-สวยงาม

    เวรกรรม ทำไว้ วัยละอ่อน...........................ผลย้อน คืนมา อย่ามองข้าม
ป่วยการ ล้าง-รา พยายาม..............................ด้วยความ เขลาจิต ผิดเข้าใจ

    บุญทาน (ควร)ทำไว้ (ตั้ง)แต่วัยเยาว์............อย่ารอ แก่เฒ่า เข้าใจไหม?
ความดี ที่ทำ งอกงามไว................................ตามใคร คิดคาด บ่อาจมี

    ระยะ เวลา และโอกาส..............................ประสาธน์ ผลกรรม ทำหน้าที่
เริ่ม(ต้น)เร็ว เท่าไร ยิ่งได้ดี.............................ผลมี ชีวิต อุกฤษฎ์เอยฯ

๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๙

วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ทำดีย่อมได้ดี : กลอนแปด

ภาพจากhttp://www.thetrippacker.com


ทำดีย่อมได้ดี : กลอนแปด


    ลมหนาวหวน ครวญครา มาอีกครั้ง.................เสมือนดั่ง ส่งท้าย ให้ปีเก่า
อากาศเย็น เยื้องย่าง ดูบางเบา..........................เพลาเช้า ราวช้า อย่ามาไว

    สุริยน พ้นกรอบ ขอบนภา.............................พสุธา จะอุ่นพลัน ทันควันไม่
รอสาดแสง แรงกล้า ภาพิไล.............................พ้นยอดไม้ ไอร้อน เริ่มย้อนมี

    แต่หาก(กาย)ยัง บังเงา ของราวป่า.................ก็จงอย่า หวังกรุ่น กายอุ่นศรี
นอกเสียจาก พรากพา ซึ่งกายี...........................มารับแสง แรงสี สุริยัน

    หลักการทำ ความดี ดูมิต่าง...........................เพิ่งเริ่มต้น ผลห่าง สล้างหรรษ์
ใครหวังผล ยลดี มีทันควัน................................ย่อมอัดอั้น ตันใจ ไร้ศรัทธา

    ยิ่งหากยัง ฝังยุด ทุจริต.................................ทำ(ความดี)เพราะคิด ติดเขลา ต้องเอาหน้า
ปราศกุศล ล้นเลศ เจตนา.................................มีมารยา ประดับ ถมทับใจ

    ย่อมไม่ได้ ผลดี เท่าที่คิด..............................โดยเฉพาะ ถ้าจิต พิศสาไถย
ทำความดี บังชั่ว ตัวจัญไร................................หลอกลวงใคร ให้หลง ประสงค์ทราม

    (ผู้)รักทำดี มิท้อ รอผลหน่อย.........................จะทยอย ค่อยมา อย่าเหยียดหยาม
ทำด้วยใจ บริสุทธิ์ วิพุธงาม...............................สิได้ความ ดีสม นิยมยง(วิพุธ=นักปราชญ์)

    คนใจดี ดีทำ แสนงาม-ง่าย............................คนใจร้าย ใคร่ทราม ความเสริมส่ง
ผลของการ กระทำ จะดำรง...............................อย่างมั่นคง จงเจต สังเกตเทอญฯ

๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๙

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2559

สันดานหมา : โคลงสี่สุภาพ

   

สันดานหมา : โคลงสี่สุภาพ
(ละเลยค่านิยมในการแต่งโคลงสี่สุภาพ)

๑. หมาชอบทำตัวเพี้ยง.......................ครองถิ่น
เที่ยววิ่งก้มดมกลิ่น..........................ทั่วกร้าว
ปล่อยเรี่ยราดประกาศดิน-.................แดนว่า
ตัวข้าผู้เป็นเจ้า(ถิ่น).........................อย่าได้ล่วงล้ำฯ

๒. ไล่เห่าไล่กัดแม้..............................คน-หมา
นก-หนู-งู-ไก่-กา.............................ไปเว้น
อวดอำนาจศักดา.............................ยิ่งใหญ่
จัญไรยิ่งขึ้นเฟ้น..............................หากได้รวมฝูงฯ

๓. จงใจเห่าหอนให้............................โหยหวน
ส่งเสียงดังรบกวน............................เพื่อนบ้าน
ไม่เลือกเวลาสรวล-..........................เสเล่น
ทำลายข้าวของ;คร้าน.......................สูญสิ้นเสียหายฯ

. หมายสมสู่หมู่ล้อม..........................เรียงรน
เมากามลามสาละวน.........................ค่ำเช้า
ไร้คู่เป็นตัวตน..................................สำส่อน
เที่ยวตะลอนตามกลิ่นเข้า...................ยื้อแย่งแข่งขันฯ

. วันๆทำแต่เรื่องไร้............................สาระ
กิน-นอน-เล่น เป็นสรณะ.....................ตราบม้วย
ปราศสัมมาอาชีวะ.............................ประกอบ
ลักลอบแย่งชิงด้วย...........................ขาดสิ้นศีลธรรมฯ

๖. เมื่อนำหมามาเลี้ยง..........................กับคน
จึงจำต้องฝึกฝน...............................หัดให้
สูญนิสัยสัตว์จน...............................สัญชาตญาณ
เพื่อการอยู่ร่วมได้.............................สิ้นทุกข์-สุขสันติ์ฯ

. พรรณนาว่าด้วยสัน-.........................ดานหมา
หากบังเอิญเหมือน มนา.....................(บาง)คนไซร้
โปรดพินิจคิดหา...............................เองเถิด
เกิดเป็นคนยลไว้...............................หรือคล้ายชาติหมา?

๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๙

วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2559

มโนธรรมสำนึกคือเพชรเม็ดงาม : กลอนคติสอนใจ



มโนธรรมสำนึกคือเพชรเม็ดงาม : กลอนคติสอนใจ


    ความภาค ภูมิใจ ในตน............................ต่างคน ต่างคิด วินิจฉัย
ยกสมบัติ พัสถาน มั่นใจ..............................ยศศักดิ์ เชื้อสาย ใหญ่โต

    ยึดถือ คือสิ่ง ชี้วัด...................................ชีวทัศน์ อัตตา อ่าโอ่
คิดเขื่อง ชำเลือง เดโช................................ยโส โภคิน อภิญญา

    (สิ่งเหล่านั้น)มีให้ ไม่พอ ความต้องการ........ทะเยอ ทะยาน กระสันหา
ทุจริต คิดก่อ อาชญา...................................เข่นฆ่า-ชิง-ปล้น จนวุ่นวายฯลฯ

    ค่านิยม สมสั่ง บังมนัส..............................ประหวัด หยัดยื้อ คือจุดหมาย
สำเร็จ เจตนา สาธยาย..................................ชีวัน บั้นปลาย สมใจมี

    ไม่มอง ที่มา น่าสมเพช.............................ก่อเทวษ อสัตย์ บัดสี
ปราศสำนึก ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี............................บาปทำ ย่ำยี บีฑา

    ทำลาย ระบบ นิเวศ..................................อาเพศ สังคม โหมปัญหา
บั่นทอน สันติ ในโลกา..................................ระยำ ต่ำช้า สาละวน

    เอา"ตัวกู ของกู" เป็นที่ตั้ง..........................เป็นพลัง ล้างผลาญ สะท้านผล
อัตคัด สำนึก ตรึกกระมล...............................มืดดับ อับจน ชนม์ชีวิต

    มโนธรรม สำนึก=เพชรเม็ดงาม....................เปล่งประกาย อร่าม ท่ามกลางจิต
ทรงพลัง อัศจรรย์ บันดาลฤทธิ์........................เดชแสน ศักดิ์สิทธิ์ พิชิตชัย
   
   สำนึก ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี..................................คือวิถี สัมมา มิสาไถย
บ่บังอาจ เบียดเบียน ใครๆ...............................เป็นอยู่ได้ ง่าย-ดี สุขีเอยฯ

๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๙

วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ทำดีก็มีปัญหา : กาพย์ฉบัง๑๖



ทำดีก็มีปัญหา : กาพย์ฉบัง๑๖


    ทำดีก็มีปัญหา................โดยเฉพาะถ้า
หากมีพาลามาเกี่ยวข้อง

    (คน)ใจคุดทุจริตคิดมอง...............ระหายหมายปอง
แต่กู-ของกูอยู่เสมอ

    ทำดี(จึง)มิควรเผอเรอ...............สิประสบพบเจอ
ผลอันมิสมประสงค์

    ความไม่ประมาทอาจอง...............ขันติธรรมดำรง
ซื่อตรงทรงประสิทธิ์อิฏฐา(อิฏฐ-=เป็นที่น่าพอใจ)

    แม้มีอุปสรรคชักพา................ก็อย่าเลิกรา
ความปรารถนาที่จะทำดี

    รอโอกาสหน้าถ้ามี..............สุขถวิลยินดี
(ค่อย)ทำดีอย่าได้เดือดร้อน

    อุปสรรคติดขัดตัดรอน................ไม่หวั่นบั่นทอน
ทอดถอนขาดกำลังใจ

    ความดีมิจรจากไคล................สาธุชนคนใด
ด้วยคือวิสัยวิไลศรี

    สุขสันติ์บันเทิงเริงฤดี...............เมื่อได้ทำดี
โดยที่มิหวัง(สิ่ง)ตอบแทน

    ศรัทธากรรมดีวีระแสน...............มิพลาดมาดแม่น
(ได้)ผลแม้นดีงามตามสนอง

    คือกฎแห่งกรรม์ครรลอง...............ธรรมชาติคัดกรอง
คุ้มครองคนดีนิรันดร์ฯ

๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๙

วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559

วันพระวันเพ็ญ : กลอนธรรมะยามเย็น



วันพระวันเพ็ญ : กลอนธรรมะยามเย็น


    ทิพา ลาพลัน........................พระจันทร์ สุกสรรค์ วรรณเพ็ญ
งดงาม อร่ามเป็น.......................เยือกเย็น บริสุทธิ์ สดใส
ทำงาน อดทน...........................สุริยน ครั้นคลา ลาไคล
เพื่อพบ กันใหม่.........................ในวัน พรุ่งนี้ ทุกชีวา

    หากแม้น วันนี้........................จะมี สิ่งใด ดั่งประสงค์
พรุ่งครั้ง ยังคง............................โลกยธรรม ดำรง ปริศนา
ทำ(ให้)ดี ที่สุด...........................เท่าที่ มนุษย์ อาจอุตส่าห์
ยินดี ปรีดา................................ได้เวลา พักผ่อน นอนลง

    ทบทวน บทเรียน.....................ที่เพียร พากพลี ชีวิต
สาธุ สุทิศ..................................ครวญคิด พิทยา ประสงค์
มุ่งหา ประโยชน์..........................ปราโมทย์ กิจกรรม จำนง
ริเริ่ม เสริมส่ง..............................ยรรยง พิพัฒน์ ทรรศไนย

    การคบ คนดี............................ชวนชี้ ดีทำ สำราญ
การคบ คนพาล............................ชวนชาญ พาลผิด สร้างนิสัย
คบคน ฉลาด...............................เปรื่องปราด คิดขับ ฉับไว
โง่เขลา เข้าใกล้...........................ชักพา กันใคร่ โง่ลาม

    ตอบโจทย์ ชีวิต........................อย่าติด นิสัย ตามใจตน
คุณสมบัติ ของคน.........................คือการ คิดค้น คำถาม
ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี.............................วิถี มิจฉา-งดงามฯลฯ
พิชญะ พยายาม...........................เพื่อความ ผาสุก สมบูรณ์(พิชญ์=นักปราชญ์)

    วันนี้ วันพระ.............................และวัน จันทระ เต็มดวง
ชีวา อย่าล่วง...............................สู่ห้วง อบาย มลายสูญ
เข้านอน หัวค่ำ.............................พรั่งพี ศีลธรรม จำรูญ
กำลัง เพิ่มพูน..............................เกื้อกูล การกิจ พิจิตรเอยฯ

๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๙