ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560

เสียชาติเกิด : กลอนแปด



เสียชาติเกิด : กลอนแปด


    หากเกิดมา คิดหา แค่ความสุข....................ความสนุก สนาน สิ่งหรรษา
ยึดถือมั่น ฉันท์หมาย ในอัตตา........................บ่ถือสา ถ้าใคร บรรลัยเป็น

    เพียงเพื่อผล ตนได้ แค่ปลายก้อย................คนอีกร้อย สร้อยเศร้า ล้านเท่าเห็น
ยังกระหยิ่ม ยิ้มได้ อย่างใจเย็น........................ดั่งเฉกเช่น เร้นจิต พิจารณา

    ทำร้ายชาติ บ้านเกิด แลเมืองนอน................ให้ราญรอน ขัดแย้ง แสวงหา
ชวนฝรั่ง ต่างชาติ อาชญา..............................เชิญเข้ามา กอบโกย โดยยินดี

    กระทำตัว ชั่วช้า น่ารังเกียจ..........................เฝ้าเบียนเบียด สาธารณ์ ปานภูตผี
ใครจะทุกข์ ระทม ตรมชีวี...............................ขอแค่(กู)มี ความสุข ก็ถูกใจ

    หลักศีลธรรม ความดี รี่ดูแคลน......................รักแนบแน่น มิจฉา มุ่งสาไถย
ล้นความโลภ-ร้าย-หลง จำนงใน.......................ทุจริต จิตใจ จัญไรชาญ

    เกิดมาแล้ว (ไม่ทำให้)โลกา บ่เจริญ................ยังเผชิญ พิบัติ สารพัดผลาญ
ชาติกำเนิด เริดลั่น เลวสันดาน..........................เป็นอันธพาล หาญหัก ทักขิไณย(เริด=ค้างอยู่,
ทักขิไณย=ผู้ควรแก่ทักขิณา)

    อยู่ก็ยัง รัง(แต่)ให้ โลกไร้สงบ.......................สังคมประสบ วิกฤติ วินิจฉัย
มีแต่คน สาปแช่ง แสร้งเอาใจ...........................ความจริงอยาก ให้ตาย ในเร็ววัน

    เสียชาติเกิด อยู่ไป ก็ไร้ค่า.............................จงเร่งไว ตายห่า ประชาหรรษ์
คนบัดซบ บัดสี คงชีวัน....................................โลกจึงไม่ สุขสันติ์ คับขันเอยฯ

๓๑ มกราคม ๒๕๖๐

วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560

อย่า(ให้)อายหมา : กาพย์ยานี๑๑



อย่า(ให้)อายหมา : กาพย์ยานี๑๑


    คนบ้า ไม่อาบน้ำ.........................หมาคำราม ตามไล่เห่า
แลเห็น เหม็นคนเมา........................ก็เห่าหอน สลอนมี

    แต่งตัว แปลกประหลาด................หมาเกรี้ยวกราด หมายกัดปรี่
เพราะหมา มองท่าที........................แยกคนดี จากคนร้าย

    เด็กๆ ควรวิริยะ............................หมั่นรักษา (ความ)สะอาดกาย
เดินเหิน ให้ผึ่งผาย..........................สง่ากาย อย่า(ให้)อายหมา

    หมั่นเพียร ใฝ่เรียนรู้.......................มุ่งเป็นผู้ มีวิชา
จดจำ หลักตำรา..............................จะฉลาด มิขลาดเขลา

    คุณธรรม ความรู้คิด.......................คุ้มครองชีวิต ของคนเรา
ละชั่ว ไม่มัวเมา...............................ทางบรรเทา เบาปัญหา

    สุขภาพ สิ่งสำคัญ..........................เหตุสุขสันติ์ หรรษ์ชีวา
เลือกเฟ้น เล่นกีฬา...........................ปราศโรคา พาสุขี

    เด็กดี และฉลาด...........................ไม่(ตก)เป็นทาส  เทคโนโลยี
รู้(จัก)ใช้ ให้พอดี..............................ไม่เสียที เสียอนาคต

    วิทยา น่าสนใจ..............................มีมากมาย เรียนไม่หมด
ศึกษา อย่าละลด...............................อดทนเพียร เธียรชีพเทอญฯ(เธียร=ฉลาด,มั่นคง)

๓๐ มกราคม ๒๕๖๐

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2560

ความเป็นมนุษย์ : กาพย์ฉบัง๑๖



ความเป็นมนุษย์ : กาพย์ฉบัง๑๖


    นกกาหากินบินไกล................เช้า(ออก)จากรังไป
จนค่ำจึงได้คืนมา

    ทุกวันขยันขันหา..............บ่เบื่อระอา
แม้ว่าเหนื่อยยากเพียงใด

    คนคิดว่าตนยิ่งใหญ่................วิวัฒนาการได้
จนไม่ใช่สัตว์ดิรัจฉาน

    ควรต้องมุ่งมั่นการงาน................อย่าเครียดเกียจคร้าน
สร้างสานประณีตผลิตผล

    ให้สมกับ(การ)เกิดเป็นคน................มีดวงกระมล
อดทนอดกลั้น(ได้)เกินบรรยาย

    ทรงสติปัญญาหลากหลาย................สิ่งยากมากมาย
สามารถคลี่คลายได้เสมอ

    ทักษะเปี่ยมล้นท้นเอ่อ................ที่หาไม่เจอ
จากสัตว์ไหนๆในโลกนี้

    จงใช้ให้เลิศเพริศพลี..............ก่อกรรมทำดี
มากมียิ่งๆขึ้นไป

    พร้อมกับปรับปรุงแก้ไข................พัฒนาตนให้
ก้าวหน้าต่อไปไร้สิ้นสุด

    สมควรเรียกหาว่า "มนุษย์"................ผู้จำเริญผุด
พร้อมคุณวุฒิอุตส่าห์เทอญฯ

๒๙ มกราคม ๒๕๖๐

วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2560

โวยลั่นนาซาตัดภาพสดจากสถานีอวกาศ เชื่อจงใจปกปิดยานมนุษย์ต่างดาว/NASA Cuts live feed from ISS just after Another Appearance of UFO



โวยลั่นนาซาตัดภาพสดจากสถานีอวกาศ เชื่อจงใจปกปิดยานมนุษย์ต่างดาว

เพราะคนด้อยพัฒนา : โคลงสี่สุภาพ



เพราะคนด้อยพัฒนา : โคลงสี่สุภาพ


๑. ป่าสงวนถูกรุกล้ำ............................หดหาย
ป่าชุมชนถูกทำลาย.........................ทั่วแล้ว
(ขโมย)สาธารณสมบัติขาย...............คือประกาศ
ความเป็นชาติปราศแผ้ว...................ย่อมไร้พัฒนาฯ(แผ้ว=สะอาด)

๒. ชินชามาตั้งแต่...............................เยาว์วัย
การพัฒนาห่างไกล.........................อ่อนด้อย
มองเห็นชาติใดๆ.............................สุขสวัสดิ์
สารพัดของใช้สอย..........................เลิศสร้างต่างแดนฯ

๓. ปัจจุบันแดนดินนี้............................พัฒนา?
บนถนนแน่นรถรา............................ขัดข้อง
อุปกรณ์ไอทีพา..............................กันแห่ หามี
ปรี่ตึกรามบ้านช่อง..........................ปลูกสร้างสวยงามฯ

.รุกลามสิ่งแวดล้อม...........................ทำลาย
ธรรมชาติสาบสูญหาย......................แทบสิ้น
นานาพิบัติกราย..............................ปรากฏ
ความรันทดแดดิ้น...........................แพร่พื้นปัถพีฯ

. สารเสพย์ติดทวีล้น..........................พารา
เยาวชนหลงกามา............................(คลอด)ลูกทิ้ง
คุณภาพการศึกษา...........................ตกต่ำ
ขาดศีลธรรมกลอกกลิ้ง.....................แม้แต่พระ-เณร-ชีฯ

๖. ฤดีสำนึกไร้.....................................ธรรมา ภิบาล
ทุจริตเป็นปัญหา..............................เถื่อนท้น
ความประพฤติจรรยา.........................วิกฤติ
วิปริตอาชญาล้น..............................ทั่วบ้านธารณ์เบือนฯ

. เสมือนวัตถุเท่านั้น............................พัฒนา
แต่ความคิด-จิตประชา.......................เสื่อมด้อย
ขาดคุณธรรมศรัทธา..........................สถิต
ชีวิตครวญคิดคล้อย...........................คล้ายสัตว์ดิรัจฉานฯ

๒๘ มกราคม ๒๕๖๐

วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560

ชีวิต-ความฝัน : กลอนหก



ชีวิต-ความฝัน : กลอนหก


    ครันนิทรา คราชื่นชม........................เพลินภิรมย์ เพลงลมหนาว
พัดใบไม้ กรายเกรียวกราว....................แข่งกับดาว คราวราตรี

    สงบจินดา มาสุบิน...........................ชุบชีวิน ต่างถิ่นที่
หลากเหตุการณ์ ลานปรัศนี...................ถึงที่มา ปรากฏการณ์

    หลับแต่กาย ใจยังตื่น........................คักคักครื้น ฟื้นฟุ้งซ่าน
ละครระบิล แห่งวิญญาณ......................ช่างพิสดาร เหลือกระไร

    แต่ความฝัน ก็คือฝัน..........................จะแปรผัน เป็นจริงไม่
หากประสงค์ ให้สมใจ...........................ต้องตื่นไป ทำให้เป็น(จริง)

    ทุ่มสติ ทวีปัญญา..............................สู้จนกว่า จะได้เห็น
อดทนใฝ่ อย่างใจเย็น............................อย่าทำเล่น เช่นทารก

    แม้ทำได้ หมายพัฒนา........................แม้คลาดคลา อย่าวิตก
มีมากหลาย อย่าใคร่งก..........................ไร้..อย่าโศก เศร้าอกตรม

๏    ดูดีๆ ชีวีนั้น.......................................มิต่างกัน กับฝันสม
สิ่งดำเนิน เพลินนิยม...............................ต่างล้มหาย ตายจากจร

    ถึงตัวเรา ก็เฒ่าแก่...............................ความจริงแท้ แม้สิงขร
ต้องผุพัง อย่างแน่นอน............................บทกลอนนี้ ไม่จีรังฯ

๒๗ มกราคม ๒๕๖๐

วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2560

สุจริตจิตใจ : กลอนจรรโลงใจ



สุจริตจิตใจ : กลอนจรรโลงใจ


    เมื่อกิเลส เบาบาง........................จิตก็ เริ่มว่าง และสงบ
อุระ ปรารภ.....................................คิดขบ พสุ เพียงกุศล(พสุ=ดี,ประเสริฐ)
ระอา โลกีย์....................................ละลด วิถี ปุถุชน
ร่างกาย เป็นคน...............................จิตใจ ล่วงพ้น ธรรมดา

    มิเห็น แก่ตัว................................ย่อมไม่ เมามัว ชั่วหยาบ
เสพอิ สรภาพ.................................ทอดบาป ทุจริต มิจฉา
มิเห็น แก่ได้...................................ย่อมไม่ ต้องการ ทำมารยา
เสแสร้ง มุสา..................................ให้เปลือง ปัญญา ท่าทาง

    จิตใจ สุจริต.................................จะปิดกั้น มานมลทิน
โสภา ประทิน..................................เหม็นกลิ่น คดโกง โครงสร้าง
พิสิฐ กิจกรรม..................................ดีเลิศ เพริศพร่ำ มิอำพราง(พิสิฐ=ประเสริฐ)
สาไถย ไคลห่าง...............................มโนธรรม สำอาง สังวร(สังวร=สำรวม)

๏    สะอาด วัฒนา...............................มนา ผละพ้น มลทิน
สุธี ชีวิน...........................................สุขิน ภิญโญ สโมสร(สุธี=ผู้มีปัญญา,ภิญโญ=ยิ่งขึ้น)
อาศัย โลกา......................................ก็เหมือน โอฬาร์ ฟ้าอมร
วิบูล สุนทร........................................วิจิตร พิสมร พรชัยฯ

๒๖ มกราคม ๒๕๖๐

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560

สุขได้แม้ไม่รวย : กลอนเจ็ด



สุขได้แม้ไม่รวย : กลอนเจ็ด


    บ่ทัน สุริยน  พ้นขอบฟ้า........................ปักษา ก็ผิน โผบินหาย
ออกจาก รวงรัง มิยั้งกาย..........................เป้าหมาย อิ่มท้อง ป้องชีวี

    ไม่เคย สะสม ทรัพย์สมบัติ....................ไม่ขัด ไม่แคลน แร้นสุขี
รุ่นแล้ว รุ่นเล่า เผ่าพงศ์พี..........................มากมี แพร่หลาย ในโลกธาตุ

    ประสบ สุขได้ แม้ไม่รวย........................ไม่ต้อง เล่นหวย ฉวยโอกาส
ทุจริต คิดขาย ทำลายชาติ........................บริภาษ มาดหมาย ป้ายสีคน

    แค่ทำ สัมมา อาชีวะ..............................วิริยะ ทำนุ กรรมกุศล
อย่าเบียด เบียนใคร ให้ทุกข์ทน..................บุญผล ปรนเปรอ เสมอไป

    ทรัพย์-ยศ-สรรเสริญฯลฯ เกินฐานะ............ลดละ อย่าเข็น เป็นเงื่อนไข
เชื่อกฎ แห่งกรรม ทำอะไร..........................ย่อมได้ ไม่คลาด ธรรมชาติคลอง

    พอใจ เท่าที่ เรามี-เป็น............................อย่าเห็น (แล้ว)อยากได้ ใคร่มีผอง
คอยห่วง หวงแหน แม้น(มี)เนืองนอง.............เหมือนโดน จำจอง คับข้องจินต์

๏    เหลือเก็บ เหลือกิน ยินดี(แบ่งปัน)ให้..........ทานด้วย น้ำใจ คล้ายชลสินธุ์
ผลบุญ หนุนเนื่อง เฟื่องชีวิน........................มีกิน มีใช้ ไม่หมดเลย

๏    ไม่ต้อง อยากรวย ; ด้วยความหมั่น............เพียรขยัน หา-ออม บ่ยอมเฉย
ทีละเล็ก ละน้อย ค่อยๆเชย..........................มั่งมี สิเสบย เผยชัดเจน

๏    ลดบาป หลาบ(เวร)กรรม=ลดลำบาก.........เหนื่อยยาก พรากพ้น พิมลเห็น
เมื่อมี ชีวิต คิดให้เป็น..................................สุขได้ ไม่เร้น (แม้)เว้นความรวยฯ

๒๕ มกราคม ๒๕๖๐

วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560

ตัวอย่างของเยาวชน : กาพย์ยานี๑๑



ตัวอย่างของเยาวชน : กาพย์ยานี๑๑


    คืนหวน ครวญคิดได้.....................เมื่อสมัย ยังวัยเยาว์
(ถูก)ผู้ใหญ่ โกหกเอา.......................มิยึดมั่น คำสัญญา

    เปรียบปาน การเริ่มต้น...................ซึ้งใจคน ล้นมุสา
บ่เชื่อ คำพูดจา................................และสอนสั่ง ว่าหวังดี

    (จึง)ถูกหา ว่า(เป็นเด็ก)หัวแข็ง........แลกำแหง ; แสดงวิถี
ผู้ใหญ่ นั้นไมมี.................................จิตใจที่ ยุติธรรม

    เพรื่อพร่ำ คำโกหก........................ยังสาธก ให้ตกต่ำ
ลูกหลาน คร้านฟังคำ.........................ย่อมชักนำ กรรมโศกา

    คุณครู ผู้สั่งสอน............................หน้าที่ป้อน การศึกษา
(หาก)ไร้สัตย์ ศีลอัชฌา......................อย่าเรียกหา ความเคารพ

    พระสงฆ์ องคะเจ้า..........................หลงใฝ่เฝ้า ตะแลงตลบ
ท่องมนต์ จนล้านจบ...........................ก็ไม่สบ คนนับถือ

    ผู้ใหญ่ ใคร่ปกครอง.........................สิสมปอง ซ้องระบือ
ปัถพี ปรีชาชื่อ...................................ต้องสัตย์ซื่อ ถือกุศล

    ทำตน เป็นตัวอย่าง..........................เกียรติสล้าง แก่เยาวชน
ผู้เยาว์ ผู้เฝ้ายล..................................คนนำทาง สว่างเอยฯ

๒๔ มกราคม ๒๕๖๐

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560

คุณธรรมความดี : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



คุณธรรมความดี : กาพย์สุรางคนางค์๒๘


    .......................................วิกฤติ ชีวัน
มากมาย หลายนั้น...................สัมพันธ์ พฤติกรรม
สืบสาว ราวเรื่อง......................ล้วน(เกี่ยว)เนื่อง ทรามต่ำ
ขาดแคลน คุณธรรม.................กำกับ จิตใจ

    ........................................เลวทราม ต่ำช้า
กุมจิต นรา.............................ย่อมพา สาไถย
สร้างบาป สาบเห็น...................ก่อเวร เป็นไป
ผลสนอง ส้องให้.....................ได้ทุกข์ ระทม

    ........................................รู้จัก หักห้าม
อย่าติด คิดทราม......................ดีงาม ส่ำสม
ทำบุญ หนุนเนื่อง.....................ฟุ้งเฟื่อง ภิรมย์
สัตยา ปรารมภ์.........................อุดม เลิศมี

    ........................................ย่อมเป็น ปัจจัย
ขับเคลื่อน เงือนไข...................ไกลทุกข์ โศกศรี
คุณธรรม (คือสิ่ง)สำคัญ.............จรรโลง ฤดี
สร้างสรรค์ ชีวี..........................ลี้เร่า ร้อนรุก

    ........................................งดงาม ความดี
เกื้อหนุน ชีวี............................ให้มี ความสุข
เหินห่าง ทางชั่ว.......................พาตัว พ้นทุกข์
จริงแท้ ทุกยุค..........................ผาสุก เสบยฯ

๒๓ มกราคม ๒๕๖๐

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2560

พัฒนาการทางความคิด : โคลงสี่สุภาพ



พัฒนาการทางความคิด : โคลงสี่สุภาพ


๑. ดวงฤดีที่ยังด้อย.............................พัฒนา
อาจพิจารณ์จากทา-........................รกน้อย
กองกิเลสตัณหา.............................ตรากฎ
ทุกบทบาทพาดพร้อย......................หลากล้วนอารมณ์ฯ

๒. บ่มเพาะความเป็นผู้.........................ขาดเหตุผล
เอาแต่ใจของตน.............................(เป็น)ที่ตั้ง
เห็นแก่ตัวมิสน(ใจ)..........................คนอื่น
วัน-คืนมิเคยยั้ง................................อยากได้ดังประสงค์ฯ

๓. ดำรงซึ่งความไร้.............................ศีลธรรม
ไม่มีกฎแห่งกรรม.............................ห่อเกล้า
มิคะนึงระเบียบนำ.............................ปฏิบัติ
สัญชาตญาณสัตว์เร้า........................ให้วุ่นแสวงหาฯ

. เมื่ออายุย่างเข้า..............................โตวัย
เหล่าระเบียบแลวินัย.........................เรียนรู้
หัดควบคุมจิตใจ..............................ขันติ
เยี่ยงวิถีของผู้..................................ได้รับอบรมฯ

. สะสม องค์ความรู้............................ศึกษา
ความคิดค่อยพัฒนา...........................ก้าวหน้า
ลดอุปสรรคปัญหา.............................เป็นอยู่
มีอุดมการณ์กล้า...............................โลกกว้างมองไกลฯ

๖. ส่วนใหญ่ปรับตัวเข้า.........................สังคม
สรรพโลกีย์ค่านิยม............................เรียนรู้
ทำตามคำติชม.................................กอบกิเลส
ตามขอบเขตของผู้............................ไขว่คว้าโลกียธรรมฯ

. มโนธรรมสำนึกไว้............................สำคัญ
ท่ามกลางคน(มาก)กิเลสตัณ-..............หาห้อม
ครรลองแห่งศีลธรรม์..........................(เป็น)อุปสรรค
มีความอยากมากล้อม.........................รกเรื้อดวงฤดีฯ

๘. มีแค่คนล่วงรู้....................................สัจจา
เห็นคุณค่าจริยา.................................เลิศล้ำ
เพียงสาธุชนศรัทธา............................ประหวัด
พัฒนาจิตใจจ้ำ...................................จุนพ้นมลทินฯ

๒๒ มกราคม ๒๕๖๐

วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560

กายกับใจ : กลอนคติธรรม



กายกับใจ : กลอนคติธรรม


    ถึงแม้ว่า หน้าหนาว ตอนเช้าตรู่................เราไม่อยู่ ดูดาย กายบริหาร
ให้อบอุ่น กรุ่นเร่า เผาพลังงาน.....................อาจทนทาน อาบน้ำ ชื่นฉ่ำจินต์

    ถึงยังเป็น เยาวชน คนสาวหนุ่ม................หากสุขุม อารมณ์ วิกรมถวิล
หนักแน่นใน อุรา เป็นอาจิณ........................วุฒิภา วะประทิ่น อภิญญา

    ถึงรูปกาย ร้ายทราม หากความคิด.............งามวิจิตร พิสมัย ใคร่ศึกษา
หลักศีลธรรม สำนึก ตรึกจรรยา.....................ย่อมงามกว่า (คน)งามกาย แต่ใจทราม

    ถึงจะเจ็บ ป่วยไข้ ไม่สบาย.......................แกร่งฤดี มิคลาย ใจมิขาม
อดทนสู้ โรคา พยายาม...............................ย่อมไร้ทุกข์ ซุกลาม ความอ่อนแอ

    ถึงยากจน ข้นแค้น แสนสาหัส...................หากมิตัด เมตตา ปราณีแผ่
ช่วยเหลือผู้ อื่นได้ ไม่เชือนแช......................คือดวงแด แพร่พร่ำ ความร่ำรวย

    ถึงแต่งกาย สะอาด ผุดผาดตา...................แต่อุรา สกปรก โสโครกด้วย
ความทุจริต คิดฉล ผลอำนวย........................เหม็นสาบไซร้ ไม่สวย สำรวยมี

    ถึงฐานะ ตระกูล คุณสูงส่ง.........................แต่ธำรง พฤติกรรม ทรามบัดสี
ก็ต่ำต้อย ด้อยกว่า ยาจกธีร์...........................คุณความดี ศีลธรรม ประจำมาน

    กายจะเป็น เช่นไร ใจแตกต่าง....................เป็นไปได้ ทุกอย่าง ด้วยสร้างสาน
กุศลธรรม สำนึก ฝึกดลดาล..........................ให้สุขล้ำ สำราญ ทุกวันคืนฯ

๒๑ มกราคม ๒๕๖๐

วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2560

อยู่เพื่อกิน-กินเพื่ออยู่ : กลอนหก



อยู่เพื่อกิน-กินเพื่ออยู่ : กลอนหก


    อยู่เพื่อกิน ถวิลหา..................อยากภักษา โหยอาหาร
ติดรสชาติ มาดตระการ................ทะเยอทะยาน ยิ่งขึ้นไป

    หูฉลาม ปลิงทะเล..................สัตว์ป่าฯลฯเห เมนูให้
ตะกละตะกลาม กินตามใจ............สุขสดใส ใช้ชีวี

    จากเคยอยู่ อย่างแออัด............สารพัดสัตว์ สูญพันธุ์ปรี่
สำนึกไซร้ ไม่เคยมี......................ยังเปรมปรีดิ์ กินต่อไป

    เกินเพื่ออยู่ สู้ชีวิต....................สร้าง-ประดิษฐ์ ผลิตผลให้
โลกใบนี้ ศิวิไลส์.........................น่าพิสมัย และสวยงาม

    ธรรมชาติอุ ดมสมบูรณ์..............สัตว์เพิมพูน จำรูญหลาม
ร่วมรักษา พยายาม......................บังเกิดความ สำนึกมี

    ให้โลกา นี้น่าอยู่.......................ต้องรอบรู้ ในหน้าที่
สุขสมปอง จำต้องมี......................หลักวิถี เชิดชีวัน

    ควรประหยัด และมัธยัสถ์............กิน-ใช้หัด คิดกวดขัน
ธรรมชาติมี ความสำคัญ.................ความสัมพันธ์ สรรพ์ชีวา

    เมื่อธรรมชาติ ขาดสมดุล............ไม่การุญ (ย่อม)ทุกข์ถ้วนหน้า
โลกทั้งโลก โชกน้ำตา...................ทั่วหย่อมหญ้า โศกาเอยฯ

๒๐ มกราคม ๒๕๖๐

วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2560

พัฒนาการของชีวิต : กลอนหก



พัฒนาการของชีวิต : กลอนหก


    พัฒนาการ ของชีวิต..................คนมุ่งทิศ ติดวัตถุ
ทรัพย์ศฤงคาร สินบรรลุ.................ยศศักดิ์อุ กฤษฏ์บูชา

    จึงกระสัน ใคร่ขันแข่ง.................เข้ายื้อแย่ง แสวงหา
วางเล่ห์กล ล้นมารยา....................โดยถือว่า ฉลาดวิธี

    ทุ่มเวลา และชีวัน......................เพื่อมุ่งมั่น บั้นปลายนี้
ผลสำเร็จ ปริเยศมี.........................งามโสภี ค่านิยม

    แต่สำหรับ พุทธกลับมอง.............(สิ่งเหล่านั้นเป็น)เพียงครรลอง โลกธรรมสม
ไม่ประเสริฐ เพริศภิรมย์...................ไม่ชื่นชม (ว่าเป็น)พัฒนาการ

    ไป่ประหวัด ปองวัตถุ...................มุ่งบรรลุ อุระศานติ์
พ้นสาไถย ไร้สามานย์.....................มลทินผลาญ พลีชาญชัย

    เลิกหลงผิด ติดอัตตา..................ตัดตัณหา ศรัทธาให้
เลิกกิเลส เฉทจากใจ......................อยากทั้งหลาย ไม่กระทำ

    คืออริยะ พัฒนาการ....................หลุดพ้นพาล มลมานพล้ำ
คือวิสุทธิ์ โลกุตรธรรม.....................ที่เลิศล้ำ ในโลกา

    เพียงแค่คน กระมลวิเศษ..............ซาบซึ้งเกศ แห่งเทศนา
ของพระพุทธ (ธะ)ศาสดา................ผู้ปรีชา สัจจาเอยฯ

๑๙ มกราคม ๒๕๖๐

วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

ภัยธรรมชาติหรือภัยมนุษย์? : กาพย์ฉบัง๑๖



ภัยธรรมชาติหรือภัยมนุษย์? : กาพย์ฉบัง๑๖


    ฝนตกกลางเดือนมกรา(คม).................ได้ยินเสียงซ่า
ในยามนิทราราตรี

    พยากรณ์อากาศพาทพี................ดูเมื่อวานนี้
ไม่มีทีท่าว่าเตือนฝน(ตก)

    (แสดงว่า)อากาศบัดนี้พิกล................กระทั่งส่งผล
ประจญความยากพยากรณ์(ล่วงหน้า)

    เนื่องจากสภาวะโลกร้อน................ย่อยยับกลับย้อน
บั่นทอนวิถีชีวิต

    ความที่คนเราเขลาจิต...............โฉดฉลพ่นพิษ
วิกฤติติดลามตามมา

    คือสาเหตุของปัญหา................พิบัติภัยไกรกล้า
ไม่สามารถอาจคลี่คลาย

    อดสูดูความเสียหาย...............ผู้คนล้มตาย
มากมายนับวันทะยานทวี

    เภทภัยในทุกๆปี...............ทำให้วิถี
ชีวิตวิกฤติหนักหนา

    โครงการล้างผลาญเงินตรา................ถูกคิดขึ้นมา
เพื่อแก้ปัญหาสาระไร้

    ทุจริตจิตพาลจัญไร................ยิ่งย้ำทำให้
เภทภัยเพิ่มมากกว่าเก่า

    เพราะทำตัวชั่วมัวเมา...............ธรรมชาติจึงเอา
ความทุกข์โศกเศร้ามาเยือนฯ

๑๘ มกราคม ๒๕๖๐

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560

หน้าหนาว หน้าร้อน หรือหน้าฝน? : กาพย์ยานี๑๑




หน้าหนาว หน้าร้อน หรือหน้าฝน? : กาพย์ยานี๑๑


    หน้าหนาว ที่น่าฉงน.....................มีทั้งฝน และรนร้อน
(เท่าที่)จำได้ สมัยก่อน.....................เยาว์วัยย้อน ไม่เคยมี

    หน้าหนาว (ที่)แทบไม่หนาว..........บอกเรื่องราว โลกใบนี้
วิกฤติ ขึ้นทุกที................................สมควรที่ จิใส่ใจ

    ประเทศ ทางเขตเหนือ..................หนาวเย็นเหลือ เฝือเข้าไส้
หิมะตก+อุทกภัย.............................คนล้มตาย มากมายตรม

    ปฏิวัติ อุตสาหกรรม.......................จุดเริ่มนำ ธรรมชาติล่ม
เทคโน โลยีอุดม..............................เงื่อนปมสร้าง ง้างทำลาย

    ธรรมชาติ วิบัติสิ้น..........................ธรณิน ภินท์สลาย
เพราะคน อยากสบาย........................ผลสุดท้าย สบายได้จริง?

    (เมื่อ)ธรรมชาติ ขาดสมดุล...............(ย่อม)เกิดวุ่นวาย ไปทุกสิ่ง
เพราะคน คิดฉลชิง............................แย่งทรัพยา มาครอบครอง

    ธรรมชาติ พิบัติภัย..........................จึงย้อนให้ ได้สนอง
แก่คน วิกลกอง.................................อย่างถูกต้อง และเที่ยงธรรม

    (คน)ส่วนใหญ่ ยังไม่สะท้าน..............สนุกสนาน เช้ายันค่ำ
น่าสลด หมดถ้อยคำ...........................จะชักนำ สำนึกเอยฯ

๑๗ มกราคม ๒๕๖๐

วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

หัวใจของการให้บริการ : กลอนคติสอนใจ



หัวใจของการให้บริการ : กลอนคติสอนใจ


    การให้ บริการ........................และการ ทำธุ รกิจ
จะต้อง พินิจ..............................ตามติด สังคม กระแส
เพื่อความ สอดคล้อง...................ตอบสนอง ความต้อง การแล
ลุล่วง ดวงแด.............................ของแต่ ละคน ปนเป

    ความพึง พอใจ.......................(ของ)ลูกค้า เป็นใหญ่ ที่สุด
(คือความ)ถูกต้อง ผ่องผุด............เพื่อ(ธุรกิจ)รุด พัฒนา อย่าเฉ
ลูกค้า=พระเจ้า..........................ปลุกเร้า ใคร่ครวญ มิรวนเร
ทำความ ทุ่มเท..........................จงเสสรวล รัญจวนใจ

    ทำตาม ใจตน.........................จะไม่ ได้ยล ผลสำเร็จ
กล่าวถ้อย คำเท็จ........................สิเล็ด ลอดตา ก็หาไม่
โกหก หลอกลวง.........................เพราะอยาก ตักตวง เกินไป
ปลิ้นปล้อน สาไถย.......................คือ(ความ)ไร้ สติ ปัญญา

    เอาใจ ของเขา.........................มาใส่ ใจเรา ดูหน่อย
(คน)ฉลาด-เขลา เฝ้าคอย..............คนเอา ใจคอย ละห้อยหา
คนที่ จริงใจ.................................มี(ความ)หวัง ดีให้ ไม่ระอา
(คือ)คนที่ ลูกค้า...........................รักและ ปรารถนา สมาคม

    ลูกค้า ติดใจ.............................เงินทอง ต้องไหล มาเทมา
สุขสันติ์ หรรษา.............................ชีวา บรรลุ เป้าหมายสม
มีคน รักใคร่..................................มีใคร ให้ความ นิยม
สดชื่น รื่นรมย์................................อุดม สมบูรณ์ สุนทรีย์ฯ

๑๖ มกราคม ๒๕๖๐

วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2560

กระบวนการอยุติธรรม : กลอนเจ็ด



กระบวนการอยุติธรรม : กลอนเจ็ด


    คงขาด แค่มี หิมะตก.........................อัศจรรย์ ผันผก เหลือไฉน
อากาศ บัดนี้ ที่เมืองไทย........................ร้อน-ฝน-หนาวได้ ทุกฤดู

    เหมือนกระ บวนการ อยุติธรรม.............ระอา ระกำ นำมาสู่
หลักการ นั้นหรือ คือ"หลักกู"...................คนรู้ ดูหมิ่น ดั่งชินชา

    ตำรวจ เรียกขาน ปาน"ตะกวด"............ยิ่งยวด อธรรม์ สร้างปัญหา
อัยการ-ศาลเอื้อ เหลือระอา.....................ต่างโดน กล่าวหา "อยุติธรรม"

    บาทบท กฎหมาย ใช้บังคับ.................สับปลับ สับสน ล้นระส่ำ
ทนาย ท้ายสุด ทุจริตกรรม......................ต่างคำ นึงว่า ต้องหาเงิน

    ความยุ ติธรรม แค่คำเสนาะ.................สืบเสาะ หาได้ ให้ผิวเผิน
ความอ ยุติธรรม ถูกดำเนิน......................ประเชิญ ปกติ ทุกวี่วัน

    เขาล้อ(เลียน) ก็หา ว่าดูหมิ่น...............ยินดี หากได้ ใครเสริญสรร
เมินดู เงื่อนไข เหตุใดกัน?......................คนไทย ใครหยัน ขันประณาม

    ยกข้อ กฎหมาย มาใช้ขู่......................ยิ่งดู เป็นเสนียด น่าเหยียดหยาม
กรรมชั่ว ตัวสร้าง ต่างๆทราม...................ติดตาม หลามหลาก ยากลบเลือน

    เลิกที พิรุธ และทุจริต.........................วิจิตร กิจกรรม ดีงาม(ขับ)เคลื่อน
เลิกรับ สินบน ล้นเงินเดือน......................ศีลธรรม ย่ำเยือน อย่าเลือนราง

    มนา สถิต ซึ่งยุติธรรม.........................ก่อกรรม ทำดี ปรียาสร้าง
ย่อมเป็น ที่รัก มิจากจาง..........................อยู่กลาง ใจชน จนนิรันดร์ฯ

๑๕ มกราคม ๒๕๖๐

วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2560

ทำดีให้เป็นนิสัย : กลอนจรรโลงใจ



ทำดีให้เป็นนิสัย : กลอนจรรโลงใจ


    ยามใด ที่เห็น ดอกหญ้า...................ควรรู้ เถิดว่า คือหน้าหนาว
ดอกหญ้า ทะยาน ก้านยาว....................ทอดยัง ห้วงหาว ดาวดล

    งอกเงื้อ เพื่อพ้น พสุธา.....................สุริยา แสวง แสงหน
แม้ยาก ยังพากเพียร เวียนวน.................เพื่อผล สำเร็จ เจตนา

    (เกิด)เป็นคน ล้นล้ำ ความคิด.............ชีวิต พิทย์นาท ศาสนา(พิทย์=ความรู้,นาท=บันลือ)
มากมี สติ และปัญญา...........................สำคัญ คุณค่า สาระมี

    ทม อย่าได้ ใฝ่ต่ำ.............................ระยำ กำหนัด บัดสี(ทม อ่าน ทะมะ=การข่มใจ,การฝึกตน)
สูงส่ง สำแดง แสวงดี............................สัมมา หน้าที่ มีงาม

    สุโข มโนธรรม สำนึก........................ระลึก (ระเบียบ)วินัย ไม่มองข้าม
พิสุทธิ์ อุตส่าห์ พยายาม........................ด้วยความ สุขุม ภูมิใจ

    อย่าใส่ใจ ในชาติ กำเนิด...................สิพา ประเสริฐ ก็หาไม่
พฤติกรรม สัมมา ประไพ........................(จึงเป็น)ยอดอา ชาไนย ไกรเกรียง

    ทำดี มิต้อง ทำเด่น...........................หลีกเว้น มั่วสุม ทุ่มเถียง
เพราะกฎ แห่งกรรม ไร้ลำเอียง................ย่อมได้ ดีเยี่ยง เที่ยงธรรม

    ทำดี ให้เป็น นิสัย.............................ทำให้ สุขสันติ์ เช้ายันค่ำ
แม้อา ยุขัย ไม่นิรันดร์............................แต่ความ ดีนั้น นิรันดรฯ

๑๔ มกราคม ๒๕๖๐