ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ทำชั่ว-ดีทีละน้อย : กาพย์ฉบัง๑๖



ทำชั่ว-ดีทีละน้อย : กาพย์ฉบัง๑๖

๏    แสงแดดสวยงามยามเช้า...................ช่างช่วยแบ่งเบา
ความหนาวเย็นเข็ญขืนกาย

๏    บรรเทาหนาวเหน็บให้หาย.................เหนือคำบรรยาย
อุ่นกว่า(สิ่ง)ทั้งหลายในโลกนี้

๏    เปรียบเสมือนกับการทำดี.................(พา)บรรลุสุขี
ยิ่งกว่าสุขศรีใดๆ

๏    การทำความดี->นิรามัย...................จิตจะแจ่มใส(นิรามัย=เป็นสุข,สบาย)
สว่างไสวประไพเห็น

๏    เล็กๆน้อยๆพลอยบำเพ็ญ.................ค่อยใหญ่ขยายเป็น
เฉกเช่นจันทร์เพ็ญเต็มดวง

๏    ส่วนบาปกรรมกระทำล่วง................(ทีละ)เล็กน้อยคอยลวง
หลอกทรวงว่ามิเป็นไร

๏    การณ์เคยชินกัดกินใจ..................ก่อเกิดนิสัย
ทำชั่วไปไม่รู้ตน

๏    บาปเล็กน้อยพร้อยเล็กผล..................บาปหนักจักดล
ประจญเวรกรรมตามสนอง

๏    สะสมมากมายก่ายกอง..................ด้วยความลำพอง
ต้องถูกทุกข์ทึ้งถึงตาย

๏    ชาตินี้มิหมดปลดสลาย.................ชาติหน้าจะกราย
มาให้ชดใช้ต่อไปเอยฯ

๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐

โจรห้าร้อย : กาพย์ยานี๑๑



โจรห้าร้อย : กาพย์ยานี๑๑

๏    ในหมู่ โจรห้าร้อย..............................มีไม่น้อย นึกปรารถนา
อยากเปลี่ยน แปลงหัวหน้า.....................เพราะรู้ว่า ชอบทุจริต

๏    ข้อเสนอ เลือกตั้งใหม่.........................ประชาธิปไตย ใช้นำทิศ
หนึ่งคน ดลหนึ่งสิทธิ์.............................หวังปฏิรูป การปกครอง

๏    (ผลการเลือกตั้ง)ได้โจร คนใหม่มา.........เป็นหัวหน้า โหยหาช่อง-
ทางช่วย เพียงพวกพ้อง..........................ทุจริตจ้อง เป็นประจำ

๏    สถานการณ์ เริ่มเลวร้าย........................หมู่โจรกลาย ระสายระส่ำ
จึงเกิด คนคิดทำ....................................ยึดอำนาจ ยาตร ปกครอง(ยาตร=เดินเป็นขบวน)

๏    กล่าวหา ประชาธิปไตย.........................เป็นปัจจัย ปัญหาผอง
อ้างวิถี ที่ถูกต้อง....................................คือปกครอง แบบเผด็จการ

๏    ไม่มี สิทธิ์มีเสียง..................................ทำได้เพียง ถูกบริหาร
ทุจริต วิกฤติการณ์..................................คงสืบสาน กันต่อไป

๏    ปรัชญา การปกครอง.............................ผิดครรลอง ก็หาไม่
ไม่ว่า ประชาธิปไตย................................หรือภายใต้ เผด็จการ

๏    จิตใจ โจรห้าร้อย..................................ตั้งตาคอย แต่คิดขาน
ลักขโมย โดยสันดาน...............................เป็นแก่นสาร ปัญหาเอยฯ

๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐

วันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ขยะท่วมโลก : โคลงสี่สุภาพ(สิ่งแวดล้อม)



ขยะท่วมโลก : โคลงสี่สุภาพ(สิ่งแวดล้อม)


๑. ทำเป็นไม่รับรู้................................ปัญหา
คือปฏิกิริยา...................................ตอบโต้
ของคน(ส่วนใหญ่)ต่อพรรณนา..........(โลก)วิกฤติ
ยังคงคิดอยากโก้............................กิน-ใช้ตามอุราฯ

๒. ใบโฆษณาจากห้าง.........................ตามแจก
ทุกครึ่งเดือนทุกละแวก.....................หมู่บ้าน
ชักชวนชนช็อปแหลก.......................จับจ่าย
ใจคนเกินต่อต้าน.............................สินค้ากระสันฯ

๓. ทะเยอทะยานอยากได้.....................อยากมี
อยากทุกอย่างอยากทวี.....................ไม่สิ้น
อยากอยู่ดีกินดี................................เที่ยวท่อง
ตา-หู-จมูก-กาย-ลิ้น.........................รนดิ้นเสพประสงค์ฯ

. ส่งผลกระทบร้าย.............................เลวทราม
ก่อขยะเพิ่มลุกลาม...........................ท่วมหล้า
มักง่ายทิ้งไปตาม.............................ใจชอบ
รายรอบตัว(ตั้ง)แต่ฟ้า.......................ดิน-น้ำทั่วถึงฯ

. คำนึงผลกระทบย้อน.........................คืนคน
เภทภัยทำลายชนม์...........................ชีพสั้น
อากาศ-อาหารปน.............................สกปรก
บ่อเกิดโรคเหล่านั้น...........................ต่างล้วนคนทำฯ

๖. อย่ากำเนิดมาล้าง.............................ทำลาย
โลกาจนฉิบหาย...............................มอดม้วย
ตราบแต่เกิดจนตาย...........................แตกดับ
คนทำกับโลกด้วย..............................ความไร้สำนึกฯ

. ร่วมผนึกพลังไม่ทิ้ง...........................ขยะ
อย่างสะเปะสะปะ...............................(ลง)ดิน-น้ำ
คัดแยก(ขยะ)เพื่อบูรณะ......................คืนใหม่
หมุนเวียนกลับใช้ซ้ำ...........................ช่วยสร้างความดีฯ

๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๐

* โดยสถิติจากทั่วโลก
มีการทิ้งขยะลงทะเล ประมาณ 8 ล้านตัน/ปี เทียบเท่ารถ 10 ล้อ 8 คัน/นาที
ภายภาคหน้า ในท้องทะเลจะมีปริมาณขยะ มากกว่าปริมาณปลา
ขยะพลาสติกที่ลอยมาเกยตื้นประมาณ 20% อีก 80% จมอยู่ใต้ทะเล
ซึ่งไม่มีคนเก็บและไม่รู้จะเก็บอย่างไร
ด้วยปริมาณขยะที่เยอะแบบนี้ พวกเราคงไม่สามารถเก็บทั้งหมดขึ้นจากทะเลได้
นอกจากคนไทยต้องช่วยกันเปลี่ยนพฤติกรรม

อยากรวยเหมือนเขา : กลอนหก



อยากรวยเหมือนเขา : กลอนหก

๏    ใครๆ เขาต่าง ขยัน.....................มุ่งมั่น ทำมา หากิน
วัฒนา ฐานะ ถวิล..........................ชีวิน สูงส่ง ผจงหมาย

๏    ทุ่มเท เวลา อนาคต....................ทั้งหมด จรดฝัน บั้นปลาย
ละเอียด ถี่ถ้วน ขวนขวาย................ใจ-กาย พร้อมพลี กรีฑา

๏    เก็บเงิน เกินพร้อม ออมไว้.............(อาจ)จำเป็น ต้องใช้ ภายหน้า
ผู้คน ทั่วไป ในโลกา.......................เงินตรา=ปัจจัย สำคัญ

๏    คนที่ ประสบความ สำเร็จ..............(ล้วน)ตั้งเจต (ตะ)นา มากกว่าฝัน
พยายาม ตรำตราก บากบั่น...............ฝ่าฟัน อุปสรรค มากมี

๏    ฝึกฝน ทักษะ (ความ)สามารถ........เก่งกาจ จัดเจน เว้นบัดสี
ครองตน บนคุณธรรม ความดี..................และมี ระเบียบ วินัย

๏    มิออก นอกลู่ นอกทาง..................มิสร้าง พฤติกรรม เหลวไหล
มิคบ คนพาล จัญไร.........................มิใคร่ ทุจริต ผิดคลอง

๏    ทุนรอน ถอนมา ใช้จ่าย..................(จะ)ทำลาย อนาคต ขัดข้อง
เที่ยวมี หนี้สิน เนืองนอง....................จักต้อง ทุกข์ยาก ลำบากตรม

๏    เมื่ออยาก มั่งมี เหมือนเขา...............ตัวเรา ต้องทำ ตามสม
หากยัง เกียจคร้าน โง่งม....................สั่งสม สามานย์ อย่าฝันเลยฯ

๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๐

วันพุธที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560

วิมุตติสมัย : กลอนเจ็ด



วิมุตติสมัย : กลอนเจ็ด

๏   ฝนริน ยินร่ำ แทรกความสงัด........................สัมผัส รัชนี วิเวกไหว
ผสาน เสียงหรีด หริ่งเรไร.............................กลิ่นไอ เย็นชื้น รื้นฤดี

๏   ปลดเปลื้อง ปมทุกข์ มิซุกอก.......................หยุดยก ปริเยศ เลศสุขี(ปริเยศ=ที่รัก)
จิตร้าง ว่างเปล่า ราวไม่มี..............................กายี มิยล กลอัตตา

๏   ปิดการ ปรุงแต่ง แปลงกิเลส........................ปฏิเสธ สารพัน ปวงตัณหา
รู้สึก หลุดพ้น ล้นพันธนา...............................อิสรา ปริสุทธิ์ ดุษณี

๏   ไม่เห็น แก่ตัว=เปิดหัวใจ.............................ก้าวไป ใกล้สัจจ์ มนัสศรี
ซาบซึ้ง ถึงผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี.............................รัศมี ศีลธรรม ผ่องอำไพ

๏    เมื่อมิ ระคน มลทินโลกย์............................ย่อมมิ วิโยค เศร้าโศกไส
โลกีย์ วิจิตร ไม่ติดใจ...................................ย่อมไร้ โซ่ล่าม ความผูกพัน

๏   เข้าถึง วิถี วิมุตติธรรม.................................พ้นความ ลำเค็ญ เป็นสุขสันติ์
สยบสิ้น ดิ้นรน จลชีวัน.................................จิตพลัน สงบ ประสบพี

๏   ไร้การ รันทด และอดอยาก..........................ลำบาก หลากหาย ไคลบัดสี
ดวงแด แน่-นิ่ง ยิ่งสุรีย์..................................สุกสี แสงผ่อง ส่องพิไล

๏   ฝนคง ลงริน ไร้สิ้นสุด.................................แต่งจิต ติดจุด วิมุตติสมัย
พ้นความ ทุกข์ท้อ ทรมานใจ..........................พ้นความ กระหาย ใดๆเอยฯ

๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๐

โชคดีของคนโสด : กาพย์ยานี๑๑



โชคดีของคนโสด : กาพย์ยานี๑๑

๏    โชคดี ของคนโสด.....................เปรมปราโมทย์ ในอิสระ
สุขสบาย ไร้พันธะ.........................ดำเนินชีวะ สมประสงค์

๏    ปลอดโปร่ง โล่งฤทัย..................ทำตามใจ ไร้พะวง
ปราศห่วง ทั้งปวงปลง....................มั่นคงก้าว สกาวไสว

๏    ทรัพย์หา มาให้ตน......................บ่มีคน มาแย่งใช้
มิพิศ คิดเผื่อใคร............................มิหาไว้ ให้เกินควร

๏    เวลา แต่ละวัน............................บ่ต้องปัน(ให้ใคร) สุขสันติ์สรวล
ชีพง่าย ไม่เร่งด่วน..........................พ้นโซ่ตรวน แห่งสัมพันธ์

๏    ความรัก ความหวังดี.....................ทั่วโลกพลี ฤดีหรรษ์
ไม่หวัง ใครทั้งนั้น...........................ร่วมพันผูก ถูกตีตรา

๏    ไม่เป็น "ของ"ของใคร...................มิสนใจ ใครเมินค่า
ไม่ต้อง หมายปองว่า........................รอใครมา สโมสร

๏    อยู่ง่าย กินก็ง่าย...........................ชีวิตใช้ คล้ายพักผ่อน
บ้านช่อง ห้องหลับนอน....................มิเดือดร้อน (จัดแจง)ตามใจฉัน

๏    หมดห่วง ถูกลวงหลอก..................โดนปอกลอก แล้วทิ้งกัน
มิตรญาติ มาดสังสรรค์......................ชีวันวัย ไม่หงอยเหงา

๏    ไม่มี-ไม่ยอมรับ............................ข้อบังคับ กับคนเรา
(ว่า)เกิดมา จะต้องเฝ้า......................เมาหาคู่ อยู่ร่ำไปฯ

๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๐

วันอังคารที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ลาภยศสรรเสริญสุข : กลอนแปด



ลาภยศสรรเสริญสุข : กลอนแปด

๏   เกล็ดเมฆา กระจาย รายรอบสูรย์....................งามวิบูลย์ อุ่นอบ ประสบสันติ์
ก่อนถึงกาล สัญญา แห่งสายัณห์....................คัคนานต์ บันดล ยลชื่นใจ(คัคนานต์=ท้องฟ้า)

๏   สูรย์สีทอง ส่องท้น บนเกล็ดเมฆ....................รังสรรค์เสก เพชรา อดิศัย
ประดับประดา สุวรรณ พรรณประไพ.................จรรโลงจิต พิสมัย ไร้ราคี

๏   ก่อนกระทำ กรรมกิจ คิดให้ไกล.....................อย่าคิดใกล้ ใคร่แล แค่ชาตินี้
ชาติหน้าอีก หลายชาติ อุบัติมี........................ตามวิถี วัฏฏะ สัจจะการณ์

๏   ลาภ-ยศ-สรรเสริญ-สุข ที่ถูกจิต.....................ทุกชีวิต คิดครอง ยกย่องขาน
หาได้อยู่ คู่ใคร ไปตลอดกาล.........................เวลาผ่าน วารพ้น วนเสื่อมพัง

๏    แม้นประสงค์(ลาภฯลฯ) จงหยุด ทุจริต...........หยุดทำผิด ศีลธรรม เพื่อความหวัง
(เมื่อ)วิบากกรรม ประดา มาประดัง...................(แม้)ชีวิตยัง (ก็)ย่อยยับ อัประมาณ

๏   ที่เห็นใคร ได้ดี ด้วยทุจริต............................จงพินิจ อดีตกรรม ธรรมไพศาล
เพิ่งให้ผล ตอนนี้ พิสดาร...............................มิใช่การ ทำชั่ว (แล้ว)ตัวได้ดี

๏   ทำดีจึง ได้ดี นี่คือกฎ...................................คือสัจพจน์ งดงาม อร่ามศรี
ทำชั่วย่อม ได้ชั่ว ทั่วโลกีย์.............................ถึงปัถพี ย่อยยับ มิกลับกลาย

๏   หลักโลกธรรม นำท่อง ให้คล่องเถิด................สิ่งใดเกิด ย่อมดับ สูญลับหาย
ทั้งมีลาภ เสื่อมลาภฯลฯ คละกลับกลาย.............มีอะไร ตายตัว ทั่วโลกา?

๏   จึงมิควร ยึดมั่น และถือมั่น.............................ลดความอยาก บากบั่น ละตัณหา
มิยินดี ยินร้าย ในมายา...................................อนิจจา-อนัตตา=สัจจาเอยฯ

๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๐

พรุ่งนี้ไม่มีวันรวย : กลอนคติสอนใจคนบ้าหวย



พรุ่งนี้ไม่มีวันรวย : กลอนคติสอนใจคนบ้าหวย

๏    อยากเห็น ความฉล (ของ)คนเรา..............รอเข้า ใกล้วัน ออกหวย
มีคน ยลหวัง คลั่งรวย..............................ด้วยโชค ชะตา เล่นพนัน

๏    งานไม่ ยอมทำ ย่ำรุ่ง.............................มามุง ตอไม้ หมายมั่น
ปะแป้ง ขัดถู อยู่ทั้งวัน..............................หาเลข รางวัล ทันใจ

๏    พระกลาย ร่างทรง ผีตอ(ไม้)...................วัดถ่อ ขุดหา มาให้
เก็บเงิน จากคน จนไป..............................ใช้จ่าย สบาย ใจหรรษ์

๏    เศรษฐี กี่คน บนหล้า..............................รวยมา จากการ เล่นพนัน?
ทำมา หากิน ทั้งนั้น..................................ทุกวัน ขยัน ขันแข็ง

๏    ทุกคน มีมือ มีเท้า..................................ตื่นเช้า เอาเรี่ยว เอาแรง
ขับสู้ งานการ แข็งแกร่ง.............................ดีกว่า (มา)ปะแป้ง ซากซุง

๏    ทิ้งลูก ทิ้งงาน บ้านช่อง...........................เที่ยวท่อง แหล่งหลาย หมายมุ่ง
เจ้าแม่ ตะเคียน เจียรมุง.............................พล่านพลุ่ง โมหันธ์ ปัญญา(โมหันธ์=ความมืดมนด้วยความหลง)

๏    (ระหว่าง)เจ้ามือ กับคน ซื้อหวย.................ใครรวย กว่ากัน หรรษา?
ตอไม้ ใยมี ฤทธา......................................เลขให้ ใครมา เล่นพนัน?

๏    วิถี ชีวาตม์ บัดซบ?..................................หรือพบ กับความ สุขสันติ์?
ไม่เพียง ประชาชน จนครัน..........................ชาติก็ รอวัน บรรลัยฯ

๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๐

วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2560

สันตินิยม : กาพย์ฉบัง๑๖



สันตินิยม : กาพย์ฉบัง๑๖

๏   เงาไม้ใต้แสงตะวัน................ร่มรื่นชื่นสันติ์
ประหนึ่งสวรรค์พิมานเห็น

๏   เงาไม้ใต้จันทร์วันเพ็ญ.................สงบเยือกเย็น
ดั่งเป็นห้องหับสำหรับนอน

๏   เงาพุทธพิสุทธิ์สโมสร................เกิดก่อบวร
สิริสิย้อนอ่อนโยน

๏   ศีลธรรมจำเนียนเจียรโอน................อุระทโมน
ห่างพ้นหนทางสาไถย

๏   คุณธรรมกำกับจิตใจ..................พฤฒิพิไล(พฤฒิ=ความเจริญ)
ก้าวไกรรุ่งโรจน์โปรดปราน

๏   จริยธรรมกำจรสรศานติ์..................กิจจะตระการ
ไชยชาญชีวิตพิศโสภา

๏    อวิรุทธ์พุทธศาสนา..................เสริมอิสรา(อวิรุทธ์=ไม่ผิดพลาด)
วัฒนาสันตินิยม

๏    ศีลธรรม์สัญญาปรารมภ์.................อหิงสาประสม
อธิวิกรมพรหมวิหาร

๏   โอบอุ้มกุมทรวงดวงมาน.................จำรัสชัชวาล
ปฏิภาณเพริศพริ้งยิ่งแล

๏   ภิรมย์ร่มเงาเร้าดวงแด.................ไม่คาดหวังแม้
แต่สิ่งสำราญอันอื่นเอยฯ

๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๐

โลกวุ่นวายเพราะภัยกิเลส : โคลงสี่สุภาพ



โลกวุ่นวายเพราะภัยกิเลส : โคลงสี่สุภาพ


๑. ตราบเท่าที่มนุษย์ไร้........................สำนึก
กิเลส-ตัณหาผนึก...........................แน่นแฟ้น
ปัญหาสารพัดลึก............................รากหยั่ง
ทำลายสังคมแร้น-..........................แค้นสุขสมบูรณ์ฯ

๒. อาดูรสิ่งแวดล้อม............................ธรรมชาติ
นับวันเพิ่มพินาศ.............................โลกร้อน
สม่ำเสมอมีประกาศ.........................เตือนตัก
สักกี่คนคิดย้อน..............................แก้ไขกิจวัตร?

๓. วัดก็ยังเกี่ยวข้อง.............................ทุจริต
พระโกงหนีความผิด.........................ไปได้
กล่าวใยราชการกิจ...........................ยิ่งก่อ
คอรัปชั่นกันให้................................ทั่วแคว้นแดนสยามฯ

. ลุกลามภัยยาบ้า..............................ระบาด
มิหมดคนมุ่งมาด..............................ขายค้า
ยาเสพย์ติดเนืองอนาถ......................เพิ่มหลาก
ยากกำจัดตราบถ้า............................คนไร้คุณธรรมฯ

. หลามปัญหาการบ้าน........................การเมือง
ก่อปฏิวัติเนืองๆ................................เกินแก้
ประชาธิปไตยไป่ประเทือง..................เพราะติด-
ขัดที่ความคิด(ของคน)แล้..................ฉลฉ้อสามานย์ฯ

๖. ดักดานความคิดแม้...........................ศึกษา
จบระดับปริญญา...............................(จาก)ต่างด้าว
คำนึงแต่เงินตรา................................ผลประโยชน์
โฉดฉลกระมลห้าว.............................โกงบ้านกินเมืองฯ

. มโนธรรมจำเริญได้...........................ในใคร
เพราะสุจริตจิตใจ...............................เพริศแพร้ว
มิเกี่ยวกับชาติปัจจัย............................กำเนิด
มีสมองเลิศก็แล้ว................................ก็ไร้ความดีฯ

๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๐

วันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2560

แล้วจะนอนหลับสบาย : กาพย์ยานี๑๑



แล้วจะนอนหลับสบาย : กาพย์ยานี๑๑

๏   ยอมรับ และเข้าใจ...................ในธรรมชาติ ของชีวิต
สัจจริง=สิ่งไม่ผิด......................อย่ามัวคิด ปิดป้องขืน

๏   ปราศจาก ความจีรัง.................ทุกสิ่งอย่าง ไม่ยั่งยืน
(จาก)เคยเห็น กลายเป็นอื่น.........อนิจจะดื่น คือพื้นฐาน

๏   ทุกข์โศก แลโรคภัย.................ความเจ็บไข้ ให้รำคาญ
ต่างพบ ประสบพาน...................ตลอดชีพวาร ตราบบรรลัย

๏   อยู่เย็น อย่างเป็นสุข.................ปราศจากทุกข์ หามีไม่
เวรกรรม ดำเนินไกร...................หัดทำใจ ให้จำนน

๏    ทุกอย่าง ต่างแปรเปลี่ยน..........อย่าผัดเพี้ยน ไร้เหตุผล
แม้แต่ ตัวของตน.......................ก็บ่พ้น กลสัจจา

๏    ความจริง ของชีวิต..................พันผูกติด กับปัญหา
จงคิด พิจารณา.........................เรื่องธรรมดา ต้องเคยชิน

๏   สิ่งที่ เป็นไปได้........................จึงควรใคร่ ใฝ่ถวิล
(สิ่งใด)เป็นไป ไม่ได้ดิ้น-.............รนค้นหา->อนาทร(อนาทร=ร้อนอกร้อนใจ)

๏   ยอมรับ และเข้าใจ....................แล้วจะได้ ไม่เดือดร้อน
สิ้นเศร้า ยามเข้านอน..................(ย่อม)นอนหลับง่าย สบายเอยฯ

๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๐

ความโลภของคนเข้าวัด : กลอนคติสอนใจ



ความโลภของคนเข้าวัด : กลอนคติสอนใจ

๏    พระโลภ ชวนชน มาทำบุญ.....................บริจาค(เงิน)หนุน พระพุทธ (ธะ)ศาสนา
ผลจะช่วย รวยด้วย เงินตรา.......................ยศถา บรรดาศักดิ์ สุขสบาย

๏    คนโลภ-คนคด-โฉดฉล..........................และคน เกียจคร้าน มักง่าย
ต่างนำ เงินตรา มาถวาย...........................มุ่งหมาย ร่ำรวย ด้วยศรัทธา

๏    (หลง)เชื่อโดย ไม่ต้อง พิสูจน์.................เพราะ(พระ)พูด ถูกใจ ไร้กังขา
ไม่สอบ ถามถึง ที่มา................................ไม่ตรึก ศึกษา ธรรมวินัย

๏    คดโกง เป็นร้อย-พันล้าน........................ทำบุญ ทำทาน พัน-หมื่นให้
ออกหน้า ออกตา ว่ายิ่งใหญ่.......................เป็นคน ใจบุญ สุนทาน

๏    ส่งเสริม กิเลส ตัณหา.............................ศาสนา อะไร? ให้สงสาร
ทำบุญ จุนคน สามานย์..............................ผลทาน จะได้ เท่าไรกัน?

๏    โดยเฉพาะ เงินที่ โกงมา.........................ไม่ควร คิดว่า (เป็นเงิน)ของฉัน
ล้วนคือ เงินเขา เท่านั้น..............................ให้ปัน ทานไป คงไร้บุญ

๏    ประพฤติธรรม (มุ่ง)กำจัด อาสวะ................ชำนะ กิเลส เฉทสุญ
ไร้กิเลส ตัณหา=ไร้อาดุร.............................พิบุล คุณงาม ความดี

๏    คือหลัก พระพุทธ (ธะ)ศาสนา....................สัมมา กระทำ กรรมวิถี
คนทำ ความดี ย่อมได้ดี...............................คนที่ ทำชั่ว ได้ชั่วเอยฯ

๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๐

วันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ทำบ่อยๆ : กลอนคติสอนใจ



ทำบ่อยๆ : กลอนคติสอนใจ

๏    สมอง แต่ละส่วน ล้วนต่างมี...................หน้าที่ สร้างสรรค์ ภารประสงค์
เส้นใย ประสาท ดาษดำรง.......................เชื่อมโยง ตรงต่อ ก่อกิจกรรม

๏    กิจใด กระทำ ประจำบ่อย.......................เส้นใย ประสาทพลอย พิพัฒน์ล้ำ
เชื่อมต่อ ใกล้ชิด กิจแม่นยำ......................เป็นธรรม (มะ)ชาติที่ มีคู่คน

๏    กิจกรรม์ อันใด ไม่ทำบ่อย......................เส้น(ใย)ประสาท ค่อยๆ น้อยส่งผล
จุดเชื่อม ต่อห่าง อย่างชอบกล..................คือหน ทางคิด พินิจพิจารณ์

๏    ยิ่งทำ ความดี ยิ่งปรีชา..........................ยิ่งนำ งามสง่า แลกล้าหาญ
ยิ่งทำ กรรมบาป หยาบชำนาญ..................สามานย์ เหี้ยมโหด โฉดฤดี

๏    เว้นว่าง ทางกุศล ดลติดขัด....................ปฏิบัติ ปัดปอง พร่องวิถี
เว้นว่าง อกุศล กระมลมี............................โสภี วิสุทธิ์ วุฒากร(วุฒากร=วุฒ+อากร)

๏    อยากเลิก นิสัย ไม่ดี ; จง.......................มั่นคง เลิกทำ นำไถ่ถอน
อยากมี นิสัย ใดบวร.................................จงย้อน ทำซ้ำ ทำบ่อยไป

๏    หลักกรรม ธรรมดา ชีวามนุษย์.................เป็นจุด เริ่มต้น หนทางใส
รักษา ศีลธรรม ดำเนินไกร.........................อบรม จิตใจ ไคลมลทิน

๏    วันหนึ่ง ข้างหน้า ย่อมมาถึง.....................วันซึ่ง อกุศล หลุดพ้นสิ้น
กิเลส ตัณหา เหล่าราคิน............................ลับล่วง ดวงจินต์ วิญญาณเอยฯ

๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๐

ต่างจิตต่างใจ : กลอนคติสอนใจ



ต่างจิตต่างใจ : กลอนคติสอนใจ

๏   ถึงครา หน้าฝน......................ถึงคราว ผักผล (ละ)ไม้สวย
ตลาด ดาษด้วย.......................ทวยแม่ ค้ามา ขายขัน
ร้องเรียก ลูกค้า.......................ที่เดิน ผ่านมา จ้าละหวั่น
หญิง-ชาย หมายมั่น.................ซื้อหา อาหาร กันไป

๏    ตลาด ตอนเช้า.....................คึกคัก คนเฒ่า คนแก่
น้อยต่อ ก็แต่..........................หนุ่ม-สาว แล สะ หน้าใส(สะ=สวย)
ต่างจาก (ตลาด)ตอนเย็น..........พลุกพล่าน ลานเห็น เป็นไร?
ยากวิ นิจฉัย...........................(เพราะ)จิตใจ คนคือ สนธยา

๏    ต่างจิต ต่างใจ......................ต่างไป ในแต่ ละคน
ต่างกัน เสียจน........................กระมล เหมือนกัน=ฝันหา
สังคม สมคู่.............................ต้องลู่ กฎลด อัตตา
เห็นแก่ ตัวกล้า........................(มักต้อง)เลิกรา ; อย่าเอา แต่ใจ

๏   มองความ แตกต่าง.................เยี่ยงอย่าง สิ่งที่ จริงเป็น
มิอาจ มาดเน้น.........................มิเว้น ถ้อยที ถ้อยอาศัย
มิเบียด เบียนกัน.......................(ย่อม)มิหวั่น เทวษ เภทภัย
มิฉล ฉ้อใจ..............................มิต้อง ร้องไห้ ระทม

๏   เพราะคน คิดต่าง....................และต่าง ต้องการ เกินเหตุ
คอยก่อ เกิดเภท.......................ปฏิเสธ เหตุผล กลสม
สุดท้าย จึงต้อง........................สร้างเกราะ ป้องกัน(ตัวเอง) วิกรม
เสริมสร้าง สังคม......................นิยม หน้ากาก อยากใส่กันฯ

๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๐

วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2560

บ่อเกิดกรรมดีกรรมชั่ว : กาพย์ยานี๑๑



บ่อเกิดกรรมดีกรรมชั่ว : กาพย์ยานี๑๑

๏   บ่อเกิด แห่งกลางวัน.....................คือสุริยัน เสกสรรค์แสง
ข้าม(ขอบ)ฟ้า มาสำแดง..................แปลงโลกหล้า ประภาประไพ

๏   (เมื่อ)สุริยา อัสดงคต.....................แสงมอดหมด แรงลดใส
ความมืด ยึดครองไคล.....................ทำให้เห็น เป็นคืนค่ำ

๏    บ่อเกิด แห่งความดี......................คือใจที่ มีมโนธรรม
กุศล ดลก่อกรรม............................คุณความดี โสภีสม

๏    บ่อเกิด ของความชั่ว.....................(คือ)ใจเมามัว ชั่วโสมม
หยาบช้า มนารมณ์..........................ระดมทำ กรรมอกุศล(มนารมณ์=มน+อารมณ์)

๏    รู้ซึ้ง ถึงที่มา................................ให้รักษา หทัยตน
มากมี งามวิมล...............................เป็นต้นทาง สร้างกรรมดี

๏   รักดี มีศีลส่ำ.................................มโนธรรม ค้ำวิถี
สุขเกษม แสนเปรมปรีดิ์....................ตลอดชีวี นิรันดร

๏    กรรมดี สิทำให้............................สบายใจ ไม่ทุกข์ร้อน
ก้าวหน้า สถาพร.............................ทั้งหน้าที่ และสังคม

๏   ชาตินี้ ได้ดีแล้ว.............................ไม่คลาดแคล้ว ชาติหน้าสม
ผลดี ใดนิยม..................................อุดมเกิด ประเสริฐเอยฯ

๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๐

อะไรก็ไม่สำคัญเท่า : กลอนคติชีวิต



อะไรก็ไม่สำคัญเท่า : กลอนคติชีวิต

๏    ไม่สำคัญ หรอกว่า มีอะไร....................ถึงต่อให้ (มี)คฤหาสน์ ปราสาทหรู
หรือทรัพย์สิน เงินทอง กองเท่าภู-............เขา;ที่อยู่ ที่กิน เกินจินตนา

๏    ไม่สำคัญ หรอกว่า จะรูปงาม.................มีคนตาม สรวลเส สิเน่หา
มีแฟนสวย รวยปาน จากชั้นฟ้า.................ชนชื่นชู บูชา เชิดบารมี

๏    ไม่สำคัญ หรอกว่า จะมีสุข....................ชีวะสนุก ทุกข์ไร้ ประไพศรี
ปรารถนา อะไร ในปัถพี...........................ก็ได้-มี สมมาน บันดาลดล

๏    ไม่สำคัญ หรอกว่า ชื่ออะไร...................ชาติตระกูล จรูญไกร ก็ไร้ผล
การศึกษา ปริญญา จากสากล...................ฉลาดค้ำ ล้ำคน ล้นรุ่งเรือง

๏    ไม่สำคัญ หรอกว่า เป็นอะไร..................ตำแหน่งใหญ่ ยศศักดิ์ อัครเขื่อง
มากอำนาจ วาสนา พลาเนือง...................ชื่อเสียงเฟื่อง เรื่องชื่อ ร่ำลือชา

๏    เมื่อมรณา มาเยือน เคลื่อนคติ................สิ่งใดสิ ตามไป ในภพหน้า?
สิ่งที่เป็น-เห็น-มี เปรมปรีดา......................ล้วนทิ้งไว้ ในโลกา=อันตรธาน

๏    บุญบาปกรรม ทำไว้ ในชีวิต...................ต้องตามติด กรีดกราย ในสังสาร
ชั่ว-ดีผูก ถูก-ผิด อดีตกาล........................คือรากฐาน ภวันดร ห่อนเบี่ยงเบน(ภวันดร=ภพหน้า)

๏    สรุปว่า การกระทำ สำคัญสุด...................พา(ไป)เกิดผุด ภพชาติ ชีวาตม์เห็น
วิบากกรรม นำไป ให้มี-เป็น.......................พบลำบาก ยากเข็ญ/เป็นสุขเอยฯ

๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๐

วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2560

คำอธิษฐาน : กลอนจรรโลงใจ




คำอธิษฐาน : กลอนจรรโลงใจ

๏   ทักษิณา พระพรหม และยมราช........................อภิวาท พุทธะ พระอรหันต์
เทวดา ผู้ครอง ผองไกวัล..................................สิ่งศักดิ์ สิทธิ์อัน บาลโลกา

๏   โปรดตรับ รับคำ ขอนำกล่าว............................เรื่องราว สิ่งสัจ ตัดมุสา
ด้วยความ ซื่อตรง ทรงอุรา................................ศรัทธา สุจริต นิจนิรันดร์

๏    ข้าฯพร่ำ บำเพ็ญ เป็นกิจจะ.............................อุตสา หะเจียร เพียรกวดขัน
ลดละ อกุศล พ้นโฉดกรรม์................................มุ่งมั่น กำราบ บาปมลทิน

๏    มิได้ ใคร่ครอง ผองอำนาจ..............................มิปรารถ (ถะ)นา ประดาสิน
มิหวัง เป็นใหญ่ ในแผ่นดิน................................มิจิน ตนา เหนือมนุษย์

๏    ดวงแด แลเฝ้า เคารพกฎ................................กรรมบถ พรตพาทย์ ศาสนาพุทธ
ปกครอง ป้องใจ ให้บริสุทธิ์................................มิหยุด มิยั้ง รั้งเพลา(เพลา=เวลา)

๏   ไม่ออก นอกลู่ สู่นอกทาง.................................ปล่อยวาง ทางโลกย์ โชควาสนา
มีความ มั่นคง ตรงมรรคา...................................อริยะ สัจจา เปี่ยมปรารมภ์

๏    หากว่า ข้าฯมี ความดีอยู่..................................แม้น(ว่ายังเป็น)ผู้ มีเวร เดนสะสม
(แต่)ปราศจาก บาปกรรม ทรามอุดม....................ศีลธรรม งามบ่ม วิกรมไกร

๏   ถึงข้าฯ ยังมี เหลือกิเลส....................................ปฏิเสธ ตัณหา ละหมดไม่
คงอยู่ อุปาทาน บงการหทัย...............................(ยัง)ติดใน ภพชาติ วัฏฏะมี

๏   ข้าฯขอ ไปเกิด ประเสริฐภพ...............................ประสบ โสภา โลกาศรี
เพื่อทำ บำเพ็ญ เว้นราคี.....................................ฤดี วิสุทธิ์ หลุดพ้น(วัฏสงสาร)เทอญฯ

๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๐

กามคุณ คุณ-โทษ : กลอนหก



กามคุณ คุณ-โทษ : กลอนหก

๏    รูป-รส-กลิ่น-เสียง-สัมผัส.................(คือ)กำหนัด อัตตา อาหาร
โลกีย์ วิสัย ไกรการณ์.........................บันดาล วัฏจักร ปักจร(การณ์=เหตุ)

๏    กามคุณ สุนทรีย์ ปรีติ......................โสตถิ วิภา สโมสร
สำนึก ตรึกตรา อาวรณ์........................หาได้ ไถ่ถอน รอนรา(รา=หยุด,เลิก)

๏    ครอบงำ อำนาจ มนัสแฝง.................กราดเกรี้ยว เรี่ยวแรง แสวงหา
(เป็น)ปกติ วิถี ชีวา.............................ประจำ โลกา ประจญ

๏    เพียงปราชญ์ เมธี วิสัย.....................จึงเห็น เลศนัย ภัยผล
กามคุณ บัญชา กระมล........................ชีวิน ดิ้นรน วนเวียน

๏    ยอมตน เยี่ยงทาส ศรัทธา.................มายา หลงใหล หมายเพี้ยน
ปราศจาก สติ วิเชียร...........................อวิชชา อาเกียรณ์ เจียรจินต์(อาเกียรณ์=เกลื่อนกลาด)

๏    เมื่อเห็น โทษทัณฑ์ ปัญหา...............ปัญญา ย่อมเปิด ประเสริฐสิน
เมื่อหมด ศรัทธา ชาชิน........................ย่อมเบื่อ ถวิล วิญญาณ์(วิญญาณ=ความรับรู้)

๏    เพียรพร่ำ กำจัด ปัดสวะ....................ฤดี อิสระ ผัสสา(ผัสสา=ผัสสะ)
บำเพ็ญ ปรมัตถ์ อัชฌา........................สุทธา สถิต จิตใจ

๏    เสพเพียง เพื่อมี ชีวิต.......................บ่ติด รสชาติ ขยาดไข
ประสบ สันติ นิรามัย............................อยู่ใน โลกา สถาพรฯ(นิรามัย=สุข,สบาย)

๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๐