ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559

กติกาการครองคู่ : กลอนแปด



กติกาการครองคู่ : กลอนแปด


    อากาศเย็น แห้งหวน ชวนรู้สึก.................ให้รำลึก เริ่ม(เข้า)สู่ ฤดูหนาว
ฤดูที่ ทิพาสั้น ราตรียาว..............................คู่หนุ่มสาว เข้าสู่ ประตูวิวาห์

    สนใจแค่ ความงาม (กับ)กามารมณ์...........คือวิถี (ยอด)นิยม สังคมค่า
เพราะความคิด ตื้นๆ กลืนปัญญา..................จึงบังเกิด ปัญหา พาระทม

    ชีวิตคู่ อยู่กิน ร่วมสินทรัพย์.......................ร่วมสำรับ-หลับนอน-หมอน-ผ้าห่มฯลฯ
ร่วมพี่น้อง-เครือญาติ-ศาสน์-สังคม................ร่วมโศกี-ภิรมย์-ชอบ-ชิงชังฯลฯ

    ทำอะไร (ให้)คิดถึง ครอบครัวก่อน.............ส่วนตัวย้อน ขวนขวาย ในภายหลัง
สำนึกใน หน้าที่ (ที่)มีประดัง........................พร้อมความหวัง (ความ)ตั้งใจ เพริศไพบูลย์

    (แต่)มโนธรรม สำนึก ที่สึกหรอ..................(ความ)รักมั่นคง ไม่พอ ก่อเสื่อมสูญ
เห็นแก่ตัว เป็นหลัก ผลักอาดูร......................หน้าที่มิ เกื้อกูล พูนพิลัย(พิลัย=ความย่อยยับ)

    มิทันครบ ขวบปี เริ่มตีจาก.........................ปรากฏเห็น เป็น(อัน)มาก ซากยุคสมัย
หม้อข้าวมิ ทันดำ (ก็)ทำอะไร.......................ตามแต่ใจ อยากทำ เวรกรรม กรม(กรม=ตรม)

    ริจะมี คู่ครอง ต้องตระหนัก........................ภาระหลัก ผลักดัน จรรยาสม
ครอบครัวและ คู่ครอง จองจิตจม....................เป็นห่วงปม รึ้งรัด มัดชีวัน

    อย่าคิดแค่ ไขว่หา กามารมณ์.....................จะระทม ชีวิน สิ้นสุขสันติ์
อย่าครวญคิด อิสระ กระทำกรรม์.....................แบบตัวใคร ตัวมัน สามานย์เอยฯ
   
๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๙

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ธรรมชาติ-ชีวิต : กาพย์สุรางคนางค์๓๒



ธรรมชาติ-ชีวิต : กาพย์สุรางคนางค์๓๒


    ฝนตก ทำให้.......................พืชไร่ ปรีดี
แต่ข้าว นาปี............................ที่รวง เริ่มใหญ่
ถูกลม และฝน..........................พัดจน ล้มไป
แช่น้ำ ทำให้............................เปียกไร้ ราคา

    เป็นสัจ ปัถพี........................วิถี ชีวิน
ทำมา หากิน............................โดยพึ่ง ดินฟ้า
หวังผล ผลิต............................สัมฤทธิ์ อนิจจา
ต้องประสบ สภา-.......................วะโลก ร้อนรน

    หลากปี ผ่านไป.....................ภายใต้ ภัยแล้ง
ปีนี้ เปลี่ยนแปลง........................สำแดง ฤทธิ์ฝน
ตกแล้ว ตกเล่า...........................ทำเอา ท่วมจน
ชาวนา ยิ่งจน.............................ล้นหนี้ รุงรัง

     เกิดใน โลกา.........................(ต้อง)พึ่งพา ธรรมชาติ
แหล่งน้ำ สะอาด.........................อากาศ สุทธ์สังค์(สังค์=ความข้องอยู่)
ที่อยู่ อาศัย................................อาหาร ให้ยัง
ชีวา ประทัง................................ทุกอย่าง จำเป็น

    ทำลาย ธรรมชาติ.....................(เท่ากับ)พิฆาต ชีวิต
ครวญใคร่ ได้คิด..........................พิชิต ความเข็ญ
รักษา ธรรมชาติ...........................มิอาจ ละเว้น
จึงจะ อยู่เย็น................................เป็นสุข สนุกเอยฯ

๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๙

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ชีวิตในฝัน : กลอนคติชีวิต



ชีวิตในฝัน : กลอนคติชีวิต

    อาจเอื้อมมือ ไปถือฟ้า....................แม้ว่า ทำได้ แค่ในฝัน
อยากมี วิถี ชีวัน................................ที่สุขสันติ์ จรรโลงใจ

    อยู่อย่าง อิสระ เสรี.........................บ่มี ปัญหา ที่อาศัย
มิต้อง พึ่งพา ผู้ใด..............................ที่หา อาหาร มาให้กิน

    ปราศจาก สิ่งของ ต้องรักษา.............ไม่เสีย เวลา ห่วงทรัพย์สิน
ปลอดภัย การใช้ ชีวิน.........................เพียงดิน-โลกา-ฟ้าอาทร

    ไม่ต้อง ทำมา หาเลี้ยงชีพ.................ไม่ต้อง เร่งรีบ ให้เดือดร้อน
ไม่มี โศกา อาวรณ์..............................กับความ ไม่แน่นอน ในชีวี

    ไม่ต้อง การใคร มารัก........................ไม่อยาก รักใคร่ ในโลกนี้
โลกซึ่ง ธำรง วิถี..................................ไร้ความ จีรัง ยั่งยืน

    ภพนี้ คงมิ สมหวัง.............................ขอตั้งใจ ไปเกิด ในภพอื่น
ภพที่ สุขสันติ์ วันคืน..............................ไร้โศก สะอื้น ขื่นขมทรวง

    เชื่อว่า การทำ ความดี.........................ละบาป ราคี สิพาล่วง
พ้นโลก ทุกขัง ทั้งปวง............................สู่สรวง สวรรค์ วิมานแมน

    ข้าขอ ตั้งสัตย์ ปฏิญาณ.......................ต้องการ ไม่เวียน มาเกิดแสน
โลกที่ ทวี ความแร้นแค้น.........................ใกล้แม้น นรก วิตกเอยฯ

๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๙

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เว็ปแสดงภาพสภาวะอากาศ...ใหม่+คุณภาพเยี่ยมยอด




เว็ปแสดงภาพสภาวะอากาศ...ใหม่+คุณภาพเยี่ยมยอด

แสดงรายละเอียด ชัดเจน เข้าใจง่าย อย่างที่ไม่เคยพบเห็นจากที่ไหนมาก่อน
สามารถเลือกดูทั่วทั้งโลก และเฉพาะเจาะจงภูมิภาค หรือสถานที่
ใช้ดูย้อนหลัง และดูพยากรณ์อากาศในอนาคต-ในเวลาที่เลือกได้ด้วย

บริการโดยบริษัทในสาธารณรัฐเช็ก
Our Address: 
InMeteo, s.r.o.
Kotíkovská 1268/75 
Plzeň 323 00 

E-mail: 
info@ventusky.com

                                                       https://www.windytv.com
                                                


กิน-เที่ยว-ใช้ของไทย : โคลงสี่สุภาพ



กิน-เที่ยว-ใช้ของไทย : โคลงสี่สุภาพ

๑. วารหนาวๆร้อนๆ.........................ฤดู
พายุยังพรั่งพรู.............................ยาตรเยื้อง
ลองกอง กองกรากกรู....................เต็มตลาด
รสชาติชวนกระเตื้อง......................ชีพให้หรรษาฯ

๒. อาหารและผลไม้........................ไทยๆ
คุณค่ามิรองใคร............................ทั่วหล้า
แพร่หลากหลายภายใน..................ฐานถิ่น
หากินง่ายไขว่คว้า.........................เงินเกื้อเวียนหมุนฯ

๓. สนับสนุนช่วยพี่น้อง......................เกษตรกร
มีสุขะสโมสร.................................สินใช้
ทรัพยาจากดินดอน........................เพิ่มผลิต
ผลชีวิตยากไร้...............................ย่อมไร้ประเชิญฯ

. เพลินร่วมกินร่วมใช้.......................ของไทย
เพลินการท่องเที่ยวไป.....................ทั่วแคว้น
เงินทองมิรั่วไหล.............................ประสิทธิ์
เศรษฐกิจไทยมาดแม้น.....................รุ่งเรื้องจำรูญฯ

. อาดูรแต่คนค้า...............................คนขาย
เงินฝรั่งรับมากมาย...........................มุ่งเฟ้อ
กับ(คน)ไทยจึงดูดาย........................ปล่อยปละ
ไม่อยากจะบ่นเพ้อ............................พร่องน้ำใจเหลือฯ

๖. มิน่าเชื่อสินค้า...............................ต่างแดน
ถูกกว่าไทย(จึง)ทดแทน....................(ด้วยการ)นำเข้า
เกษตร-อุตสาหกรรมแกร็น..................วิกฤติ
พิษค่าแรงแพงเร้า.............................พาซื้อของนอกฯ

. ออกไปเที่ยวต่างแคว้น.....................แดนไกล
ถูกกว่าเที่ยวภายใน............................ยิ่งน้าว
คนไทยไหลหลั่งไป............................มิขาด
เข็ดขยาดค่าของข้าว..........................แพงได้แพงดีฯ

๘. (เขา)มีธรรมชาติแวดล้อม...................สวยงาม
ส่วนคนไทยตะกลาม............................ผลาญล้าง
ธรรมชาติโทรมทรุดทราม......................ซากเสื่อม
เอือมระอาปล่อยว้าง.............................คิดให้วังเวงฯ

๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๙

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ประชากรโลก ณ วันที่ 27 ตุลาคม 2559 เวลา 9:20น.


ประชากรโลก ณ วันที่ 27 ตุลาคม 2559 เวลา 9:20น.

ประชากรรายประเทศ
*ข้อสังเกต ประเทศไทยมีประชากรอันดับที่ 20 ของโลก
เปรียบเทียบจำนวนประชากรกับระดับความเจริญของแต่ละประเทศในด้านต่างๆ
ทำให้เกิดแง่คิดอะไรได้มากมาย



สถิติ ประชากรโลก จากอดีต-อนาคต


เกิดเป็นสัตว์-คน-เทวดา : กลอนคติเตือนใจ



เกิดเป็นสัตว์-คน-เทวดา : กลอนคติเตือนใจ


    สังเกต บ้างไหม?.....................สัตว์ก็ มี(จิต)ใจ เหมือนมนุษย์
กำเนิด เกิดผุด............................บนโลก ที่ประดุจ ความฝัน
ร่วมอยู่ อาศัย..............................สารพัด หลากหลาย สายพันธุ์
ความแตก ต่างกัน........................นั่นแค่ สติ ปัญญา(ไม่นับรูปลักษณ์)

    คนก็ คือสัตว์...........................นักวิท (ทะ)ยาศาสตร์ ตัดสิน
และที่ เคยยิน..............................เคยชิน คำสอน (พุทธ)ศาสนา
กายร่าง สังขาร............................มีจิต วิญญาณ บัญชา
เกิด-แก่ ชรา................................เจ็บป่วย-มรณา คลาไคล

    กฎแห่ง กรรมเวร.......................หลักเกณฑ์ ธรรมชาติ บาทบท
ชักนำ กำหนด..............................ดี-ทราม ตามกฎ ชดใช้
แม้ไม่ เปิดเผย..............................(แต่)ไม่เคย เข้าใคร ออกใคร
กระทำ กรรมใด.............................เอาไว้ ก็ต้อง สนองคืน

    กิเลส ตัณหา.............................ในมนา สัตว์หลาย กว่าคน
ชั่ว-ดี มิสน....................................ทำตาม กระมล ยลชื่น
(แต่)คนมี วิจารณญาณ....................สามานย์ สำนึก ตรึกกลืน
แตกต่าง ยั่งยืน...............................กับพื้น ฐานสัตว์ อัชฌา

    เมื่อใคร ใจชั่ว.............................ทำตัว เสมือน หนึ่งสัตว์
ตายดับ กลับตาลปัตร.......................ไปเกิด เป็นสัตว์ ชาติหน้า
คนจิต ใจดี.....................................มีศีลธรรม ความเมตตา
สวรรค์ ชั้นฟ้า..................................เทวดา ประสบ ภพเอยฯ

๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๙

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ลูก-หลาน ต้องการการสั่งสอน : กลอนเจ็ด



ลูก-หลาน ต้องการการสั่งสอน : กลอนเจ็ด


    ลูกแมว กำพร้า ที่ข้าฯช่วย...............อยู่ด้วย ดูแล แดสงสาร
ไม่มี พี่น้อง พ้องวงศ์วาน.....................เพื่อบ้าน บิดร และมารดา

    ซนเล่น เป็นทั่ว อยู่ตัวเดียว..............วิ่งเที่ยว ใจมาด ตามปรารถนา
ไม่รู้ จักสลด กลัวรถรา........................ไม่รู้ จักหมา คือฆาตกรฯลฯ

    ชวนให้ ฉุกคิด ชีวิตคน....................มองยล ไม่ต่าง ต้องสั่งสอน
วิธี ธำรง พงศกร................................แต่อ้อน แต่ออก บอกลูกเยาว์

    สอนลูก สอนหลาน การ(ดำรง)ชีวิต....ปรัชญา ภาษิต ปลิดความเขลา
หลักการ ครองตน ไม่มลเมา.................การเข้า สังคม โสมมมี

    สอนความ คล่องขบ ประสบการณ์.......เชี่ยวชาญ ประเสริฐ เลิศวิถี
อยู่รอด ปลอดภัย ในปัถพี.....................โลกีย์ วิสัย ไม่หลงเพลิน

    รู้จัก เลือกทาง เลือกวางตัว................ดี-ชั่ว-ถูก-ผิด ไม่พิศเผิน
อกุศล บาปกรรม ไม่กล้ำเกิน..................ศีลธรรม จำเริญ จงเพลินใจ

    เห็นความ สำคัญ การศึกษา................สห วิทยา ต้องหาไว้
วิเคราะห์ วิจารณ์ ข่าวสารไคล.................เท่าทัน การณ์ไกล ทั้งร้าย-ดี

    แล้วจะ ประสบ พานพบสุข..................สนุกสนาน กระมล บนโลกนี้
แล้วจะ พ้นภัย มากมายพี........................ชีวี ก้าวหน้า สถาพรฯ

๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๙

วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ทอดผ้าป่า : กลอนหก



ทอดผ้าป่า : กลอนหก


    ประเพณี ทอดผ้าป่า....................พุทธศาสนา แบบไทยๆ
บ่มีตาม ธรรมวินัย............................ไม่รู้ใคร ผู้คิดค้น

    เอาเป็นว่า ณ ปัจจุบัน...................ด้วยสายพันธุ์ ท่านศรีธนญ(ชัย)
จึงแปลงความ ตามใจตน...................เพื่อมุ่งผล ประโยชน์หา

    นับตั้งแต่ อดีตกาล.......................(เป็น)กิจพื้นฐาน ทางวัดวา
หากหลายปี ที่ผ่านมา.......................ทอดผ้าป่า เริ่มแตกแขนง

    ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล................นึกพิสดาร ร่วมขันแข่ง
อ้างผ้าป่า ปุญญาแรง........................แต่แอบแฝง หาเงินใช้

    ดั้งเดิมผ้า บังสุกุล..........................(หมายถึง)ผ้าคลุกฝุ่น เขาทิ้งไป
พระเก็บ-ตัด-ดัดแปลง(แก้)ไข..............ตามวิสัย ผู้มักน้อย

    ส่วนผ้าป่า ณ ปัจจุบัน......................อลังการ ผันเลิศลอย
ยก(พุทธ)ศาสนา หาเงินคล้อย..............เยี่ยงคนถ่อย ปัญญาเขลา

    อัตตาเชิด ละเมิดกฎ........................คือความคด ของคนเรา
ถูกตำหนิ ติเตียนเข้า...........................อ้างรู้เท่า ไม่ถึงการณ์

    นับถือพุทธ (ธะ)ศาสนา....................ตามประสา ทะเบียนบ้าน
คตินิยม ยันสมภาร..............................น่าสงสาร สังคมไทยฯ

๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๙

บังสุกุลจีวร
หมายถึง ผ้าที่เกลือกกลั้วด้วยฝุ่น, ผ้าที่ได้มาจากกองฝุ่น, กองหยากเยื่อ ซึ่งเขาทิ้งแล้ว
ตลอดถึงผ้าห่อ-คลุมศพ ที่เขาทิ้งไว้ในป่าช้า ไม่ใช่ผ้าที่ชาวบ้านถวาย
แต่ปัจจุบัน มักหมายถึง ผ้าที่พระชักจากศพโดยตรงก็ตาม จากสายโยงศพก็ตาม

วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2559

คนดีมิควรเผอเรอ : กาพย์ฉบัง๑๖



คนดีมิควรเผอเรอ : กาพย์ฉบัง๑๖

    เชื่อว่าตนเป็นคนดี....................ช่วยให้ได้มี
ฤดีวิเศษสุขสม

    แต่ความชินชาปรารมภ์.................หลงใหลในนิยม
สิบ่มสิเพาะอวิชชา

    เลินเล่อเผอเรอขึ้นมา.................ขาดสติปัญญา
จะพาจะพลั้งบาปทำ

    ลำเค็ญเป็นเวรเป็นกรรม..................จนตรอกชอกช้ำ
ระส่ำระสายในชีวิต

    จึงต้องส่องสอดดวงจิต.................ใส่ใจใกล้ชิด
พินิจพิจารณ์บรรจง

    ทำงานทำการมั่นคง.................(มัก)ทำให้ใหลหลง
ทะนงประมาทอาจหาญ

    ยิ่งมีอำนาจราชการ.................ยิ่งส่อสันดาน
สถานสถุลคุ้นเคย

    เห็นความจริงอย่านิ่งเฉย..................ธรรมเทียบเปรียบเปรย
ละเลย(การ)ระลึกไม่ดี

    คือครรลองของวิถี.................ปรัชญาพาที
ทวี ธวัชศรัทธา

    อบรมความคิดจิตรา................คือหลักมรรคา(จิตร=จิต)
ประเสริฐประสพนิพพานฯ(ประสพ=การเกิดผล)

๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๙

วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2559

กาลกฐิน..กาลกิเลส? : โคลงสี่สุภาพ

ภาพถ่ายดาวเทียมสภาพอากาศ วันที่ 22 ตค. 2559/11:00 น.


กาลกฐิน..กาลกิเลส? : โคลงสี่สุภาพ

๑. เหมือนมีเกราะปกป้อง..................กันภัย
ผลักดันพายุไป.............................แผ่วพ้น
ความกดอากาศสูงไส.....................เมฆหมู่
สู่ทะเลจีนใต้ท้น............................น้ำท่วมอันตรธานฯ

๒. ออกพรรษาพี่น้อง........................ไทยพุทธ
ต่างพากันอุตลุด............................เร่งซื้อ
เครื่องกฐินกันเป็นชุด......................กองใหญ่
ถวายวัดเสียงอึงอื้อ.........................อวดอ้างบุญมหันต์ฯ

๓. หมายมั่นมุ่งจิได้...........................เงินตรา
มากๆชวนชักพา.............................พี่น้อง
เพื่อนฝูงวงศาคณา..........................ญาติมิตร
ร่วมอุกฤษฏ์แซ่ซ้อง.........................ว่าได้ทำบุญฯ

. พูนกิเลสตัณหาให้.........................พัฒนา
มิใช่หลักพุทธศาสนา........................สอนแล้ว
ธรรมวินัยมิประสา.............................ปฏิบัติ
ตัดสินตามใจแกล้ว...........................กิเลสกล้าสาไถยฯ

. ธรรมวินัยว่าด้วยเรื่อง.......................กรานกฐิน
เกี่ยวกับการร่วมจินต์(สงฆ์).................เย็บผ้า
คงเพราะพุทธกาลสิน-.......................ทรัพย์ขัด(สน)
(พุทธองค์)ทรงประกาศกิจเฉพาะหน้า...(แค่)ช่วงพ้นพรรษาฯ

๖. ไม่ใช่เพื่อวุ่นว้า...............................หาเงิน
หวังผลบุญกำไรเกิน..........................จ่ายไว้
พระ-วัด รับเงินเพลิน..........................พาลจริต
ชีวิตคนทำ(บุญ)ไซร้..........................ยากแค้นแสนเข็ญฯ

. อย่าเห็นพุทธศาสน์เพี้ยง...................ศักดินา
ลาภ-ยศ-สักการฯลฯ หา.....................กิเลสเลี้ยง
เลิกอาศัยวัดวา.................................เป็นแหล่ง
แอบแฝงหากินเพี้ยง..........................พ่อค้าพาณิชย์ฯ

๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๙

กฐิน ตามศัพท์แปลว่า ไม้สะดึง คือไม้แบบสำหรับขึงเพื่อตัดเย็บจีวร;
       ในทางพระวินัยใช้เป็นชื่อเรียกสังฆกรรมอย่างหนึ่งที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตแก่สงฆ์ผู้จำพรรษาแล้ว เพื่อแสดงออกซึ่งความสามัคคีของภิกษุที่ได้จำพรรษาอยู่ร่วมกัน โดยให้พวกเธอพร้อมใจกันยกมอบผ้าผืนหนึ่งที่เกิดขึ้นแก่สงฆ์ ให้แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งในหมู่พวกเธอ ที่เป็นผู้มีคุณสมบัติสมควร แล้วภิกษุรูปนั้นนำผ้าที่ได้รับมอบไปทำเป็นจีวร (จะทำเป็นอันตรวาสก หรืออุตตราสงค์ หรือสังฆาฏิก็ได้ และพวกเธอทั้งหมดจะต้องช่วยภิกษุนั้นทำ)
       ครั้นทำเสร็จแล้ว ภิกษุรูปนั้นแจ้งให้ที่ประชุมสงฆ์ซึ่งได้มอบผ้าแก่เธอนั้นทราบเพื่ออนุโมทนา เมื่อสงฆ์คือที่ประชุมแห่งภิกษุเหล่านั้นอนุโมทนาแล้ว ก็ทำให้พวกเธอได้สิทธิพิเศษที่จะขยายเขตทำจีวรให้ยาวออกไป (เขตทำจีวรตามปกติ ถึงกลางเดือน ๑๒ ขยายต่อออกไปถึงกลางเดือน ๔);
       ผ้าที่สงฆ์ยกมอบให้แก่ภิกษุรูปหนึ่งนั้น เรียกว่า ผ้ากฐิน (กฐินทุสสะ);
       สงฆ์ผู้ประกอบกฐินกรรมต้องมีจำนวนภิกษุอย่างน้อย ๕ รูป;
       ระยะเวลาที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ประกอบกฐินกรรมได้ มีเพียง ๑ เดือน ต่อจากสิ้นสุดการจำพรรษา เรียกว่า เขตกฐิน คือตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒

วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559

สรรเสริญพระบารมี : กลอนถวายพระพร




สรรเสริญพระบารมี : กลอนถวายพระพร

    คน..คน..คน..มืดฟ้า มัวดิน....................ยิน..ยิน..ยิน..ร้องเพลง สรรเสริญฯ
น้ำตาไหล ไม่ใช่ เพื่อเพลิน.....................แต่ดำเนิน เพราะพระ บารมี

    คนๆเดียว เทียวที่ จากไป......................ทั่วทั้งไทย วิโยค โศกศรี
ต่างตระหนัก รักใคร่ ความดี.....................ทุกถิ่นที่ กรณีย์ กิจจา

    แทนความรัก จากลูก ทั้งผอง.................ไคลครรลอง เชื้อชาติ ศาสนา
รวมตัวกัน สรรเสริญ พระบิดา....................ด้วยศรัทธา บารมี นิรันดร์

    ขอพระองค์ ทรงสุข สถิต........................เทพนิมิต เมืองแมน แดนสวรรค์
จวบปวงข้า ชีวา จาบัลย์...........................จะยึดมั่น เศรษฐกิจ พอเพียงฯ

ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดไม่ได้

๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๙ 

ยอมรับ-สารภาพผิด : กลอนฉันทลักษณ์อิสระ



ยอมรับ-สารภาพผิด : กลอนฉันทลักษณ์อิสระ

    กิเลส.........................................................คือสาเหตุ แห่งกรรม อกุศล
เกิดมา พร้อมกับ กระมล.................................ของสัตว์ทุกตน ที่ว่ายวน อยู่ในวัฏสงสาร

    มีตัณหา เป็นอารมณ์.....................................กามา ค่านิยม คอยบงการ
ให้กำหนัด และหัดหาญ...................................สร้างสาน บาปกรรม ทำราคี

    การก่ออกุศล จึงเกิดขึ้นได้..............................กับใครทุกคน ผู้ยังไม่พ้น กิเลสวิถี
สำคัญคือ การเกิดสำนึก รู้สึกผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี.........แสดงออกถึง ความมี มโนธรรม

    การยอมรับผิด ด้วยจิตสำนึก............................จะปิดผนึก ใจไว้ ไม่ให้ตกต่ำ
เป็นเครื่องหมายของคนดี มีจริยธรรม....................และจะประเสริฐเลิศล้ำ ในกาลต่อไป

    ยอมรับบทลงโทษ เพื่อปลดเปลื้อง....................ความเขลาขลาด ขัดเคือง สูญสาบไร้
เรียนรู้มัน และสร้างแรงบันดาลใจ.........................ในภายภาคหน้า เราจะ ระมัดระวัง

    ยอมรับผิดไป ไม่คอยให้ใครบังคับ.....................ความชั่วจะถูกระงับ บาปสรรพถูกขับไส
ความมืดสิลับลา ความสว่างจะกระจ่างใจ................สัมผัสถึงความเบา สบาย ไร้ความผิดเหลือติดตน

    สารภาพผิดไป อย่าได้กลัว................................คนไม่เคยทำชั่ว ไม่เคยเกิดในโลกหน
เกิดความละอายใจ เป็นวิสัยของสาธุชน..................สารภาพผิด ยอมรับผล คือหนทางชำระบาปกรรม

    อย่าเสียใจ หากมีใครใคร่ซ้ำเติม..........................อกุศลกรรมอย่าเพิ่ม เริ่มต้นทำตนล้ำ
หยุดกิเลสก่อนจะเกิด อย่าละเมิดศีลธรรม.................ฝึกฝนเป็นประจำ จะนำชีวาเจริญฯ

๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๙

วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ดอกหญ้า : กลอนดอกสร้อย



ดอกหญ้า : กลอนดอกสร้อย

    ดอกเอ๋ย ดอกหญ้า.............................มิได้ เกิดมา ต่ำช้าฉล
ที่แท้ แค่ตาม คำพูดคน..........................แยกยล ดอกหญ้า ไร้ค่ามี

    หากใน ลำนำ แห่งธรรมชาติ.................ดอกหญ้า สะอาด ดารดาษสี
ประดับ ประดา โลกาดี............................ทั่วทุก สถานที่ สิแบ่งปัน

    เกิดง่าย อยู่ง่าย ไม่ยุ่งยาก.....................แพร่หลาย ไพรหลาก เพียรพากสรรค์
ชูยอด ทอดแทง แสงตะวัน......................อย่างมิ พรึงพรั่น มั่นแกร่งไกร

    ลมท้า ประจญ สายฝนสาด.....................อากาศ ปรวนแปร แลสู้ไหว
ภุมริน บินว่อน เกสรไช............................ปล่อยให้ ไม่หวง สุขดวงแด

    คนใด ใครดู ดุจดอกหญ้า.......................ไร้ค่า อย่าสน คนค่อนแคะ
คุณงาม ความดี มิซวนแซ.........................ต่ำทราม ตามแต่ แค่(คำ)นินทา

    คนไม่ เลิศล้ำ โดยกำเนิด........................ประเสริฐ ปรากฏ เกินยศฐาน์
มิได้ สูงส่ง เพราะพงศ์พา..........................ทรัพยา หาหนุน คุณค่าใคร

    ทักษะ (ความ)สามารถ ชูชาติเชิด..............ล้ำเลิศ ความคิด-จิต-นิสัย
ศีลธรรม ค้ำคง จรรโลงใจ..........................(มี)ผลงาน ยิ่งใหญ่ ไขค่าคุณ

    ประโยชน์ สร้างสรรค์ แบ่งปันโลก...............ชุ่มโชก น้ำใจ ไหลเนื่องหนุน
ย่อมมี ชีวิต วิจิตรจุน..................................พิบุล สุนทร บวรเอยฯ(พิบุล=กว้างขวาง,มาก)

๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๙

วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ไว้ทุกข์จนเป็นทุกข์ : กลอนไว้ทุกข์



ไว้ทุกข์จนเป็นทุกข์ : กลอนไว้ทุกข์

    ข่าวคราว คนไทย ร่วมไว้ทุกข์.................ฉุกละหุก อาลัย เทิดในหลวง
(ทำให้)สินค้า สีดำ ส่ำทั้งปวง.....................ขาดตลาด ขาดช่วง->ขึ้นราคา

    เสื้อดำ ทำท่า ว่าต้องใส่.........................ทุกวัน ทำให้ ไล่ซื้อหา
สอง-สาม-สี่เท่า เหล่าผู้ค้า.........................ได้เวลา เงินงาม งอกกำไร

    ค้นหา วิธี แก้วิกฤติ.................................โดยคิด ย้อมผ้า ปัญญาใส
อนิจจัง บังเอิญ กันเกินไป...........................(ทำให้)สีย้อม ผ้า(ดำ)ไซร้ หมดไม่มี

    ผ้ายาว ขาว-ดำ กำหนดให้.......................(ราชการ)ต้องใช้ ประดับ สถานที่
ก็ขาด ตลาด ตามทันที...............................(หมด)ไม่มี สนอง ความต้องการ

    และที่ เป็นเรื่อง (คือ)เครื่องทองน้อย..........ใช้สอย สักการะ พระองค์ท่าน
(ราคา)จากร้อย->เป็นพัน->หลายพันปาน.......หมดสิ้น วิญญาณ ความเป็นคน

    (ความ)ต้องการ พานพุ่ม และโต๊ะหมู่ฯลฯ.....ก็ดู ไม่ต่าง สร้าง(ความ)ขัดสน
เพราะอยาก ไว้ทุกข์ จึงทุกข์ทน.....................ทุกข์จน เจ็บไข้ ไม่สบาย

    เสื้อดำ ไม่ใส่=ไม่ไว้ทุกข์?.........................อย่าซุก อคติ สิเสียหาย
ไม่มี จะกิน ชีวินวาย.....................................มากมาย หลายคน ดิ้นรนรวน

    (เห็น)พวกใส่ เสื้อดำ สุขสำราญ..................สนุกสนาน บันเทิง เริงเสสรวล
ไว้ทุกข์ ตรงไหน? ตรองใคร่ครวญ...................หยุดด่วน ตราหน้า กล่าวหาเทอญฯ

๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๙

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2559

วาจา ประตูหัวใจ : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



วาจา ประตูหัวใจ : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    ......................................โบราณ ท่านเล่า
ว่าคน โง่เขลา........................อาจเข้า สังคม
(อยู่)ท่ามกลาง บัณฑิต............พินิจ งามสม
ตราบมิ ปรารมภ์......................เอื้อนเอ่ย วาจา

    .......................................คำพูด ของคน
เปิดเผย ตัวตน........................(ควร)สนใจ ศึกษา
ความคิด จิตใจ........................ไหลหลั่ง ออกมา
ผ่านเสียง เพียงพา....................เหนือหน้า ตาเนียน

    ........................................สำนวน หวนให้
คนอ่าน เข้าใจ.........................นิสัย คนเขียน
รู้ความ นึกคิด..........................สุขภาพ จิตเจียน
ชีวัน ผันเปลี่ยน........................การเรียน,อารมณ์ฯลฯ

    .........................................สติ ปัญญา
สื่อผ่าน ภาษา..........................ระดับ ประถม?
เป็นคน อวดโอ้.........................พาโล โง่งม?
ความรู้ อุดม.............................นิยม อะไร?

    ..........................................ระดับ ศีลธรรม
รู้ด้วย ถ้อยคำ............................ลึกล้ำ ทำได้
ยิ่งมี เวลา.................................สถานการณ์ ผ่านไป
ประชิด จิตใจ.............................ว่าใคร คด-ตรง?

    ...........................................ประตู หัวใจ
เปิดดู ภายใน............................ได้ดั่ง ประสงค์
เพียงอย่า รีบด่วน.......................(คำ)ชวนเชื่อ ตกลง
ความจริง ยิ่งยง..........................คงแจ้ง กระจ่างเอยฯ

๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๙

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ถูกคนชิงชังรังเกียจ คือธรรมดาโลก : กลอนแปด



ถูกคนชิงชังรังเกียจ คือธรรมดาโลก : กลอนแปด

    ป่าต้นน้ำ ลำธาร บันดาลฝน...................สู่โลกา นภดล วนเวียนหมุน
มวลอากาศ ชุ่มชื้น คืนสมดุล.....................เกิดพิบุล วัฏจักร หลักชีวี

    หากแต่ชน ฉลโฉด กลับโปรดปราน.........ทำลายล้าง ถางผลาญ ลาญป่นปี้
(เพียง)เพื่อประโยชน์ ส่วนตน จนโลกนี้........ปรากฏมี วิกฤติ ผวนพิสดาร

    สิ่งแวดล้อม กำลัง พังพินาศ....................(เหตุ)มนุษยชาติ ไม่เจียม ใจเหี้ยมหาญ
ความเดือดร้อน ย้อนตน ท้นทรมาน..............เพราะสันดาน พาลถ่อย คอยมัวเมา

    คนส่วนใหญ่ ใคร่ยล ตนโสภี....................โดยวิธี ชิงชัง รังเกียจเขา
การใส่ร้าย ป้ายสี นิยมเนา..........................กลับทำให้ ใจเบา เขลาสิ้นดี

    เป็นธรรมชาติ สัจจา ในมนุษย์...................มืดกระมล ดลดุจ ดั่งภูตผี
สภาวะสัตว์ เบียดเบียน(ผู้อื่น) เชียรชีวี...........ยังมากมี ในใจ ชนไตร่ตรอง

    คนที่ถูก (เขา)ชิงชัง และรังเกียจ................อย่าเคร่งเครียด เกลียดชัง สร้างสนอง
(เพราะ)มิถูกต้อง ถ่องตาม ธรรมครรลอง.........จะพาตน หม่นหมอง คับข้องจินต์

    อย่าถือสา อันธพาล สันดานถ่อย................(ชอบ)ข่มขี่คน อื่นด้อย คอยติฉิน
มิรู้ตน มนมาน พาลเคยชิน...........................ก่ออกุศล มลทิน ท่วมวิญญาณ์

    ผู้ฉลาด ปราชญ์ปรีดิ์ มีศีลธรรม...................ย่อมยกตน พ้นต่ำ ข้ามกังขา
เมื่อมิทำ ตัวตน ฉลโฉดช้า............................สงบฤดี ปรีดา สาธุเทอญฯ

๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๙

วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เลี้ยงลูกด้วยรัก : กลอนเจ็ด



เลี้ยงลูกด้วยรัก : กลอนเจ็ด

    ลูกแมว ถูกทิ้ง สิงซ่อนตน....................ร้องรน หนแล แม่อยู่ไหน?
ลูกหิว ชิวหา แสนอาลัย..........................นมแม่ แค่ได้ ไร้พรั่นพรึง

    โหยหา ความรัก ความอบอุ่น................อยู่นี่ มิคุ้น มุ่นคิดถึง
อ้อมอก ของแม่ แท้ตราตรึง.....................ก้นบึ้ง หัวใจ ไห้หวนเจียน

    เอื้อมมือ อุ้ม(ลูก)แมว แล้วใส่กล่อง........(ลูก)แมวร้อง อุรา ไร้เสถียร
ปลอบปลุก ลูบไล้ กายนวลเนียน...............แล้วเพียร ป้อนปลา อาหารไป

    (ลูก)แมวเศร้า เคล้าเคลีย ยังเสียขวัญ.....ไม่ยอม กินยัน ยืนหวั่นไหว
จึงต้อง ป้องปัก รักษาใจ..........................คอยให้ คลายเหงา เศร้าดวงแด

    จนแล้ว แมวน้อย จึงค่อยกิน...................เดี๋ยวผิน มาหา ว้าเหว่แท้
กลับไป กลับมา เวลาแล..........................ผันแปร ไปถึง ครึ่งชั่วยาม

    เรียนรู้ อุรา ชีวาสัตว์..............................ประหวัด รักใคร่ ไม่มองข้าม
ถึงต้อง ท้องกิ่ว หิวก็ตาม...........................เลือกความ รักก่อน ซับซ้อนทรวง

    มิต้อง สงสัย ใยเห็นคน..........................หลากล้น หนหา อุราห่วง
ความรัก อยากได้ ไม่เกรงลวง.....................ตักตวง เท่าไร ไม่เพียงพอ

    โดยเฉพาะ เด็กผอง ต้องการ(ความ)รัก.....อย่าสัก แต่ใช้ เงินเลี้ยงหนอ
เลี้ยงลูก ด้วยรัก ฟูมฟักรอ..........................เกิดก่อ สัมพันธ์ สุขสันติ์เอยฯ

๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๙

วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2559

จะจงรักและภักดี แด่พ่อหลวงนิรันดร : ภุชงคประยาตฉันท์๑๒




จะจงรักและภักดี แด่พ่อหลวงนิรันดร : ภุชงคประยาตฉันท์๑๒

    สะท้อนจิต สะเทือนใจ..................ระงมไห้ (ริม)ถนนนั่ง
เทวษโศก วิโยคดัง..........................พิมานพัง ทะลายลาญ

    ขบวนรถ พระยศยิ่ง.......................ทยอยวิ่ง ประวิงผ่าน
พสก สบ สงบมาน............................พนมมือ สะอื้นมอง(พสก=พลเมือง)

    พิลาสโลก ชนกนาถ.......................เสด็จพาสน์ สวรรค์ผ่อง(พาสน์=การอยู่)
สยามชล (ละ)เนตรนอง......................ฤดีต้อง ระทมตรม

    บรมรูป ประสานชู...........................สกลดู สุจิตร สม(สกล=สากล,สุจิตร=เด่น,ยิ่งใหญ่)
มหาราช กษัตริย์รม-...........................มเยศหล้า นภาลัย(รมเยศ=งาม)

    เพราะสีดำ ณ เสื้อผ้า.......................สิโสภา ก็หาไม่
พสก ร่วม ประสงค์ใน..........................พิธีส่ง พระสรรพางค์(สรรพางค์=ร่างกาย)

    ประทับจิต นริศทัศน์........................สยามรัฐ ประหวัดสร้าง(นริศ=พระราชา)
สถิตอยู่ ณ ใจกลาง.............................มิเหินห่าง ประชาชน

    ถวัลย์ชำ นะปกครอง........................ธ ครรลอง สนองผล(ถวัลย์=ครอง,ชำนะ=ชนะ)
สุภัทรา พระชีพชนม์............................นรายล นิรามัย(สุ-=ดีงาม,ภัทร-=ประเสริฐ,นิรามัย=เป็นสุข)

    จะไว้ทุก ขะทั้งปี.............................ประชาชี ปิยาให้(ปิย-=ที่รัก)
จะจงรัก และภักดิ์ใจ.............................พระภูวไนย นิรันดรฯ

ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดไม่ได้

๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๙