ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ต้นไม้แห่งความรัก : กาพย์ยานี๑๑



ต้นไม้แห่งความรัก : กาพย์ยานี๑๑

    ลางคน ปลูกต้นไม้...............................มิทันไร (ก็)ตายอาสัญ
บางคน ยลอัศจรรย์...............................ดอกผลพลัน ละลานตา

    ต้นไม้ แห่งความรัก...............................ต้องตระหนัก พิทักษา
ทุ่มเท ทั้งเวลา.....................................วิริยะ เอาใส่ใจ

    รดน้ำ ความซื่อสัตย์...............................ปรนนิบัติ อัชฌาสัย
เจตตรง จำนงใน...................................ตลอดไป ตลอดกาล

    ใส่ปุ๋ย แห่งความดี.................................เมตตาปราณี มิหักหาญ
หัวใจ ให้บริบาล....................................หมั่นถนอม พร้อมพรั่งพลี

    ค้ำจุน ด้วยคุณธรรม...............................คอยอุปถัมภ์ ความสุขี
สุจริต จิตจารี........................................มีศีลธรรม นำครรลอง(จารี=ผู้ประพฤติ)

    หลีกเร้น เห็นแก่ตน................................ไร้เล่ห์กล ฉลโฉดผอง
มิขาด ตกบกพร่อง..................................ข้าวของใช้ ในชีวิต

    ต้นไม้ อาศัยดิน.....................................ชีวิน(คน) อาศัยเศรษฐกิจ
(ความ)จนยาก จักรอนริด.........................พิษรักให้ บรรลัยกัลป์

    ต้นไม้ คล้ายความรัก...............................ต้องฟูมฟัก อย่างแข็งขัน
(ยัง)ไม่พร้อม (จง)ยอมอดกลั้น..................คอยวันหน้า ค่อยหาเอยฯ

๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐


วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ความสำเร็จสมหวัง : กลอนเปล่า



ความสำเร็จสมหวัง : กลอนเปล่า

    แมงมุมถักทอเส้นใย
ทุ่มเทแรงกายแรงใจไปจนสุด
พยายามเอาใจใส่
ปรับปรุงแก้ไขในรายละเอียด

    เส้นใยบางเบา
ราวกับจะขาดเพียงเพราะลมหายใจ
กลับเหนียวแน่นแข็งแรง
แม้แต่แมลงตัวใหญ่ๆก็ยังดิ้นไม่หลุด

    เสร็จสรรค์ก่อนสายัณห์สมัย
เฝ้ารอต่อไปจนรุ่งสาง
แสงสว่างส่องเห็นก็แต่ใบไม้
เป้าหมายในฝันเป็นอันสะดุด
จำต้องทอดทิ้งใย ปล่อยไปไม่ยื้อยุด
แรงกายแรงใจยังไม่หยุด
รุดหาทำเลใหม่ ถักทอเส้นใยไม่จำนน

    ความสำเร็จสมหวัง
เสมือนดั่งเป้าหมายในทุกชีวิน
ตราบหัวใจยังเต้นต่อไปไม่สุดสิ้น
ต่างก็ถวิลหวัง ว่าจะได้ดั่งหมาย
เมื่อประสบความล้มเหลว
มองดูความฝันนั้นพังทลาย
ท้าทายการตรองตรึก
มิให้รู้สึกผิดหวัง

    ลองมองโลกให้กว้างและไกล
มองไปให้ทั่วทุกชีวิต
จะสังเกตเห็นความเป็นอนิจจัง
เส้นทางระหว่างความพยายามและความสำเร็จสมหวัง
ยังคงแยกห่างและขนานกันเป็นส่วนใหญ่

    การประสบผลสัมฤทธิ์
ยังคงเสมือนสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์พิสดาร
เป็นธรรมดาของสรรพชีวี
คือวิถีที่มีมาตรฐาน
อย่าท้อแท้และวิตกสะทกสะท้าน
จงอุตสาหะ มุ่งมั่น ฟันฝ่าไปฯ

๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ความสุขทางใจ : กลอนคติชีวิต



ความสุขทางใจ : กลอนคติชีวิต

    ร่มไม้ ชายคา...............................เวลา แดดร่ม ลมตก
เพลงร้อง ผองวิหค..........................รื่นอก รื่นใจ ให้หรรษ์
สงบ ฤทัย.....................................พอใจ ในสัจ ปัจจุบัน
มิต้อง ปองฝัน................................สวรรค์ แสวง แปลงไกล

    ความคิด คนเรา.............................แต่เยาว์ ย่อมแจ้ง แสดงเห็น
สำคัญ การเล่น...............................มิเฟ้น ศึกษา หาใฝ่
ตามจิต จำนง.................................(คือ)หลักประสงค์ ของกิน ของใช้
ความสุข ทางใจ.............................ยิ่งใหญ่ อำนาจ อัชฌา

    เติบวัย ไม่เปลี่ยน...........................วนเวียน กระทำ ตามจิต
ดำเนิน ชีวิต...................................วิสิทธิ์ มุ่งมาด ปรารถนา
สนุก สุขสรร..................................เมามัน พิเคราะห์ (ความสุข)เฉพาะหน้า
ปฏิบัติ อัตตา.................................อย่างไร้ สาระ ค่านิยม

    แม้แต่ เลือกคู่................................ก็เพ่งดู แค่(รูป)งาม ความรวย
ชั่ว-ดี มิฉวย...................................เนื่องด้วย อวิชา สะสม
ทำลาย ธรรมชาติ............................(จน)โลกธาตุ ขาดความ อุดม
มโน โสมม....................................จ่อมจม กิเลส เกศกรอม

    ทำงาน ทำการ................................เกียจคร้าน รันทดท้อ ย่อหย่อน
คืนค่ำ สำส่อน.................................อดนอน ร่างกาย ไม่ถนอม
ชีวิต แสนสั้น..................................ยังใช้มัน แม้ไม่ ยินยอม
อุบัติเหตุ เภทห้อม...........................แวดล้อม ทุกวัน (จวบ)บั้นปลาย

    ความสุข ทางใจ..............................เรื่องใหญ่ ในจิต ใจคน
อยู่เหนือ เหตุผล..............................พิกล ข้ออ้าง ทั้งหลาย
ถูก-ผิด บิดเบือน..............................คลาดเคลื่อน-โง่เขลา-เมามาย
ล่วงล้ำ กล้ำกราย.............................เลวร้าย ทุจริต ผิดศีลธรรมฯ

๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ : กลอนคติสอนใจ




อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ หมายถึง
พิมเสนเป็นของหายาก มีมูลค่าสูงกว่าเกลือมาก
การเอาไปแลกกันในราคาเดียวกันย่อมขาดทุน
ความหมายคือ
คนดีไม่สมควร
ลดตัวลงไปต่อล้อต่อเถียงทะเลาะวิวาทกับคนชั่ว ต่ำทราม
ผลได้จะไม่คุ้มเสีย ไม่คู่ควรกัน

อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ : กลอนคติสอนใจ

    อันพฤติกรรม ธรรมดา ประสาสัตว์......................ย่อมประหวัด สัญชาตญาณ ชาญโฉดฉล
เปี่ยมกิเลส ตัณหา แน่นกระมล...........................ทุรดล ทุจริต จิตสามานย์(ทุรดล=ทุร+ดล)

    ปราศจากซึ่ง ศีลธรรม นำชีวิต...........................เห็นแก่ตัว หัวคิด แหนพิษฐาน
บ่รู้จัก จรรยา อัชฌาจาร.....................................สารพัดอยาก ดักดาน พาลวิธี

    ชอบเอาเปรียบ เหยียบย่ำ ทำผู้อื่น......................ให้ขมขื่น กำสรด หมดสุขี
มักก่อความ รำคาญ ราญราวี..............................สร้างบัดสี วิปริต ผิดครรลอง

    (จึงควร)ไม่คบหา สมาคม สมธรรมะ....................วิสาสะ ละได้ ไร้เศร้าหมอง
อยู่ให้ห่าง อย่าวางใจ ไกลเกี่ยวดอง....................ความคับข้อง ป้องกัน ได้ทันใด

    (เผชิญคนพาล)อย่าแสดง ความอ่อนแอ ให้แลเห็น.....ปัญญาเป็น อาวุธ สุดไสว
อย่าโกรธเคือง-เกรงกลัว มั่นหัวใจ.......................อดทน-ไม่ ประมาท องอาจมี

    เป็นธรรมดา คนพาล และบัณฑิต........................ใช้ชีวิต แตกต่าง ย่างวิถี
ฝ่ายหนึ่งทำ ความชั่ว มั่วราคี..............................อีกฝ่ายดี มีศีลธรรม เพริศอำไพ

    จึงไม่ค่อย เกี่ยวข้อง ท่องร่วมทาง.......................อาจมีบ้าง บางที เหลือวิสัย
(เมื่อ)ประสบสิ่ง แปลกแยก แตกต่างไกล..............เป็นปัจจัย ให้ต่าง ออกห่างกัน

    ผู้คบค้า คนพาล (หา)ใช่บัณฑิต..........................ร่วมทุจริต ชั่วช้า สมานฉันท์
ย่อมนับเป็น หนึ่งใน ไพร่พาลพันธ์.......................มีชีวัน อันสกปรก รกเรื้อเอยฯ

๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

วันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

หว่านพืชหวังผล : กาพย์ยานี๑๑



หว่านพืชหวังผล : กาพย์ยานี๑๑

    ลับฟ้า แล้วตาวัน.......................................ยังไม่ทัน ห้าโมง(เย็น)ครึ่ง(ตาวัน=ตะวัน)
ลมหนาว ราวรำพึง................................อึงคะนึง พัดระดม

    ตาวัน ครั้นยอแสง.................................โลกจำแลง แปลงสีสม
โสภี อธิคม..........................................รมย์รื่นพิศ พิจิตรา(อธิคม=การบรรลุ)

    คนเขลา เอาแต่ได้................................(ส่วนการ)เผื่อแผ่ให้ ไม่ปรารถนา
เรียกร้อง ข้อต้องตา...............................ร่ำโหยหา สิ่งต้องใจ

    ธรรมชาติ ของผู้คน................................เห็นแก่ตน ยลเป็นใหญ่
ที่เห็น อกเห็นใจ....................................คนอื่นไซร้ ไม่มากมี

    จึงเกิด การเอาเปรียบ..............................คอยเหยียบย่ำ ทำบัดสี
ปานตน เป็นคนที่...................................ไร้จริยสัตย์ ปราศศีลธรรม

    หว่านพืช เพื่อหวังผล..............................(ความคิด)คู่ใจ(บาง)คน จนเช้าค่ำ
ประดิษฐ์ คิดถ้อยคำ................................ย้ำว่ามี หนี้บุญคุณ

    ดวงแด เห็นแก่ได้...................................จะทำให้ ใจสถุล
แต่ถ้า ใครการุณย์...................................จะหนุนนำ ความสุทธี

    ผู้ให้ (โดย)มิหมายผล..............................เปี่ยมกระมล ล้นสุขี
เมตตา ความปราณี..................................มีอิทธิผล ล้นหลากเอยฯ

๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

วันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ความสำคัญของชีวิต : กลอนคติเตือนใจ



ความสำคัญของชีวิต : กลอนคติเตือนใจ

    นิศาคม ลมสงัด ทัศนีย์.............................แสงสุรีย์ สีสัน พรรณเฉิดฉาย(นิศาคม=เวลาจวนค่ำ)
โพยมยาม ค่ำคล้อย พร้อยเพริศพราย...........เมฆระบาย ลายวิจิตร พิศจรัล(โพยม=ท้องฟ้า,จรัล=เดิน)

    ต้นฤดู หนาวเย็น เล่นตลก.........................ชั่วครู่ร้อน ฝนตก ช่างผกผัน
พยากรณ์ อากาศ คาดไม่ทัน.......................ปรับเปลี่ยนกัน วุ่นวาย ไม่แน่นอน

    ชีวีชนม์ คนเรา (ก็)คาดเดายาก...................แม้ต่างอยาก มีสุโข สโมสร
ประสบความ สำเร็จ เจตกำจร......................แสวงหา อาวรณ์ (จน)ทุกข์ร้อนใจ

    แค่ความอยาก มากล้น มิดลดาล..................ก่อสำเร็จ เสร็จการ สำราญได้
ต้องวางแผน มีวิธี และวินัย.........................กำหนดหมุด จุดหมาย ให้ชัดเจน

    อีกต้องมี ความรู้-อุตสาหะ..........................การจึงจะ มิเดือดร้อน ย้อนยากเข็ญ
ความสามารถ-อดทน-คิดค้นเป็น...................ช่วยให้เห็น เส้นชัย ถึงปลายทาง

    ร้อยคนที่ พยายาม ทำการใหญ่....................จะมีไม่ เกินสิบ อาจหยิบย่าง
สู่สำเร็จ เสร็จสรรค์ แผนการวาง....................สมใจอย่าง ตั้งจิต พิจารณา

    (ทั้ง)ความล้มเหลว-สำเร็จ เจตจำนง..............ต่างธำรง พิบูล ทรงคุณค่า
เป็นบทเรียน เพียรรู้ สู่พัฒนา.........................หมั่นศึกษา จะก้าวล้ำ ค้ำชูชนม์

    (แต่)อย่าหมกมุ่น วุ่นวาย ใน(ความ)สำเร็จ.......จนเป็นเหตุ ลืมหลง แลส่งผล
ละเลยความ สำคัญ ชีวันตน...........................กำเนิดมา เป็นคน เพื่ออะไร?

๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ชีวีที่เลือกได้ : โคลงสี่สุภาพ



ชีวีที่เลือกได้ : โคลงสี่สุภาพ

๑. ลมหนาวหวนพัดห้อม..............................ธรณิน
เย็นเยือกยังกายิน-..................................ทรีย์สะท้าน(กายินทรีย์=กาย)
หมอกหนาวมัวกลบดิน.............................สรดื่น(สรดื่น=ตื่นใจ,เป็นพืดไป)
วันคืนดั่งเกียจคร้าน.................................เชื่องช้ายืดยาวฯ

๒. เครื่องกันหนาวเลือกได้............................มากมี
บางคนก่ออัคคี.......................................กรุ่นร้อน
พัตราอาภรณ์พี.......................................รูปแบบ
แทบทุกสิ่งสะท้อน..................................วิธีใช้ชีวันฯ

๓. เรื่องมากมายผ่านเข้า...............................มาหา
เลือกตามความปรารถนา...........................ได้ไม่
บันดาลสุข-ทุกขา....................................ประสบ
เลือกหลบเลี่ยงไม่ได้...............................สุดแท้แต่ชะตาฯ

๔. ทว่าการกระทำไซร้..................................ตอบสนอง
เป็นสิ่งสามารถปอง..................................เลือกได้
กรรมชั่วเกิดมัวหมอง................................ทุคติ
กรรมดีดาลดลให้.....................................สุขได้สถาพรฯ

๕. สิ่งที่ทำจะสะท้อน....................................ตัวตน
ลักษณะความเป็นคน................................บ่งชี้
นิสัย-สันดาน-มน.....................................แสดงส่อ
ต่อสายตาโลกนี้.......................................อย่างไร้กังขาฯ

๖. รัถยามิโรยด้วย.........................................กุสุมาลย์(รัถยา=ทาง,กุสุมาลย์=ดอกไม้)
ขรุขระคือสถานการณ์................................บ่อยครั้ง
ทางเลือกที่กันดาร....................................ติดขัด
อาจ(จำเป็นต้อง)ตัดสินใจทั้ง......................ที่ต้องฝืนตนฯ

๗. หมดหนทางเลือกนั้น.................................ไม่มี
การดำรงชีวี.............................................เลือกได้
เราอยากเป็นคนดี.....................................หรือชั่ว?
อยู่ที่ตัวเราไซร้.........................................สร้าง-รับสรรพผลฯ

๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

คนวิเศษ : กลอนจรรโลงใจ



คนวิเศษ : กลอนจรรโลงใจ

    เสียงฝีเท้า เหล่าใบไม้ หรือไรนั่น?....................วิ่งแข่งกัน กับสายลม ระบมหนาว
พฤศจิกาฯ ราตรี มีหมู่ดาว................................ส่องสกาว วาววับ งามจับใจ

    ความมืดมิด ขีดเขียน เกษียนสงบ.....................สุขประสบ ลบรอย พร้องด่างไร้(เกษียน=เขียน)
กลางคืนต่าง กลางวัน เฉกฉันใด.......................คนแตกต่าง ห่างไกล ได้เช่นกัน

    ผู้ซื่อสัตย์ มนัสวี ฤดีแกร่ง................................ความเข้มแข็ง แต่งเติม เหิมหฤหรรษ์(มนัสวี=ผู้มีใจเด็ดเดี่ยว)
ท่ามกลางหมู่ ทุรชน มลอนันต์..........................ยังมุ่งมั่น หยัดยง ทรงสัจจา

    ผู้ไม่เบียด เบียนใคร ใจเก่งกาจ.........................ทระนง องอาจ ปรารถนา
คนยิ่งใหญ่ ใจกว้าง มิร้างรา..............................เปี่ยมเมตตา ปราณี มีมโนธรรม

    ผู้เสียสละ เพราะกระมล ล้นบริบูรณ์....................อนาดูร ทูนเทิด เลิศอุปถัมภ์(อนาดูร=ไม่เดือดร้อน)
คนเผื่อแผ่ แลแบ่งปัน ธารณ์ประจำ.....................ย่อมล่วงล้ำ พ้นคับข้อง พร่องอำไพ(ธารณ์=สาธารณ์)

    ผู้ไม่เห็น แก่ตน กระมลประเสริฐ........................จิตบรรเจิด เพริศพรต งามสดใส
มิเอาเปรียบ เสแสร้ง กลั่นแกล้งใคร....................เดือดร้อนใจ ลำบาก ทุกข์ยากมาน

    ผู้รักษา ความดี มีจรรยา...................................เจตพิสุทธิ์ อุตสาห์ ตั้งพิษฐาน
แม้สังคม สมสั่ง พรั่งคนพาล.............................มิสะท้าน หวั่นไหว ใจอดทน

    ผู้หนักแน่น ในแก่นสาร ชาญชีวิต.......................รู้คุณค่า ประสิทธิ์ จิตกุศล
ย่อมพิทักษ์ ศักดิ์ศรี เยี่ยงวีรชน..........................นิรมล ล้นวิเศษ รมเยศเอยฯ(รมเยศ=รมย์)

๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

วันพุธที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

เผื่อเหลือเผื่อขาด : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



เผื่อเหลือเผื่อขาด : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    ...................................................เผื่อเหลือ เผื่อขาด
คือหลัก ธรรมชาติ.............................มาตรการ อุกฤษฏ์
เพื่อความ มั่นคง...............................ธำรง ชีวิต
วัฒนา ประสิทธิ์................................ตราบนิจ นิรันดร์

    ...................................................ต้นไม้ สะสม
แร่ธาตุ นานนม.................................อุดม เสกสรร
เก็บตาม ต้น-ใบ................................ผลไม้ ให้ปัน
สัตว์ป่า สารพัน.................................กินกัน สืบมี

    ....................................................น้ำท่า สะสม
ชลธาร อุดม.....................................สมบูรณ์ วิถี
ถึงครา หน้าแล้ง................................เหือดแห้ง นที
ดำรง ชีวี.........................................อยู่ได้ อย่างไร?

    .....................................................ร่างกาย คนเรา
กินอา หารเข้า...................................เหล่าที่ เหลือใช้
สะสม (เป็น)ไขมัน.............................ป้องกัน วันใด
อดอยาก จักได้.................................อาศัย พึ่งพา

    .....................................................สุขภาพ ร่างกาย
แข็งแรง ขวนขวาย.............................อย่าไม่ ประสา
อดกิน อดนอน..................................บั่นทอน กายา
ต้นเหตุ โรคา....................................พาเจ็บ ป่วยตาย

    .....................................................ทรัพย์สิน สมบัติ
เสาะแสวง แจงจัด..............................ประหยัด มาดหมาย
เก็บออม รักษา...................................เผื่อพยาธิ์ กล้ากราย
แก่เฒ่า เข้าสาย(เกินไป)......................ไร้แรง แสวงเอยฯ

๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

มีสิทธิอะไร? : กลอนคติชีวิต



มีสิทธิอะไร? : กลอนคติชีวิต

    นักสิทธิ มนุษยชน (หรือ)คนสิ้นคิด?.....................วิปริต วิตถาร มานสาไถย?
บ่รู้จัก ถูก-ผิด จิตจัญไร.....................................หลงฝังใจ ในสิทธิ์ ผิดศีลธรรม

    ถือสถุล คุณค่า คล้อยฝรั่ง..................................เชิดชูคน จนคลั่ง ช่างน่าขำ
ถึง(คน)จะโฉด ชั่วช้า เลวระยำ...........................ก็ตามค้ำ ตามประคอง ปกป้องคน

    อ้างสิทธิ ที่เหลวไหล ไร้ขอบเขต.........................ปฏิเสธ หลักยุติธรรม ตามเหตุผล
ช่วยผู้ร้าย อาชญากร ซ่อนเล่ห์กล........................ให้รอดพ้น ทัณฑ์อาญา สาสมกรรม

    (ผู้ทำ)ผิดกฎหมาย ซ้ำแล้ว แคล้วซ้ำเล่า................ถูกส่งเข้า คุกขัง ยังอุปถัมภ์
ร่วมรุมโทรม-ข่มขืน-ฆ่า ทารุณทำ.........................ยังแต่งคำ รำลึก (เหมือน)รู้สึกดี

    (ชอบอ้าง)"ไม่มีใคร มีสิทธิ์ จะฆ่าใคร"...................อ้างอะไร ให้คิดก่อน ย้อนวิถี
แล้วเหตุใด คนชั่่วโฉด โคตรอัปรีย์........................มันจึงมี สิทธิ์มา ฆ่าอื่นคน?

    หลักยุติธรรม ความหมาย ไม่รู้คิด..........................ความถูก-ผิด วินิจฉัย ให้สับสน
สร้างโลกสลวย สวยงาม ตามใจตน........................หลงหลุดพ้น สัจจริง=สิ่งมายา

    สิทธิผุด สุดโต่ง ส่งผลร้าย...................................เท่าให้ท้าย คนสามานย์ สร้างปัญหา
สังคมไทย จึงทวี คดีอาญา...................................เพราะ(คนชั่ว)รู้ว่า โทษเบา เท่าธุลี

    ไม่ช่วยแก้ ปัญหา อย่ามาเพิ่ม...............................คอยซ้ำเติม สังคม ซมโศกศรี
ถูกกระทำ ไร้ความสุข ทุกนาที...............................หรือคนดี ไม่มีสิทธิ์? อนิจจาฯ

๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

*เหี้ยมเกินคน! ลวงข่มขืน-มีดฟันมือ-ตัดนิ้วขาด
คดีสะเทือนขวัญสาวสติไม่ดีถูกลวงข่มขืน โดนทำร้ายสาหัสปางตาย!
ล่าสุด จับไอ้หื่นได้แล้ว ซ้ำยังยอมรับด้วยว่าเคยติดคุกมาแล้ว 3 ครั้ง! สังคมประณาม “เลวไร้ที่ติ”
นักสิทธิมนุษยชนเปิดใจกับทีมข่าว “ติดคุกไม่ใช่ทางออก” ถ้าไม่สร้างระบบครอบครัวให้แข็งแรง! 
From <https://mgronline.com/livelite/detail/9600000116821

วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

โลกเหลื่อมล้ำ : กลอนคติชีวิต



โลกเหลื่อมล้ำ : กลอนคติชีวิต

    ทรัพย์ใน แผ่นดิน สินในน้ำ................................คูณค้ำ เมืองไทย ไม่ขัดสน
อุดม สมบูรณ์ สุนทรดล.....................................เลี้ยงดู ผู้คน ได้ผลดี

    (หาก)มิละโมบ โลภมาก อยากเกินไป..................ตั้งใจ อุตส่าห์ หาวิถี
เชื่อว่า แม้ใคร ไม่มั่งมี.......................................ก็มี ชีวัน อันสุขสบาย

    ข่าวสาร บ้านเมือง เฟื่องทุจริต............................บรรลุ อุุกฤษฏ์ ผิดกฎหมาย
โฉดฉล มนตรี มิละอาย.....................................นักการ เมืองหลาย หมายโกงกิน

    พ่อค้า ประชาชน ร่วมกลกิจ................................ชื่นชู ทุจริต ทำนิจสิน
(อยาก)รีบมั่ง รีบมี เร่งชีวิน..................................ทรัพย์สิน สมบัติ อวดกาจกัน

    ต่างก็ กอบโกย โหยหาเงิน.................................เพลิดเพลิน ใช้จ่าย คล้ายกระสัน
มือของ ใครยาว สาวพัลวัน..................................ส่วนมือ ใครสั้น กันดารเดน

    สร้างความ เหลื่อมล้ำ ค้ำสังคม............................โสมม อดอยาก ลำบากเข็ญ
คนแค่ หยิบมือ คือผู้เป็น......................................ดั่งเช่น เจ้าของ จองปัถพี

    ผู้ไร้ สมบูรณ์ คุณสมบัติ......................................อัตคัด ขัดสน (อับ)จนวิถี
เหมือนสัตว์ เร่ร่อน คอนชีวี...................................ได้มี เพียงที่เดิน เผชิญชะตา

    ใครขาด เกียรติยศ และศักดิ์ศรี.............................ไม่มี เงินทอง มองไร้ค่า
เสี่ยงตาย ไปตราบ ดับชีวา....................................หาเช้า กินค่ำ ซ้ำซากเอยฯ

๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

*สาวเก็บของเก่าขายวัย 31 ปี ถูกพบในสภาพมือขวากำสายไฟ ถูกไฟดูดตายคาสะพานลอย
From <https://www.thairath.co.th/content/1130770

วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

เส้นแบ่งแห่งสุข-ทุกข์ : กลอนคติชีวิต



เส้นแบ่งแห่งสุข-ทุกข์ : กลอนคติชีวิต

    อากาศ เดี๋ยวเย็น เดี๋ยวร้อน.....................เดี๋ยวย้อน โปรยปราย สายฝน
กลางเดือน พฤศจิ กายน..........................ผ่านพ้น ต้นหนาว คราวฤดู

    นั่นแค่ คนคำ กำหนด.............................หาใช่ สัจพจน์ ปรากฏสู่
เส้นแบ่ง แห่งกาล ฤดู..............................มีอยู่ ไม่ถนัด ชัดเจน

    ธรรมชาติ สัจจา ชีวาพิศ..........................สุข-ทุกข์ ผูกติด สถิตเห็น
เคล้าคละ ระคน ปนเป็น............................ไม่เด่น เส้นแบ่ง แห่งใด

    บ่อยครั้ง ยังมี ความสุข............................แต่ทุกข์ รุกราน หวั่นไหว
หลายครัน ปัญหา คาใจ............................ก็ได้ โชคดี คลี่ดล

    บางที มีความ สำเร็จ...............................ตั้งเจต เสร็จพาน สนานผล
กลับประสบ พบสรรพ อับจน......................ต้องทน ทุกข์เผ็ด เวทนา

    เรื่องเก่า เศร้ากล้ำ กำสรด........................เรื่องใหม่ ร้ายจรด จ่อหา
เรื่องดี ปรีดิ์เปรม เกษมมา..........................บางที มีมา มากกว่าเดิมฯลฯ

    เอาแน่ เอานอน ได้ไม่.............................มีเสีย มีได้ ไสเสริม
มิควร กำเริบ เหิมเกริม..............................(หรือ)แต่งเติม เวทนา อารมณ์

    ทุกอย่าง ต่างมี เหตุผล............................ดลกรรม จำเพาะ เหมาะสม
จงทำ ความดี วิกรม..................................จะชม ชื่นชัย ไม่คลาดเอยฯ

๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

จงเข้มแข็งและพากเพียรเรียนรู้ : กลอนคติชีวิต



จงเข้มแข็งและพากเพียรเรียนรู้ : กลอนคติชีวิต

    ในบางครั้ง คนเรา ก็เขลาคิด........................เพราะฟั่นเฟือน/หลงผิด/จิตฟุ้งซ่าน
ทำสิ่งที่ มิควร สวน(วิถี)อาจาร........................(จง)รู้จักเก็บ ประสบการณ์ ปานบทเรียน(อาจาร=จรรยา)

    ความเจ็บไข้ ได้ป่วย ด้วยโรคา......................มักจะพา กระทำ กรรมผิดเพี้ยน
บังเกิดสิ่ง เสียหาย ให้ติเตียน..........................เป็นอนิจจัง บังเบียน เจียรโลกา(เจียร=ช้านาน)

    ความล้มเหลว เพราะทราม ความสามารถ........คือธรรมชาติ ชีวิต ชวนอิดหนา
(คุณสมบัติ)สิ่งที่มี ที่เป็น เช่นชะตา..................ของเวรกรรม ตามมา ตราชีวี

    สิ่งแวดล้อม สังคม อุดมฤทธิ์.........................เสริมโภคี/วิกฤติ ผลิตวิถี
หนุนบรรลุ เป้าหมาย มากมายมี.......................และขัดขวาง ทางที่ สิพัฒนา

    ความพลั้งเผลอ เผยอเภท เหตุผิดพลาด..........ความประมาท=ปัจจัย ให้ปัญหา
ความมักง่าย มักได้รน ผลทุรา.........................ขาดสติ สินำพา พิบัติภัย(ทุร-=ยากลำบาก)

    เกิดมามี ชีวิต เช่นติดกับ...............................จำยอมรับ กับสัจจะ อัชฌาสัย
เมื่อยังมี เวรกรรม ตามติดไป...........................ต้องชดใช้ ให้หมด กฎแห่งกรรม

    ความเข้มแข็ง ของใจ ช่วยให้อยู่.....................ไร้ระย่อ ต่อสู้ อุปสรรคสำ
ความใส่ใจ ไม่ทุจริต ผิดกระทำ........................จะน้อมนำ จำเริญ เพลินภิรมย์

    จงพากเพียร เรียนรู้ มุพัฒนา..........................จึงจะมี ชีวา สุขะสม
คนไม่ยอม เรียนรู้=ผู้โง่งม...............................ไม่พัฒนา พาจม ตรมตรอมจินต์ฯ

๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

อย่าดิ้นรนจนทรมาน : กาพย์ยานี๑๑



อย่าดิ้นรนจนทรมาน : กาพย์ยานี๑๑

    เหนื่อยนัก ลองพักผ่อน.....................ล้มตัวนอน ลงหลับฝัน
วิถี ของชีวัน.....................................ดิ้นรนนั้น มันวุ่นวาย

    มีเรี่ยว มีแรงสู้.................................ค่อยมาดู บรรลุ(เป้า)หมาย
ดี-งาม มิทำลาย................................ความเฉิดฉาย ของคุณธรรม์

    ความโลภ ละโมบมาก.......................สร้าง(ความ)ลำบาก ยุ่งยากผัน
แรงอยาก กระชากดัน.........................แสวงสิ่งอัน มิจำเป็น

    ราคะ ละลดได้.................................ร่มรื่นใจ ทันใดเห็น
ดุจจันทร์ วันผ่องเพ็ญ.........................เร้นมลทิน ถมจินดา

    บรรดา ค่านิยม.................................(ของ)สังคมที่ มิประสา
ปล่อยไป ไม่นำพา.............................เอาปัญญา เป็นอาภรณ์

    พอใจ ในสิ่งที่..................................เป็น-ได้-มี มิเดือดร้อน
ไม่หา ห่วงอาวรณ์..............................ทอนสันติสุข ทุกข์ทรมาน

    ศีลธรรม นำความคิด..........................เสริมประสิทธิ์ วิจิตรศานติ์
สมดุล แห่งบุญทาน............................(กับ)การเก็บออม น้อมสุนทรีย์

    ปัญหา และอุปสรรค...........................ใจประจักษ์ หลักวิถี
ธรรมดา โลกามี..................................มิกังวล ชนม์ชาญเอยฯ

๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐